วันพระ
หรือ วันธรรมสวนะ
เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะวันพระใหญ่ คือ วันเพ็ญ ขึ้น ๑๕
ค่ำ ยิ่งเมื่อได้ศึกษาความเป็นมาและรายละเอียด จะยิ่งตระหนักถึงความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะมีเรื่องราวที่เกี่ยวพันกัน และเป็นกิจกรรมร่วมกันระหว่างมนุษยโลก เทวโลก
และยมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวันหยุดทัณฑ์ทรมานในยมโลกทั้ง ๓๒๐ ขุม
เพราะฉะนั้นบุญที่หมู่ญาติอุทิศส่วนกุศลไปให้ จะได้ช่องส่งผลกันตอนนี้
ดังนั้น
พุทธศาสนิกชนควรให้ความสำคัญในการสั่งสมบุญในทุกวันพระ
เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้ และ
ที่สำคัญหมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้วต่างเฝ้ารอบุญกุศลที่เราจะอุทิศไปให้ด้วย
กองบรรณาธิการ
มหัศจรรย์วันพระ
(ในทรรศนะของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา)
วันพระในพระพุทธศาสนา
กำหนดทางจันทรคติ มี ๔ วัน คือ
วันขึ้น ๘ ค่ำ, วันขึ้น ๑๕ ค่ำ,
วันแรม ๘ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ค่ำ (ถ้าเป็นเดือนขาดก็ แรม ๑๔ ค่ำ)
ในหนึ่งเดือนจะมีวันพระใหญ่
๒ วัน คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ และ วันแรม ๑๕ ค่ำ
โดยเฉพาะ
ในวันพระใหญ่ ขึ้น ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง
มีเรื่องราวที่น่าศึกษาเรียนรู้และมีความสำคัญมาก
และมีความเกี่ยวพันกันระหว่างโลกมนุษย์ เทวโลก และยมโลก
วันพระในโลกมนุษย์
>> วันแห่งการสั่งสมบุญบารมี
<<
วันพระ เป็นวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนา
เป็นวันที่ทั้งพระทั้งโยมควรประกอบเหตุร่วมกันเพื่อสั่งสมบุญ
พระปฏิบัติหน้าที่อย่างหนึ่ง ฆราวาสก็ทำหน้าที่อย่างหนึ่งซึ่งต่างก็เกื้อกูลกัน
วันพระ สำหรับญาติโยม เป็นวันที่เราควรจะได้สั่งสมบุญกุศลให้ยิ่งๆ
ขึ้นไป ด้วยการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อเป็นปัจจัยให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
และอุทิศส่วนกุศลให้กับหมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว
ก่อนถึงวันพระ สาธุชนจะเตรียมปัจจัยไทยธรรม ซึ่งมีดอกไม้ ธูปเทียน อาหารหวานคาว เป็นต้น สำหรับนำไปถวายคณะพระภิกษุในวันพระ
วันพระ สาธุชนทั้งหลายก็จะนำปัจจัยไทยธรรมเหล่านั้น ไปบำเพ็ญบุญที่วัด
ไปสมาทานอุโบสถศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม
เมื่อมีกิจกรรมอะไรอันเป็นทางมาแห่งบุญกุศลก็ต้องขวนขวายตักตวงบุญกันให้เต็มที่
เช่น เห็นใบไม้ใบหญ้า เศษขยะมูลฝอยในวัดก็ช่วยกันเก็บกวาด
หรือช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดเสนาสนะต่าง ๆ เป็นต้น
บ้านใดมีบุตรหลาน
วันพระก็ต้องพาเขาไปวัดด้วยทุกครั้ง เพื่อเขาจะได้โอกาสสั่งสมบุญตั้งแต่เยาว์วัย
และเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับบุญกุศลกันตั้งแต่ยังเล็ก ๆ จนเป็นวัฒนธรรมชาวพุทธ
ที่ทุกบ้านจะพาบุตรหลานมาทำบุญที่วัด อย่างต่อเนื่อง เมื่อบุตรหลานเข้าเรียนหนังสือ
ก็หาโอกาสพา มาสั่งสมบุญในวันหยุด เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนในอนาคต มีความรักและรับผิดชอบในการดูแลพระพุทธศาสนา
วันพระ สำหรับพระ เป็นวันที่พระได้ทบทวนเป้าหมายการบวชของตนว่า
ตั้งแต่บวชมานั้น ได้ทำถูกวัตถุประสงค์ของการบวชได้แค่ไหน เมื่อตนได้กล่าวคำ
ขออุปสมบทต่อพระอุปัชฌาย์ในโบสถ์ ท่ามกลางคณะสงฆ์ ต่อหน้าพระพุทธปฏิมากร
ซึ่งเป็นตัวแทนของพระบรม-ศาสดาว่า
“การบวชของเราคราวนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพียงอย่างเดียว
คือ เพื่อสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ มุ่งทำพระนิพพานให้แจ้ง” เมื่อถึงวันพระ เราก็ทบทวนและตรวจตราสิกขาบทของเราว่า
ครบถ้วนบริบูรณ์ไหม ถ้ายังไม่ครบ
ก็ทำให้ครบถ้วน ถ้าครบถ้วนแล้วก็เป็นวันที่จะได้ทบทวนข้อวัตรปฏิบัติดีงามที่ผ่านมา
เพื่อเกิดความปลื้มปีติ เบิกบานใจในชีวิตอันทรงคุณค่าของสมณะ
ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
เมื่อตั้งใจจะทำพระนิพพานให้แจ้ง
สิ่งที่พระจะต้องฝึกฝนให้เต็มที่ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นคือ ปริยัติ ปฏิบัติ
ปฏิเวธ เทศนา แสวงหานิพพาน ซึ่งเป็นกิจสำคัญและเป้าหมายหลักของการบวช
ดังนั้นข้อวัตรปฏิบัติของพระจะเกื้อหนุนเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เมื่อหมั่นตรวจตรากายวาจาใจให้สะอาดบริสุทธิ์อย่างเดียว
ความคิด คำพูด และการกระทำในสิ่งที่ดีงามก็จะเกิดขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าชาตินี้ยังไปนิพพานไม่ได้
สิ่งที่สั่งสมในชาติปัจจุบันก็จะเป็นบุญเป็นบารมีที่จะสนับสนุนให้ไปถึงนิพพานได้ในภพชาติถัด
ๆ ไป
เมื่อหมั่นทบทวนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
เราจะเป็นอายุพระพุทธศาสนา อยู่ในฐานะพุทธบุตรเนื้อนาบุญ
ที่ญาติโยมทั้งหลายหวังจะได้มาตักตวงบุญจากเรา การบริโภคขบฉันต่าง ๆ
ที่ญาติโยมนำมาถวายด้วยความศรัทธานั้น เราจะบริโภคด้วยความไม่เป็นหนี้
แต่อยู่ในฐานะเนื้อนาบุญ อันสูงส่ง
ดังนั้น
ทุกวันพระ เราพึงทบทวนชีวิตสมณะว่า
เป็นโอกาสเฉพาะผู้มีบุญที่ได้มาครองผ้ากาสาวพัสตร์
เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลาย เราพึงยกระดับของเราให้สูงขึ้น
ให้แตกต่างจากชีวิตของคฤหัสถ์ที่ยังครองเรือน
วันพระในเทวโลก
>> ประชุมชาวสวรรค์
/ ประกาศรายชื่อ <<
ก่อนวันพระ : ประชุมผู้บริหาร ก่อนวันพระ ๑ วัน (วันโกน)
เป็นวันประชุมฝ่ายบริหารของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กับผู้ปกครองชั้นจาตุมหาราชิกา
