บุญนี่สำคัญ ผู้ที่มีบุญมากในกาลก่อน ทำบุญในสิ่งที่ใครๆ
ทำได้ยาก มีใจเต็มเปี่ยม ไม่เสียดายทรัพย์
ทำถูกเนื้อนาบุญ ทำกับผู้บริสุทธิ์ ถูกเนื้อนาบุญ เวลาบุญส่งผลนั้น เราฟังแล้วแทบไม่น่าเชื่อ ผู้ที่มีบุญมาก
ไม่ต้องทำมาหากินเลย แค่ตรึกระลึกนึกถึงบุญเท่านั้น สมบัติก็ไหลมา
เศรษฐีในกาลก่อน
แค่อาบน้ำอาบท่าให้สบายใจ ไปยืนอยู่ในกลางแจ้ง นึกถึงบุญที่ตัวทำ สมบัตินั้นบังเกิดขึ้นมาทีเดียว
พระเจ้าจักรพรรดิผู้ปกครองโลก ถึงคราวที่บุญบันดาล
สมบัติจะบังเกิดขึ้น
ท่านอาบน้ำอาบท่าให้สบายอกสบายใจ สมาทานศีล
๘ ในขณะที่ท่านสมาทานศีล ๘ นึกถึงบุญนั้น รัตน ๗ คือ จักรแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว ช้างแก้ว
ม้าแก้ว ดวงแก้วกายสิทธิ์ บังเกิดขึ้นมานำสมบัติต่างๆ มาเต็มไปหมดเลย
ท่านโชติกเศรษฐี และท่านเมณฑกเศรษฐีก็เช่นเดียวกัน เมื่อบุญส่งผล
ไม่ต้องทำมาหากินเลย ถึงขีดถึงคราวผังสำเร็จที่สั่งสมบุญมาอย่างเต็มเปี่ยมล้นปรี่แล้วก็ดลบันดาลดึงดูดทรัพย์ให้เกิดขึ้นมาเลย
ไม่ต้องทำมาหากิน
ถ้าบุญน้อยหน่อย ต้องทำมาหากิน
แต่ทำแล้วสะดวกสบาย มีคนช่วยเหลือ คิดอะไรก็ทะลุปรุโปร่ง มีพวกพ้องบริวารที่ดี
มีจังหวะชีวิตที่ดีๆ มีสมบัติมากบังเกิดขึ้น มีคนช่วยเหลือหมดเลย
ถ้าบุญน้อยกว่านั้นอีก
ต้องทำเอง มีคนช่วยเหลือ แต่ก็มีอุปสรรค เป็นครั้งเป็นคราว แต่งานนั้นก็สำเร็จ เป็นมหาเศรษฐีรวมสมบัติได้
บุญน้อยกว่านั้นลงไปอีก
ทำด้วยตัวเอง ไม่มีคนช่วย แต่ก็สำเร็จได้
ถ้าน้อยกว่านั้นอีก
ทำด้วยกว่าจะสำเร็จนั้นหืดขึ้นคอเลย มีอุปสรรคเกิดขึ้นมา ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด
กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นไฟ แต่ก็ได้สมบัติมา อาบเหงื่อต่างน้ำ
ถ้าบุญน้อยกว่านั้นอีก
ทำเกือบตายทีเดียว แต่สมบัติได้ไม่ค่อยเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ถ้าน้อยกว่านั้นลงไปอีก
ทำเกือบตาย สมบัติก็ไม่ค่อยจะได้
ถ้าน้อยกว่านั้นลงไปอีก
ทำไม่ได้ นอกจากขอเขากิน ที่เป็นขอทานอย่างนั้น แต่ก็ยังได้กิน ยังมีคนเมตตาให้มา
ถ้าบุญน้อยกว่านั้นอีก
นอกจากขอทานเขาไม่ให้แล้ว ไปที่ไหนยังอด ไปร่วมกับคนขอทานที่เขาเคยขอได้
ไปร่วมขอกับเขาก็พลอยพาเขาอดเสียอีก เห็นไหมจ๊ะ บุญมันลดหลั่นกันลงมาตามลำดับอย่างนี้นะ
มหาเศรษฐีในกาลก่อน
มหาเศรษฐีสมัยก่อน ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านเสด็จไปกับพระอานนท์
