เมื่อแต่งงานกันแล้ว...ค่อยไปดู "ตัว"
คนโบราณ ท่านให้หลักในการเลือกคู่ไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว
“รูปสวย รวยทรัพย์ นับวิชา มารยาท ชาติผู้ดี มีศีลธรรม”
รูปสวย รูปหล่อไหม สวยไหม สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ไม่พิกลพิการ
รวยทรัพย์ รวยไหม
ถ้าไม่รวยก็จะมีแรงปัญหา แรงกดดัน สงครามเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นภายในบ้านได้
นับวิชา มีวุฒิการศึกษาเป็นอย่างไร
มารยาท เป็นอย่างไร
เข้าผู้หลักผู้ใหญ่เป็นไหม มีความเคารพ อ่อนน้อมถ่อมตนไหม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องดู
ชาติผู้ดี
ดูบรรพบุรุษ ต้นตระกูลที่เขาสืบทอดชาติผู้ดีหรือเปล่า สืบดูปู่ของปู่ของปู่ ๆ เป็นคนที่มีศีลมีธรรมไหม
รักพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมชาวพุทธ รักเดียวใจเดียวหรือเปล่า
มีศีลธรรม และดูต่อไปว่า คนที่เราคบด้วยมีศีลธรรม
เหมือนบรรพบุรุษเขาไหม
ดูช้างให้ ดูหาง ดูนางเขาให้ดูใจก่อน
ใจนางเหมือนดั่งทางรถที่คดเคี้ยวหรือเปล่า
อย่าลืมว่า เรากำลังจะเลือกพ่อแม่ของลูก และเลือกคู่ชีวิตที่จะมาอยู่เคียงข้างเราที่จะสร้างบารมีร่วมกัน ต้องดูว่ามีศรัทธา มีศีล
มีทิฐิ เสมอกันหรือเปล่า
ศรัทธาในพระรัตนตรัยเหมือนกันไหม
ศีล ๕ มีเหมือนกันไหม
เป็นสัมมาทิฐิหรือเปล่า
เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์ไม่ใช่ประโยชน์ เหล่านี้ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น เราต้องคบหาดูใจกันก่อน เมื่อไรที่ทำถูกหลักวิชชา
แต่งงาน จดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว ตัดสินใจจะเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว จึงค่อยดูตัว
และการดูใจ ก็ต้องดูกันไปนาน ๆ เพราะถ้าดูแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ของพวกนี้มันสร้างภาพกันได้ คือจะให้เขารักเรา มันก็ทำตัวให้น่ารัก เพราะฉะนั้นต้องดูกันนาน
ๆ ดูตอนเขาเผลอ ดูไปเรื่อย ๆ แล้วก็มีระยะห่าง อย่าให้ข้าศึกบุกกระชั้นชิด เราต้องรักนวลสงวนตัว
แล้ววัฒนธรรมทดลองอยู่ก่อนแต่ง อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่การทดลองวิทยาศาสตร์ อย่างนั้นเขาเรียกว่าเอาจริงแล้ว นั่นแสดงว่า ยังไม่เข้าใจว่า การที่คนเรารักกันเพื่ออะไร
ชีวิตคู่ ไม่ใช่ของลองเล่น แต่เป็นสิ่งสูงส่ง
เป็นเรื่องสำคัญ ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเราจะให้เป็นทางผ่านมาของกายละเอียดมาเป็นมนุษย์ มาสร้างบารมี
และยกฐานะของเราขึ้นเป็นพ่อแม่ ที่เหนือจากการเป็นภรรยาสามี ซึ่งต้องมีขั้นตอน เริ่มต้นเป็นคู่รักกัน เป็นสามีภรรยา เป็นบิดามารดา
เป็นครู เป็นเทวดา กระทั่งเป็นพระพรหม
พระอรหันต์ในบ้าน ถูกยกระดับตรงโน้น
มันต้องมีขั้นตอน อย่างนี้จึงจะถูกหลักวิชชา
คุณครูไม่ใหญ่
19 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560