ซึ่งได้แก่ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ หรือท้าวจตุโลกบาล มีท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวธตรฐ และท้าวเวสวัณ ที่ปกครองนาค ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ
ฝ่ายบริหารของสวรรค์ทั้งสองชั้น
จะมาเข้าเฝ้าท้าวสักกเทวราชบนชั้นดาวดึงส์ เพื่อประชุมปรึกษาหารือกัน วาระการประชุมจะเกี่ยวข้องกับเรื่องบุญบาปเป็นหลัก
ในการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมจะปรึกษาหารือกันว่า
จะทำอย่างไรดีให้ทุกคนไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ก็ดี
เทวดาก็ดี หรือ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑก็ดี โดยเฉพาะมนุษย์
ส่วนใหญ่ละเลยความสำคัญของวันพระ ไม่ให้โอกาสตนในการสั่งสมบุญใหญ่ในวันพระ
น่าเป็นห่วงว่า จะประมาทหลงใช้ชีวิตเพลิดเพลิน และจะพลัดไปอบายกันเยอะ
จะไปสู่สุคติโลกสวรรค์กันน้อย เป็นต้น และมีวาระอื่น ๆ ก็ว่ากันไป เมื่อจบวาระการประชุม
พระอินทร์จะให้โอวาทปิดการประชุม และมอบหมายงานให้ฝ่ายบริหารทั้งหลายรับผิดชอบ
และให้ดูแลผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้ดี
หลังจากนั้น
ท้าวจตุโลกบาลก็จะลงมาประชุมกับเสนาบดีที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในแต่ละทิศ
ประชุมหารือกันเรียงตามลำดับชั้นของการปกครอง และถ่ายทอดลงมาเป็นลำดับ
ให้กวดขันหมู่คณะของตนทำแต่สิ่งที่ดี ให้ไม่เบียดเบียนกันเอง ไม่ไปเบียดเบียนมนุษย์ และให้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท
วันพระ :
วันประชุมใหญ่ชาวสวรรค์ในเทวสภา
รับฟังโอวาทจากพระอินทร์
ประกาศรายชื่อคนทำความดี
วันพระใหญ่
เป็นวาระที่ชาวสวรรค์ผู้ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตมาร่วมประชุมกันในเทวสภา
เพื่อรับฟังโอวาทจากท้าวสักกเทวราช และอนุโมทนาบุญซึ่งกันและกัน
ส่วนชาวสวรรค์ที่ประมาท
ก็จะไปเที่ยวเตร่สนุกสนานเฮฮาตามสวน ตามสระ บางพวกก็บริโภคกาม บางพวกก็สนุกสนานเกี้ยวพาราสีเพลิดเพลินกันไป
ไม่มีการบังคับให้ชาวสวรรค์ทั้งหมดต้องมาเข้าประชุม
ก็เหมือนในเมืองมนุษย์อย่างนี้แหละ วันพระใครจะเข้าวัด มาสั่งสมบุญก็ได้
ไม่เข้าก็ไม่เป็นไร จึงมีทั้งผู้ไม่ประมาทในชีวิตกับผู้ที่ยังประมาทอยู่
ผู้ที่ไม่ประมาท ก็จะเข้าวัดสั่งสมบุญกุศลเป็นเสบียงไปเบื้องหน้า ส่วนพวกประมาทก็ใช้เวลาไปกับการทำมาหากิน
หรือเอาแต่สนุกสนานเพลิดเพลินกันอย่างเดียว
ในเทวสภา
การประชุมจะเริ่มตั้งแต่ภาคเช้าจนกระทั่งถึงเวลาค่ำในเมืองมนุษย์
เริ่มต้น
ท้าวสักกะจะให้โอวาท เนื้อหาเน้นความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
แนะนำให้เจริญพุทธานุสติ
ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ และกำชับว่า
