พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอายตนนิพพานมีมากกว่าเม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้งหลาย
จะนับจะประมาณกันมิได้ เพราะธาตุธรรมนั้นตั้งมายาวนานจนหาเบื้องต้นยังไม่ได้
ยังไม่มีใครที่อาจจะคำนวณได้ว่า เบื้องต้นนั้นเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร แต่ที่ผ่านมานั้นมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าสู่อายตนนิพพานนับพระองค์ไม่ถ้วน
และกว่าจะมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ก็สร้างบารมีมายาวนานมาก
พระพุทธเจ้าแบ่งได้
๓ ประเภท โดยเทียบจากจริตอัธยาศัย และระยะเวลาในการสร้างบารมีที่ไม่เหมือนกัน
๑.
พระปัญญาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีประเภทมีปัญญาแก่กล้า
ใช้เวลาในการสร้างบารมี ตั้งแต่นึกในใจ เปล่งวาจา และได้รับพุทธพยากรณ์ ๒๐ อสงไขย
แสนมหากัป
๒. พระสัทธาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีประเภทมีศรัทธาแก่กล้า
ใช้เวลาในการสร้างบารมีมากไปอีกหนึ่งเท่า คือ ๔๐ อสงไขย แสนมหากัป
๓.
พระวิริยาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีประเภทมีความเพียรแก่กล้า
ใช้เวลาในการสร้างบารมีมากกว่าสัทธาธิกพุทธเจ้าไปอีกหนึ่งเท่า คือ ๘๐ อสงไขย
แสนมหากัป
อสงไขย แปลว่า
นับกันไม่ได้ นับกันไม่ถ้วน แต่สิ่งที่นับไม่ถ้วน เอามารวมกันแล้ว ๒๐, ๔๐ และ ๘๐ สร้างบารมีกันมาเป็นเวลายาวนานทีเดียว
บางกัปไม่มีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น
บางกัปมีแค่พระองค์เดียว บางกัปมีสองพระองค์ บางกัปมีสามพระองค์ สี่พระองค์
แต่ไม่เกินห้าพระองค์
กัปของเรา
เรียกว่า ภัทรกัป คือ กัปที่เจริญ มีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น
๕ พระองค์ บังเกิดขึ้นไปแล้ว ๔ พระองค์ เหลืออีก ๑ พระองค์ข้างหน้า คือ พระศรีอริยเมตไตรย
เพราะฉะนั้น
การสร้างบารมีกว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งนั้นใช้เวลายาวนานมาก
เมื่อพระพุทธเจ้ามีจำนวนมากกว่าเม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้งหลาย
แสดงว่า ธรรมธาตุนี้ตั้งกันมายาวนาน นานจนกระทั่งไม่อาจที่จะคำนวณได้
พระบรมพุทธเจ้า คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เข้าสู่อายตนนิพพานมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
เก่าแก่ ก่อนกว่าองค์ใด ๆ ทั้งสิ้น
ยิ่งเข้าไปก่อนเท่าไร ก็แสดงว่า ต้องมีบารมีมาก เป็นผู้รู้กว่าผู้รู้ใด
และรู้ก่อนผู้รู้ใด
เป็นผู้ที่คอยดูแลพระสัพพัญญูพุทธเจ้าที่เข้าสู่อายตนนิพพานในภายหลัง เปรียบเหมือนครูใหญ่ดูแลครูน้อย
ส่วนพระสัพพัญญูพุทธเจ้าดูแลสรรพสัตว์ทั้งหลาย เหมือนครูน้อยดูนักเรียน
ดังนั้น
ในวันนี้เราจะหล่อพระบรมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าที่เข้าสู่อายตนนิพพานองค์แรก ๆ
ที่เป็นปฐมนั้นจึงเป็นบุญใหญ่ เฉพาะผู้มีบุญเท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้ทำอย่างนี้
เมื่อท่านทั้งหลายมีกุศลศรัทธา
มีความตั้งใจได้มาร่วมหล่อและมาร่วมอนุโมทนาบุญด้วย จึงเป็นบุญใหญ่อย่างจะนับจะประมาณมิได้ให้บังเกิดขึ้นไปทุกภพทุกชาติกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
จะเป็นผู้สมบูรณ์ไปด้วยสมบัติทั้งสาม
รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ รวมทั้งมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน
รูปสมบัติ เมื่อบังเกิดขึ้นจะเป็นผู้สมบูรณ์ได้ลักษณะที่สวยงาม
แข็งแรง เหมาะสมที่จะสร้างบารมี จะบังเกิดในตระกูลสัมมาทิฐิ จะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี
เกิดในตระกูลที่มีสมบัติคอยรองรับ จะมีจิตใจที่เป็นกุศลธรรมตลอด แสวงหาแต่บุญกุศล
ฝักใฝ่ในการสร้างมหาทานบารมี
ทรัพย์สมบัติ มหาสมบัติจะบังเกิดขึ้นอย่างมากมาย
ประดุจมหาสมบัติของบรมจักรพรรดิ หรือประดุจของท่านโชติกเศรษฐี ชฎิลเศรษฐี
และท่านเมณฑกเศรษฐี ที่มีสมบัติที่ตักแล้วไม่พร่อง
คุณสมบัติ จะมีคุณสมบัติที่แตกฉานแทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรม
แทงตลอดในธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว จะได้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกาย
จะปิดประตูอบาย
นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสูรกาย ไม่ไป จะมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่อาศัย ระหว่างสร้างบารมีก็จะท่องเที่ยวอยู่
๒ ภูมิ คือ มนุษย์และเทวโลก
จะเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพยกย่องนับถือในทุกหนทุกแห่ง
จะเป็นผู้ที่มีอายุ วรรณะ สุขะ มีพละ มียศ และอธิปไตย คือ ความเป็นใหญ่
ไม่ว่าจะอยู่ในหมู่มนุษย์หรือในหมู่เทวดาทั้งหลาย
เกิดคราใดในการสร้างบารมี
จะได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะว่าใจผูกพันกับพระบรมพุทธเจ้าผู้เป็นประมุขแห่งพระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลาย
กระแสธารแห่งบุญนี้
จะถึงแก่หมู่ญาติที่ละโลกไปแล้ว ที่มีทุกข์ก็จะได้พ้นทุกข์
ที่มีสุขแล้วก็จะสุขยิ่งๆ ขึ้นไป จะทั่วถึงแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง
ทบทวนโอวาท หลวงพ่อธัมมชโย
วันศุกร์ที่ ๒๑
กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๐
๑๒.๓๕ - ๑๕.๓๐ น.
๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๐ (รอบบ่าย)
วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566