เมื่อลาสิกขาไปแล้วก็ตั้งใจมั่น
รักษาศีล ๕ ให้บริบูรณ์ ทำทานให้สม่ำเสมอ แล้วปฏิบัติธรรมะไม่ให้ขาดเลย
เรายังคงให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอย่างเต็มที่ เพียงแค่เปลี่ยนภาวะจากเพศสมณะมาเป็นเพศคฤหัสถ์เท่านั้น
ตั้งใจเอาดีให้ได้ในเพศคฤหัสถ์ เหมือนท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี หรือผู้มีบุญในกาลก่อน
ให้เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีของโลก
ในยามที่โลกขาดแคลนตัวอย่างที่ดีให้ดู
โดยเฉพาะชาวพุทธ ในตอนนี้กำลังหลงทางกัน
เป็นชาวพุทธในนามยังไม่พอยังทำให้เสียชื่อของชาวพุทธด้วย
เพราะหลวงพ่อจะเจอคำถามว่า ทำไมชาวพุทธยังดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน
เจ้าชู้ ก็แปลว่า ชาวพุทธกำลังเดินผิดทางจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
แล้วยิ่งบางคนเพิ่งลาสิกขาไปใหม่ๆ
ก็ถูกเพื่อนเก่าชักชวนให้เข้าวงดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืนแบบเดิม เพื่อนใช้ถ้อยคำหลายวิธีที่รับฟังแล้ว
เราจะต้องเกรงใจบ้าง ใจอ่อนบ้าง เชื้อเก่ากำเริบบ้าง จนกระทั่งเราต้องไปอยู่ในวงจรนั้นอีกเช่นเดียวกับตอนก่อนเข้ามาบวช
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็น่าเสียใจ แล้วน่าเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาที่ได้มาบวชเป็นสมณะ
ตั้งใจจะประพฤติดีปฏิบัติชอบ บวชแล้วยังมีความตั้งใจอย่างนี้ แต่กลับไปเป็นอย่างเดิม
ก็แปลว่า บวชเสียผ้าเหลือง
ตัวเราก็ตกต่ำ แถมยังเป็นต้นแบบที่ดีของเพื่อนๆ และเพื่อนมนุษย์ไม่ได้ อย่างนี้น่าเสียดาย
หลวงพ่อไม่อยากให้ลูกหลวงพ่อที่จำเป็นจะต้องลาสิกขา
ต้องไปเป็นคฤหัสถ์เป็นอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่อยากให้ไปเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีของชาวโลก
เราต้องปิดอบายให้เขา แล้วชวนเขาไปสวรรค์ ด้วยการชักชวนให้เขาทำแต่ความดี
ให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใสๆ เราต้องเข้มแข็งนะลูกนะ ไม่มีทางเลือกอื่นใดเลย นอกจากเราต้องเข้มแข็ง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า
เราจะต้องดูแลตัวเราให้ดี ไม่มีใครทำความดีแทนได้ คนหนึ่งป่วย อีกคนหนึ่งกินยาแทน
แล้วจะให้หายป่วย เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องดูแลตัวเราเองให้ดี ทั้งในที่ลับที่แจ้ง
ให้มีหิริ มีโอตตัปปะ แล้วตั้งใจเป็นผู้นำบุญ เป็นยอดกัลยาณมิตร ด้วยความเข้มแข็ง
ด้วยความสมัครใจ ด้วยการเห็นคุณค่าของชีวิต และประโยชน์ที่จะทำอย่างนี้ ถ้าเราเข้มแข็งจริงๆ
เราจะฉุดดึงเพื่อนมนุษย์ได้ นี่คือสิ่งที่หลวงพ่ออยากจะฝากไว้ สำหรับลูกที่จำเป็นจะต้องลาสิกขาตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
อย่าให้เสียชื่อของการมาบวชในครั้งนี้ อย่าให้เสียชื่อวัดพระธรรมกาย
อย่าให้เสียชื่อพระอุปัชฌาย์ พระคู่สวด อย่าให้เสียชื่อพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง
และอย่าให้เสียชื่อมาถึงหลวงพ่อ
เราได้รู้ถึงเป้าหมายมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่
คือ จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ซึ่งเป็นภูมิอันใหญ่ที่ยังไม่มีใครไปถึง แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้มามากมายนับพระองค์ไม่ถ้วน
ก็ยังไปไม่ถึง เราตั้งภูมิอันสูงขนาดนั้น แล้วข้อวัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้
เรายังทำไม่ได้ แล้วเราจะไปถึงตรงนั้นได้อย่างไร นี้เป็นสิ่งที่ต้องฝากให้ลูกทุกคน
ที่จะลาสิกขาในวันพรุ่งนี้ ไปใคร่ครวญคิดพิจารณาให้ดี
แล้วอย่าละมโนปณิธานอันสูงส่งนี้
ให้ติดออกไปด้วยแม้เราเป็นคฤหัสถ์ ไปอยู่ที่ไหนก็ให้ติดอยู่ในใจของเรา
ไปเป็นอุบาสก เปลี่ยนภาวะจากพระมาเป็นอุบาสก คือ ผู้เข้าไปนั่งใกล้พระรัตนตรัย
เปลี่ยนจากอยู่ที่วัดก็ไปอยู่ที่บ้าน พระรัตนตรัยอยู่ในตัว
เราก็หาเข้าไปในตัว ถ้าลูกทำอย่างนี้ได้ เข้มแข็งอย่างนี้
ก็เท่ากับช่วยกันยกย่องเชิดชูพระพุทธศาสนาให้สูงส่ง ช่วยกันยกย่องพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์
รวมมาถึงหมู่คณะของเรา ที่สำคัญ คือ เทิดทูนตัวของเราเองให้สูงขึ้น
เป็นสิ่งที่สำคัญ
แล้วอย่าลืมนึกถึงบุญ อุทิศส่วนกุศลนี้ไปให้กับบรรพบุรุษ
บุพการี หมู่ญาติ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย หลังจากนั้นก็ถึงเวลาฤกษ์สว่างที่เราจะลาสิกขาไป
-------------------------------
โดย : หลวงพ่อธัมมชโย
ผู้ฟัง : พระภิกษุ สามเณร
สถานที่ : อุโบสถวัดพระธรรมกาย จ. ปทุมธานี
ในโอกาส : กรานกฐิน
เมื่อ : วันอาทิตย์ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙
เวลา : ๑๙.๐๐ - ๒๐.๐๐ น.
วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565