อย่าลืมไปสักการะพระธาตุจุฬามณี
ซึ่งเป็นแหล่งเนื้อนาบุญของชาวสวรรค์
และอย่าเบียดเบียนกัน
เมื่อถึงเวลาค่ำในเมืองมนุษย์ เป็นช่วงเวลาประกาศรายชื่อคนทำความดี ชาวสวรรค์จะตรวจตรา มองมายังโลกมนุษย์ในวันพระใหญ่
ซึ่งจะแตกต่างจากมนุษย์มองขึ้นไป เวลามนุษย์มองขึ้นไป ก็ดูพระจันทร์ขึ้นลง เต็มดวง ไม่เต็มดวง แต่ถ้ามุมมองของชาวสวรรค์จากชั้นดาวดึงส์ จะมองอีกลักษณะหนึ่ง เขาจะรู้ว่า เวลานี้เป็นเวลาเท่าไร ในเมืองมนุษย์ ซึ่งมันแป๊บเดียวเมื่อเทียบเวลากับสวรรค์บนชั้นดาวดึงส์
ช่วงเวลาค่ำของเมืองมนุษย์
ผู้ที่มีหน้าที่รายงาน จะนำรายชื่อของผู้ที่สั่งสมบุญในโลกมนุษย์ทั้งหมด
ตั้งแต่ทำบุญสงเคราะห์โลก ทำเป็นทีม หรือเป็นรายบุคคล
กระทั่งทำบุญทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในบุญเขตที่มีอยู่ทั่วโลก ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ช่วยคนยากคนจน
กระทั่งบุญสมาทานอุโบสถศีล หรือทำบุญใหญ่อื่นๆ อีกมากมาย
ชื่อของคนที่ทำความดีจะไปก้องอยู่ตรงนั้น เขาจะอ่านอย่างเร็ว ๆ ไปเรื่อย ๆ พออ่านจบบัญชีรายชื่อ
เหล่าชาวสวรรค์จะอนุโมทนา สาธุการ เขาจะมาสรุปรายชื่อผู้ทำความดีกันในวันพระใหญ่
ผู้รายงานจะอ่านรายชื่อตั้งแต่ตอนค่ำพระจันทร์เริ่มขึ้นในเมืองมนุษย์เรื่อยไปจนกระทั่งพระจันทร์ตกยามราตรี จะมีเรื่องราวของผู้ที่บำเพ็ญบุญทุกชาติ
ทุกศาสนา ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องในบุญเขต ผู้ทำบุญในบุญเขตจะถูกกล่าวขานมาก
บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกากับชั้นดาวดึงส์
จะเป็นชาวสวรรค์ที่ทำบุญทั่วไป และทำบุญในบุญเขตคละกันหลากหลาย
บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
จะมีพุทธศาสนิกชนมากกว่าชั้นจาตุมหาราชิกา
และตั้งแต่ชั้นยามาขึ้นไป
ส่วนใหญ่เป็นเทวดาที่ทำบุญในบุญเขตพุทธศาสนาเป็นหลัก
วันพระในยมโลก
>> วันหยุดทัณฑ์ทรมาน
<<
นรกมีทั้งหมด
๔๕๖ ขุม แบ่งเป็น
มหานรก
๘ ขุม
อุสสทนรก
หรือ ขุมบริวาร ๑๒๘ ขุม
และยมโลก
(ลหุโทษ) ๓๒๐ ขุม จะอยู่รอบนอก
ทุกวันพระใหญ่
ในยมโลกจะหยุดทัณฑ์ทรมาน เจ้าหน้าที่ทุกตนจะวางศัสตราวุธ หยุดการลงทัณฑ์ทรมานชั่วคราว เหล่าสัตว์นรกก็จะมีช่วงเวลาได้พัก
และสามารถรับบุญกุศลที่หมู่ญาติส่งมาให้ได้ตอนนี้ สัตว์นรกบ้างก็ร้องโอดโอย
เจ้าหน้าที่ในยมโลกบางคนก็คอยปลอบประโลมว่า “เอ้อ เจ้ายังมีกรรมอยู่นะ ต้องอดทนรับใช้กรรมไปก่อน เดี๋ยวญาติของเจ้าที่อยู่ในเมืองมนุษย์
ถ้าเขาได้ทำบุญและอุทิศส่วนกุศลมาให้เจ้า โทษหนักก็จะได้เป็นเบา เบาก็จะได้หายไป”
เจ้าหน้าที่ในยมโลก
เจ้าหน้าที่ในยมโลก
ส่วนใหญ่เป็นพวกกุมภัณฑ์ และอีกพวกมาจากนาค ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ ที่มีวิบากกรรมต้องมาช่วยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ในยมโลก
