เราเป็นมนุษย์ธรรมดาก็ต้องทำแบบคนธรรมดา
เราไม่ใช่เทวดาที่จะเนรมิตอะไรก็ได้ เวลานั่งธรรมะก็อย่าไปฮึดฮัดว่า
ทำไมเราอยู่ทางโลกจะทำอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง ทำไมทำอย่างนี้มันไม่ได้ ก็เลยฮึดฮัด และก็อย่าไปเอาวิธีทางโลกมาใช้กับวิธีการปฏิบัติธรรม
ทางโลกแสวงหาโลกียทรัพย์ เราต้องวิ่งเต้น
ต้องต่อสู้ ต้องเจอแรงกดดัน เจอปัญหา ต้องเอาจริงเอาจังกันสารพัด
วิธีการนั้นเอามาใช้กับการแสวงหาอริยทรัพย์ภายในไม่ได้ ภายในต้องเยือกเย็น สุขุม
ละมุนละไม ค่อย ๆ ประคับประคองใจไป เดี๋ยวมันก็หยุดเอง เดี๋ยวก็ถึงที่หมายเอง ต้องนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม สบาย ๆ
ทำเหมือนกับรถไฟที่แล่นอยู่บนราง
เวลามันแล่นไป มันจะมีเสียงหนึ่งที่เราคุ้นเคย คือ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง นั่งไปเรื่อย
ๆ เดี๋ยวก็ถึงสถานี ถึงจุดหมายปลายทาง ปฏิบัติธรรมะก็เช่นเดียวกันนะลูกนะ
ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง ทำใจเย็น ๆ อย่าไปฮึดฮัด อย่าไปตั้งใจเกินไป ทำใจหลวม ๆ
เหมือนสวมเสื้อผ้าที่ไม่คับมันสบายเนื้อสบายตัว ใจหลวม ๆ ก็สบายอกสบายใจ
เราเป็นผู้มีบุญที่สั่งสมกันมายาวนาน
จึงได้มีกุศลศรัทธาอยากปฏิบัติธรรม และเราก็ได้มาปฏิบัติธรรมแล้ว กำลังบุญเรามันถึงแล้วเราถึงมาได้
เหลือแต่วิธีการกับความเพียรเท่านั้น เราทำถูกต้องไหม สม่ำเสมอไหม สมัครใจที่จะเห็นไหม
มีฉันทะไหม มีสติ มีสบายไหม สม่ำเสมอไหม เลิกนั่งแล้วเราก็มาสังเกตดูว่า
เราทำถูกหลักวิชชาไหม ก็ปรับปรุงแก้ไขกันไป สักวันหนึ่งก็จะต้องเป็นของเราอย่างแน่นอน
อย่าลืมว่า ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง
นั่งไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึงจุดหมายปลายทางเอง
คุณครูไม่ใหญ่
๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2564