ท่านชี้ให้ดูลูกขอทานคนหนึ่ง บอกนี่คือเศรษฐีเก่า
ชาติในอดีตไม่ทำบุญด้วยตัวเอง ขี้เหนียวตระหนี่ แถมยังห้ามคนอื่นทำบุญเสียอีก เกิดมาใหม่ชาตินี้เป็นลูกขอทาน
ผู้ให้เท่านั้น จึงจะได้รับ
ผู้ไม่ให้ นอกจากไม่ได้รับแล้ว
ยังอด
แต่ไม่ให้แล้ว ยังหวงห้ามไม่ให้คนอื่นให้อีก
นอกจากอดแล้ว ไปอยู่ที่ไหน
อุบาทว์ก็ลง
พลอยทำให้เขาอดไปด้วย
พระอานนท์ทูลถาม
แล้วจะเชื่อได้อย่างไร ก็บอก อ้าว เดี๋ยวจะพาลูกขอทานคนนี้ไปในตระกูลเก่าที่ตัวเคยเป็นมหาเศรษฐี
ตอนนี้ลูกชายครองสมบัติอยู่
ลูกขอทานพอไปถึง ก็จำลูกชายในอดีตได้ แต่ลูกจำตัวไม่ได้ เพราะมันเกิดกันคนละชาติแล้ว
จำกันไม่ได้ ไม่ให้เข้าบ้านด้วยซ้ำไป จนกระทั่งต้องไปพิสูจน์ตัวเองโดยการไปชี้สมบัติว่า
อยู่ที่ตรงนั้น ตรงนี้ ถึงจะเชื่อว่าเคยเป็นเศรษฐีเก่า เป็นพ่อของตัวมาเกิดใหม่
เพราะฉะนั้น สมบัติเป็นของกลางของโลก มันก็มีอยู่ในโลกนี้
ถ้ามีบุญ เราก็รวมสมบัติได้ ถ้าหมดบุญ สมบัตินั้นก็กระจาย
สมบัติของท่านโชติกเศรษฐีและเมณฑกเศรษฐี หรือนายบุญเศรษฐี
เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ในโลกนี้แหละ แต่ผู้ที่มีบุญเท่าท่านนั้นยังไม่มี ถ้ามีเมื่อไร มันก็ดูดเข้ามา
ท่อธารแห่งบุญมันอยู่ในกลางกาย
ถ้ามันบริสุทธิ์ก็จะสว่างมาก สว่างมากเท่าไรก็มีแรงดึงดูดมาก ขยายได้กว้างมาก มันดูดเอามาทีเดียว นี่เป็นเรื่องที่มีมาแล้วในอดีต
เพราะฉะนั้น
ที่เราจะสั่งสมบุญกันในปัจจุบันนี้ หลวงพ่ออยากให้ทุกคนเป็นแบบท่านโชติกเศรษฐี และท่านเมณฑกเศรษฐี
หรือมีมากกว่านั้นได้ยิ่งดี
แต่ว่ารวยแล้วก็ต้องให้ใจบุญเหมือนท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีและมหาอุบาสิกาวิสาขา เอาสมบัตินั้นมาช่วยกันขยายพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปยังชาวโลก
ให้โลกได้เกิดสันติสุข อย่างนี้ทรัพย์นั้นจึงจะมีประโยชน์
สมบัติของผู้มีบุญตอนนี้ยังอยู่เต็มไปหมดเลย ไม่ได้สูญหายไปไหน ไม่กระเด็นไปอยู่ในโลกดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัส
หรือดาวราหูอะไร ไม่ได้กระจายไปไหนเลย อยู่ในโลกนี้แหละ ถ้าหากเรามีบุญแล้ว
เดี๋ยวสิ่งเหล่านั้นจะมาบังเกิดขึ้น แต่ขึ้นกับตัวของเรา ดังนั้นใครเข้าใกล้หลวงพ่อ
หลวงพ่ออยากให้เขาเป็นกันอย่างนี้กันทั้งนั้นเลย
หลวงพ่อธัมมชโย
วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.
๒๕๓๘ (๐๙.๓๐ - ๑๐.๔๕ น.)
วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2566