เมื่อปฏิบัติหน้าที่ก็มีเหนื่อย เมื่อยและร้อน แต่ไม่ทรมานเท่าสัตว์นรก
เพราะวิบากกรรมไม่เท่ากัน
เจ้าหน้าที่ในยมโลกก็มีอุปนิสัยเหมือนมนุษย์นี่แหละ
บางพวกก็ไม่อยากลงไปทำหน้าที่ทัณฑ์ทรมาน แต่บางพวกก็ชอบใช้กำลัง
ก็เหมือนผู้คุมนักโทษบางคนในเมืองมนุษย์ บ้างก็อยากเป็นผู้คุม
แต่บางคนก็เป็นผู้คุมใจพระ ก็มี คละ ๆ กันไปทั้ง
๓๒๐ ขุม และเจ้าหน้าที่ก็มีการผลัดเปลี่ยนชุดกันด้วย
ส่วนผู้พิพากษาที่นั่งบนบัลลังก์
พอถึงวันพระใหญ่ ท่านจะนั่งเฉย ๆ
หยุดพิพากษา ท่านไม่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือมีช่วงพักเบรกแบบในเมืองมนุษย์
ยกเว้นหมดกะถึงจะออกไปได้ ที่นั่นเขามีอาหารทิพย์
แต่ไม่ใช่บริโภคอาหารทิพย์เสร็จแล้วจะไปเข้าห้องน้ำนะ ไม่มี ไม่เหมือนมนุษย์
จะต่างกัน หน้าที่ที่ต้องทำในยมโลกเขาจะทำกันอย่างนี้ ซึ่ง ๒๔
ชั่วโมงในเมืองมนุษย์ มันแค่เวลาประเดี๋ยวเดียวของยมโลก
สิ่งสำคัญที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ
คือ ในวันพระ ที่ยมโลกเขาหยุดทัณฑ์ทรมาน
บุญที่หมู่ญาติทำอุทิศส่วนกุศลไปให้ จะได้ช่องส่งผลตอนนี้
ดังนั้น
ถ้าหากว่า เราเป็นชาวพุทธที่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญอุทิศส่วนกุศล
เราผู้เป็นบุตรหลาน ญาติมิตร ก็จะอาศัยวันพระนี้
ทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษ ญาติ มิตรสหายในช่วงนี้ได้ เพราะวันอื่นๆ
สัตว์นรกจะไม่ว่างเว้นจากการโดนทัณฑ์ทรมาน และยังรับบุญไม่ได้
พอถึงวันพระใหญ่
บุญก็จะได้ช่องส่งผล ถ้าสัตว์นรกหมดกรรมก็วูบหลุดจากยมโลกมาเลย
หรือถ้าโชคดีอาศัยบุญของญาติในปัจจุบันที่ทำส่งไปให้หลุดพ้นจากตรงนั้น
แล้วบวกกับบุญเก่าของตัวที่เคยทำเอาไว้ได้ช่องส่งผล ก็จะไปเกิดใหม่
ส่วนจะไปเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับกำลังบุญในขณะนั้น
เพราะฉะนั้น
พอถึงวันพระ เราทำบุญอุทิศให้หมู่ญาติของเราคนไหน
ให้เราอุทิศเจาะจงไปเลย ถ้าเขาไปอยู่ในยมโลก ก็จะได้รับบุญจากการอุทิศบุญได้
แต่ถ้าหากไปมหานรก หรืออุสสทนรก ยังรับบุญไม่ได้
บุญที่อุทิศไปนี้ก็จะมาคอยอยู่ที่ยมโลก เมื่อพ้นกรรมจากมหานรก
ก็ไปรับทัณฑ์ทรมานต่อที่อุสสทนรก พ้นจากอุสสทนรกแล้ว จึงมาที่ยมโลก
ก็จะสามารถรับบุญตรงนี้ได้
ดังนั้น
วันพระใหญ่จึงเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่ชาวพุทธควรศึกษา
และอบรมบุตรหลานให้เข้าใจในความพิเศษของวันพระ
ซึ่งมีอานิสงส์เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันในมนุษยโลก เทวโลก และยมโลก ยิ่งไปกว่านั้น ในวันพระใหญ่
พระนิพพานท่านส่งผังสำเร็จมาสำหรับผู้ที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมในวันนี้
ให้เข้าถึงธรรมได้อย่างง่าย ๆ เช่นเดียว กับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
