ที่ชาวโลกทั้งหลายมีความทุกข์
เพราะเขาไม่รู้ว่า แก่นสารของชีวิตคืออะไร อะไรคือที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง จะเข้าถึงได้อย่างไร
ทั้งๆ ที่ตัวก็แสวงหาความสุข หรือสิ่งที่จะมาเชื่อมต่อกับความสุขที่แท้จริง ตัวอยากได้ความสุข
แต่ไม่รู้ว่าความสุขนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน และจะเอาอะไรเป็นตัวเชื่อม
เมื่อไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก ก็ทำไปตามที่เข้าใจ
ตามที่ได้ยินได้ฟังมา หรือเข้าใจเอาเอง มีรสนิยมอย่างไรก็ไปอย่างนั้น
ถ้าเข้าใจว่า สิ่งที่จะเชื่อมให้ถึงความสุขได้
คือ ทรัพย์ ก็จะแสวงหาทรัพย์
ถ้าเข้าใจว่า ความสุขอยู่ที่การดื่มน้ำเมา ก็จะไปแสวงหาตรงนั้น
นึกว่าจะเป็นตัวเชื่อมให้ถึงความสุขที่แท้จริง
ถ้าเข้าใจว่า อยู่ที่การพนัน อบายมุข ก็จะไปเชื่อมตรงนั้น
หรือเข้าใจว่า ความสุขอยู่ในรูป เสียง กลิ่น
รส สัมผัส ธรรมารมณ์ เข้าใจอย่างนั้นก็จะไปเชื่อมอย่างนั้น แต่พอไปถึง ก็ไม่เจอ ไม่เจอ
ก็เบื่อหน่าย เปลี่ยนแปลง แล้วก็แสวงหากันต่อไป เหมือนนกที่กระโดดจากกิ่งไม้นี้ไปสู่กิ่งไม้โน้นไปเรื่อยๆ
การแสวงหาที่ไม่ได้ประกอบไปด้วยปัญญา
ทำให้ชีวิตมีความทุกข์ทรมาน ต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้เรื่องกฎกติกาของชีวิตว่า ชีวิตมีกฎแห่งกรรมบังคับอยู่
ไม่รู้เรื่องราวของปรโลก มีความเห็นผิด ชีวิตก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันต่อไป เกิดบ่อยๆ
ก็ทุกข์บ่อยๆ เพราะไม่มีความรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดิมก็เป็นปุถุชน
สร้างบารมีกันเรื่อยมา เพราะปรารถนาจะพ้นทุกข์ อยากจะเข้าถึงความรู้ ความบริสุทธิ์ที่จะพ้นทุกข์ได้
เพราะเบื่อหน่ายจากทุกข์ด้วยพระองค์เอง และมีมโนปณิธานว่า รู้แล้วเห็นแล้วก็จะมาสั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลาย
และเมื่อบารมีเต็มเปี่ยม ได้เข้าถึงด้วยวิธีการหยุดนิ่ง ดังที่ได้กล่าวมาตั้งแต่เบื้องต้นนั้นแล้ว
ก็ได้ถ่ายทอดความรู้นี้ไปยังสรรพสัตว์ทั้งปวงทั้งมนุษย์และเทวดา
เป็นบรมศาสดาเดียวที่สอนได้ทั้งมนุษย์และเทวดา
ไม่มีศาสดาใดที่สอนได้ทั้งมนุษย์และเทวดา สอนได้แค่มนุษย์ แต่ก็เป็นความรู้ที่ยังไม่สมบูรณ์
สาวกก็ปฏิบัติตามคำสอนของศาสดา ศาสดาใดที่ความรู้ไม่สมบูรณ์ก็ว่ากันไปอย่างนั้น ชีวิตก็ยังมีความระทมทุกข์เรื่อยไป
เราได้ชื่อว่า
เป็นพุทธศาสนิกชน เป็นพุทธมามกะ จะต้องศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจ แจ่มแจ้ง
เพื่อจะได้นำมาปฏิบัติ ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีแก่โลก นี่คือกรณียกิจ
เป็นกิจที่ต้องทำ เพราะเป็นงานที่แท้จริง นอกนั้นก็เป็นงานที่เราแสวงหาปัจจัย ๔ มาหล่อเลี้ยงสังขาร
มีชีวิตอยู่ก็เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงหามรรคผลนิพพานนี้อย่างเดียว อย่างน้อยที่สุดก็ปิดอบาย
ไปสวรรค์ เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ
คุณครูไม่ใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๕
กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๕๔๙ (เช้า)
วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2565