โลกมนุษย์นี้เป็นโลกแห่งการสร้างบารมี
ไม่ใช่โลกแห่งการเสวยผลบุญ เสวยสุข เราต้องเกิดมาสร้างบารมี สร้างความดีให้ยิ่ง ๆ
ขึ้นไป ให้ใช้ทุกอณุวินาทีที่ยังมีชีวิตอยู่สร้างบุญสร้างบารมีให้เต็มกำลังไปเลย
อย่าทำตามกำลัง
ทำให้เต็มกำลัง
ทำหมดใจ
แต่ไม่ใช่หมดตัว
ทำหมดใจ
ไม่มีวันหมดตัว
เวลาในโลกมนุษย์นี้ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
และความตายไม่มีนิมิตหมาย เราจะตายวันไหน เวลาไหน ที่ไหน ด้วยอาการอย่างไร
ยากที่จะรู้ได้ นอกจากเรามีรู้ มีญาณทัสนะอันบริสุทธิ์ เราถึงจะรู้ได้
แต่โลกชีวิตใหม่หลังจากการตายแล้วนั่นแหละ
เป็นชีวิตที่เสวยผลยาวนานทีเดียว
ถ้าทำบาป ก็ไปเสวยผลทุกข์ในอบายยาวนานมาก
ไม่ใช่เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่นปี แต่ว่าเป็นกัปปี หลาย ๆ กัปทีเดียว
ในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นมนุษย์ได้สร้างความดี
ตายแล้วไปสู่เทวโลก ก็ไปเสวยผลบุญที่เราได้ทำเอาไว้ยาวนาน
ชีวิตหลังจากตายแล้วยาวนานนัก
เป็นชีวิตแห่งการเสวยผล ไม่มีการทำมาหากิน ไม่มีการทำมาค้าขาย
ไม่มีธุรกิจการงานอันใด นอกจากเสวยผลบุญบาปที่ทำไว้
เมื่อเราทราบอย่างนี้
ให้ใช้วันเวลาที่มีจำกัดในโลกนี้สร้างบุญสร้างบารมีให้เต็มที่ ด้วยทาน ศีล ภาวนา
เป็นต้น
ทำทุกวัน ทำบ่อย ๆ ทำให้เป็นนิสัย เป็นกิจวัตร เหมือนทุก ๆ เช้าเราต้องอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันอย่างนั้น
หรือเหมือนลมหายใจเข้าออกเป็นอัตโนมัติ อย่างนี้จึงจะถูกหลักวิชชา
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทำผ่านมาแล้ว และตรัสสรรเสริญในการทำเช่นนี้ เพราะฉะนั้นให้ทำความเข้าใจให้ดีนะ
คุณครูไม่ใหญ่
3 มีนาคม พ.ศ. 2545
วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561