ที่ทรงบรรลุธรรม ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ
เพราะฉะนั้น
วันพระจึงเป็นวันที่เราจะต้องมาสั่งสมบุญ สั่งสมบารมี
และอุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว
และใครที่มีความเพียรตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรมในวันพระนี้จะนั่งได้ดีเป็นพิเศษ
นี่เป็นเรื่องราวย่อ ๆ สำหรับวันพระที่ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะชาวพุทธควรจะได้ศึกษาเอาไว้
๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
ติดป้าย “วันนี้วันพระ”
วันนี้หลวงพ่อขอพูดเรื่องป้าย
“พรุ่งนี้วันพระ” กับ “วันนี้วันพระ”
ป้ายจะมี ๒ ด้าน ด้านหนึ่งเขียนไว้ว่า “พรุ่งนี้ วันพระ” อีกด้านหนึ่งเขียนว่า “วันนี้วันพระ ทำใจให้เข้าถึงพระในตัว”
ป้ายนี้จะเป็นแสงสว่างให้กับทุกคนที่เขาได้มาพบเห็น
มีหลวงปู่รูปหนึ่งอายุ
๘๐ ปีเศษ พอท่านได้เห็นป้าย “วันนี้วันพระ” ที่ต่างจังหวัด ท่านบอกว่า ท่านมีปีติจนน้ำตาไหล
วันพระเมื่อก่อน
๔๐ ปีที่ผ่านมา ตอนที่ท่านอายุ ๒๐ ถึง ๔๐ ปี ชาวพุทธยังให้ความสนใจกับวันพระกันอยู่ วัดวาอารามคึกคักไปด้วยพุทธศาสนิกชนมาบำเพ็ญบุญมาฟังธรรม
มาจำศีลทำภาวนากัน แต่ ๔๐ ปีหลังนี้ ท่านบอกว่า ไม่เคยเห็นเลย
ท่านรู้สึกเสียดายว่า ภาพเก่า ๆ ที่ดีงามนั้น จะสูญหายไปจากเมืองไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาของโลก
นั่นก็หมายถึงว่า จะสูญไปจากชาวโลก และสูญไปจากโลกใบนี้ด้วย
พอท่านเห็นป้ายนี้กลับมาใหม่ถึงกับน้ำตาไหล
ท่านบอกว่า
ในบั้นปลายชีวิตของท่านก่อนจะมรณภาพได้ชื่นใจ เห็นป้ายนี้ก็คุ้มแล้ว นี่ก็เป็นคำรำพึงของพระผู้เฒ่า
ผู้รู้ราตรีนานผ่านโลกมามากได้รำพึงออกมา
ลูกทุกคนเกิดมาต้องช่วยกัน
ปฏิวัติพัฒนาโลกที่มืดมัวให้ใสขึ้น
ให้เป็นโลกแก้วให้ได้
สิ่งใดก็ตามที่ทำให้โลกใสเป็นแก้วได้
สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ลูกทุกคนต้องมีจิตสำนึกในการที่จะร่วมมือร่วมใจกันทำให้ได้ในยุคของเรา
เราเป็นนักสร้างบารมี ต้องไวต่อการสร้างบารมี เห็นอะไรที่เป็นทางมาแห่งบุญก็รีบฉกฉวยก่อนจะถูกช่วงชิงชีวิตไป
เราจึงควรชิงช่วงชีวิตตอนนี้มาสร้างบารมีนะลูกนะ
หลวงพ่ออยากให้ป้ายนี้อยู่หน้าบ้านของลูกผู้มีบุญทุกคน
เพื่อที่จะแจ้งให้ชาวพุทธที่หลงลืมสิ่งที่ดีงามนี้
ได้หวนย้อนกลับคืนมาถึงในวันที่โลกยังใสอยู่ เพราะฉะนั้นนำป้ายไปติดที่หน้าบ้าน
ก่อนวันพระวันหนึ่ง และวันพระวันหนึ่ง
หลวงพ่อคิดว่า
ใครได้เห็นป้ายนี้แล้วจะเกิดแรงบันดาลใจในการที่จะระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย
เมื่อใดที่สิ่งเหล่านี้ย้อนคืนกลับมาสู่ในใจของชาวพุทธอีก วันที่สดใสก็จะกลับคืนมา
ลูกหลานของเราจะได้รับประโยชน์ และจะเป็นทางมาแห่งบุญของพวกเราด้วย
ในฐานะที่เป็นผู้ให้แสงสว่างแก่โลก
