ถ้าตอนนี้เรามีสุขภาพไม่แข็งแรง
เป็นโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรง ก็มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- ช่วงนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่เราต้องให้โอกาสแก่ตัวเองทำความสงบของใจ
ให้ใจสงบนิ่งๆ
- สั่งสมบุญไปทุกๆ
บุญ
- นึกคิดแต่เรื่องดีๆ ที่เป็นกุศลธรรม ไม่ใช่เรื่องโจ๊ก
เรื่องตลกโปกฮา แต่เป็นเรื่องกุศลธรรมความดีที่เราทำเอาไว้ ใจต้องคิดวนเวียนอยู่ในสิ่งเหล่านี้
- รักษาอารมณ์ของเรา อย่าให้เสียง่าย ให้อารมณ์ดีๆ
- เวลาปล่อยคำพูดออกมา
ต้องเลือกประโยคหรือถ้อยคำที่ทุกคนสบายใจ เขามีความสุข มีพลังใจในการทำงาน
ทำความดี
- ทำทุกอย่างด้วยใจที่ชื่นบาน
เอาจริงได้ แต่อย่าถึงกับเอาจังจนเครียด เราไม่ชอบคำว่า เครียด เวลาใครบอกว่า เราเครียด
เราจะต้องช่วยเขาหน่อย คือ ให้เขาดูเรา แล้วเราไม่เครียดอย่างนั้นจริงๆ
มันก็จะสบายใจ ความสบายใจขยายไปถึงสิ่งแวดล้อมภายในครอบครัว ที่ทำงาน
และทุกหนทุกแห่ง
- พยายามนึกตรึกองค์พระใสๆ
เอาไว้ ใจจะได้มีความผาสุก ตอนป่วยเราจะต้องใกล้พระรัตนตรัย และกุศลธรรมให้มากๆ ใกล้ต่ออารมณ์ดีให้มากๆ อย่าห่วงอาลัยกังวลจนเกินไป
หรือไปคาดหวังอะไรกับสมาชิกในครอบครัวจนเกินไป
เอาพอดีๆ แล้วใจเราจะเบิกบาน แช่มชื่น
ยิ่งถ้าเรารู้ว่ามีเวลาเหลือน้อยที่จะอยู่ในโลกนี้ ก็ต้องรักษาใจให้ใสๆ
ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ต้องอยู่กับพระรัตนตรัย
- ถึงตอนละโลก ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวของเราเอง
เพราะทำแทนกันไม่ได้ เราอยากเข้าถึงพระธรรมกายในตัว
แต่ให้คนอื่นเขาทำแทนอย่างนี้ไม่ได้ ต้องทำเอง
เราอยากได้ความสุขแต่ให้คนอื่นเขาทำแทนก็ไม่ได้ เราต้องทำเอง
ความสุขถึงจะเกิดขึ้น ยิ่งเหลือเวลาน้อย เราต้องทำกันอย่างนี้
แล้วดีไม่ดีการทำอย่างนี้กลับกลายเป็นการยืดเวลาที่ใครๆ ว่าเหลือน้อยให้ยาวออกไป
สิ่งที่อัศจรรย์มักเกิดขึ้นกับใจที่อัศจรรย์ ทำถูกหลักวิชชา
มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งภายใน
นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องศึกษาเรียนรู้กันเอาไว้ให้ดี
คุณครูไม่ใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๒
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2565