๖
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
-------------------------------------
วันธรรมดาถือศีล ๕
วันพระถือศีล ๘
วันธรรมดา
ชาวพุทธต้องถือศีล ๕ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ และควรถือศีล ๘ ในวันพระ
เท่ากับเราได้เป็นต้นบุญต้นแบบ ในการช่วยกันฟื้นฟูวันพระ ให้ชาวพุทธทั้งหลายได้เห็นคุณค่า
วันพระไหน
ที่ตรงกับวันทำงาน เราก็ถือศีล ๘ เมื่อเพื่อนร่วมงานถามเราจะได้ตอบว่า เราถือศีล ๘
เพราะวันนี้เป็นวันพระ ใหม่ ๆ เขายังไม่เข้าใจ เขาอาจจะหัวเราะ และว่าเราเชย
เรางมงาย หรืออะไรก็แล้วแต่ เราก็ต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ อธิบายให้เขาฟังว่า
ไม่ใช่เชย ไม่ใช่งมงาย แต่นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวพุทธ
เราเป็นชาวพุทธเราก็จะต้องปฏิบัติอย่างนี้ แล้วอีกหน่อยเสียงหัวเราะจะค่อย ๆ
หายไปทีละคนสองคน แล้วก็จะเปลี่ยนมาเป็นความเลื่อมใส
แม้บางคนจะยั่วเย้า
แต่ถ้าเรายิ้มแย้ม และตอบไปด้วยเหตุผล แม้ภายนอกเขาจะยั่วเย้าอย่างไร
แต่ในใจเขาเลื่อมใส
แล้วเขาจะเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะมาศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราก็จะได้บุญด้วยในฐานะเป็นผู้แนะและเป็นผู้นำ
“แนะ” คือ ให้ธรรมทาน “นำ” คือ ทำให้ดู
ได้ทั้งประโยชน์ตน
ประโยชน์ท่าน
และเป็นทางมาแห่งบุญของเราด้วย
๖
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
-------------------------------------
เข้าถึงฐานะ ๕ ประการ
วันนี้วันพระ...
การที่ยังมีวันพระอยู่ในประเทศไทย
เพราะว่าเรายังมีวัด ๓๐,๐๐๐ กว่าวัด มีพระ ๓๐๐,๐๐๐ กว่ารูปทั่วประเทศ ถ้าไม่มีวัด ไม่มีพระ วันพระก็คงไม่มีแล้ว
ดังนั้นเราควรยกย่องเชิดชูและหวงแหนวันพระเอาไว้ให้ดี
เมื่อถึงวันพระ
เราจะต้องทำกิจกรรมให้เป็นวันที่พิเศษ โดยการเข้าวัด นำภัตตาหารไปถวายพระ
นิมนต์พระท่านเทศน์ ฟังธรรม ช่วยกันปัดกวาดลานวัด ทำความสะอาดเสนาสนะสงฆ์ทั้งหลาย
การเห็นสมณะเป็นทางมาแห่งบุญของเรา
เพียงแค่เห็นสมณะแล้วจิตเกิดความเลื่อมใสในสีลาจารวัตรข้อวัตรปฏิบัติของท่าน
เห็นว่าท่านเป็นเนื้อนาบุญ เป็นอายุของพระศาสนา แค่เห็นแล้วเกิดจิตเลื่อมใส
ละโลกก็ได้ไปสวรรค์แล้ว
แต่ถ้าหากว่า
นอกจากเลื่อมใสแล้ว เรายังพนมมือไหว้ท่าน นิมนต์ท่านมาบ้าน ปูอาสนะให้ท่านนั่ง
อานิสงส์นี้จะทำให้ไปเกิดในตระกูลสูง เพราะว่ามีความอ่อนน้อมถ่อมตน
บูชาบุคคลที่ควรบูชา
พอนิมนต์ท่านนั่งแล้วเกิดกุศลศรัทธาอยากจะทำทาน
เพื่อละความตระหนี่ แค่อยากจะเอาไทยธรรมถวายท่านมีน้ำอยากถวายน้ำ
มีภัตตาหารอยากถวายภัตตาหาร เพียงแค่คิดอยากจะถวาย นอกจากเกิดในตระกูลสูงแล้วยังทำให้มียศถาบรรดาศักดิ์ด้วย
เมื่อคิดอยากถวาย
แล้วได้ถวาย ไม่ว่าจะถวายภัตตาหาร ถวายน้ำ หรือถวายอะไรก็แล้วแต่
ด้วยจิตที่เลื่อมใสท่าน เรียกว่าสร้างมหาทานบารมี ต่อไปในภพเบื้องหน้าจะร่ำรวย
มีสมบัติใหญ่
พอถวายภัตตาหารเสร็จแล้ว
ขอให้ท่านแสดงธรรม และเราก็ตั้งใจฟังธรรม เราจะได้ดวงปัญญา จะเฉลียวฉลาด
เพราะฉะนั้น
ทุกวันพระไปทำ ๕ อย่างนี้ให้ครบ เห็นสมณะแล้วเลื่อมใส พนมมือไหว้ นิมนต์ท่านมาบ้าน
ปูอาสนะ ให้ท่านนั่ง อยากจะทำบุญกับท่าน ได้ลงมือถวาย แล้วก็ฟังธรรม ถ้านิมนต์พระมาที่บ้านไม่สะดวก
เราก็เอาตัวของเราไปที่วัดแทน
ทำครบ ๕ อย่างนี้แล้วอานิสงส์ใหญ่ก็จะเกิดขึ้นกับเรา ๕ อย่าง คือ ได้ไปสวรรค์
เกิดในตระกูลสูง มียศถาบรรดาศักดิ์ รวย และมีดวงปัญญา
และที่สำคัญจะมีวันพระคู่ประเทศไทยตลอดไป
๒๒
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖
-------------------------------------
อานิสงส์การใส่ชุดขาวไปวัด
เราชาวพุทธเวลาไปวัด
หรือไปร่วมงานบุญต่าง ๆ ควรแต่งกายด้วยชุดขาว ๆ ที่สุภาพเรียบร้อยไปวัด
การสวมใส่ชุดขาว
ๆ ไปวัดจะมีอานิสงส์ดังต่อไปนี้ คือ
๑. ชุดขาวจะทำให้เราเกิดจิตสำนึกในการเป็นอุบาสกอุบาสิกา
ผู้นั่งใกล้ต่อพระรัตนตรัยมากขึ้น
ทำให้เกิดความสำรวมระมัดระวังกิริยามารยาทไปโดยอัตโนมัติ
๒. ทำให้จิตใจสงบ
สะอาด ผ่องใส เป็นการเตรียมตัวก่อนการฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เป็นเหตุให้เข้าถึงธรรมได้ง่าย
๓. ประหยัด
และเกิดความเสมอภาค ไม่มีการประกวดประชันกันว่า ใครรวย ใครจน ใครสวย ใครหล่อ
พอเข้าวัดทุกคนเสมอภาคเหมือนกันหมดในการสร้างบารมี สร้างความดี
๔.
ทำให้สร้างบุญได้เต็มที่ เพราะใส่ชุดขาวจะทำให้ไปเที่ยวที่อื่นได้น้อยลง
๕.
ดูแล้วงดงามตา เป็นต้นบุญต้นแบบ เป็นที่เลื่อมใสแก่มหาชนทั้งหลาย
๒๔
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
-------------------------------------
ในฐานะเราเป็นชาวพุทธต้องให้ความสำคัญกับวันพระด้วยการเตรียมอาหารหวานคาวปัจจัยไทยธรรมไปเข้าวัด
ฟังธรรมปฏิบัติธรรม บำเพ็ญบุญที่วัดใกล้บ้าน หรือวัดที่เราคุ้นเคย ทำให้ติดเป็นนิสัยเป็นผังที่ดีติดตามตัวเราไป
๑๐
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒
-------------------------------------
วันพระให้ไปเข้าวัดใกล้บ้านไปฟังธรรม
ปฏิบัติธรรม
บำเพ็ญบุญ.....และถืออุโบสถศีล.....แล้วพาลูกหลานตัวเล็กตัวน้อยเข้าวัดด้วยอย่างนี้จึงจะถูกหลักวิชชาในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีเพื่อเป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรชาวพุทธปักหลักให้ยั่งยืนยิ่งชึ้น
๖ กุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๕๓
-------------------------------------
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=jWaSzj_cuW0
วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565