ทุกครั้งที่เราทำบุญ เราทำ เราก็ได้
เราแบ่งบุญไปให้ใคร เขาก็ได้
ใครอนุโมทนาบุญกับเรา
เขาก็ได้อีก
แต่เราได้บุญเป็นหลัก บุญไม่มีหก ไม่มีหล่น เหมือนเราเป็นผู้ถือประทีป
แบ่งบุญ เปรียบเสมือนคนอื่นถือเทียนเปล่าๆ มา เขาก็มาจ่อดวงไฟจากเรา เขาก็ได้ความสว่างไป ความสว่างก็ขยายไปเรื่อยๆ อย่างนั้น
การปฏิเสธบุญ คือ การปฏิเสธความสุขและสำเร็จในชีวิต ซึ่งอันตรายสำหรับชีวิตมาก เพราะถ้าชีวิตลำเค็ญมันสร้างบารมีลำบาก แต่ไม่ใช่แปลว่าสร้างไม่ได้ สร้างได้..แต่ลำบาก เพราะจะต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ตรงดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดนี่สิ มันมีโอกาสพลัดไปสร้างบาปอกุศลได้เยอะทีเดียว เพราะฉะนั้นการมีทรัพย์จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรา
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ในมนุษยโลก หรือในเทวโลก ก็ต้องมีสมบัติ ทีนี้การจะได้มาซึ่งสมบัติ เกิดขึ้นได้เพียงประการเดียว คือ การนำออก
การบริจาค การให้ไปก่อน ให้แล้วจึงจะได้ ถ้าไม่ให้ เราก็ไม่ได้
สมมติ ชาตินี้เรารวย แต่เราไม่ทำบุญ เราก็ได้ชื่นชมสมบัติชั่วคราวเพียงแค่ไม่กี่ปีก็ตายแล้ว
พอตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ สมบัติเราก็ตกไปเป็นของคนอื่น
พวกที่ไม่ได้ทำบุญ บาปกรรมก็ไม่ค่อยทำ
ส่วนใหญ่มักจะไปเป็นภุมมเทวา ระดับธรรมดา ถ้าไม่ไปอบาย แม้มาเกิดใหม่เป็นมนุษย์
มีบุญระลึกชาติได้ ไปยืนอยู่ใกล้ๆ ไปดูสมบัติเก่าของตัว ก็ไม่มีสิทธิ์นะ แม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้ อดีตเป็นของเรา สร้างมากับมือ
แต่พอเกิดใหม่ หน้าตาก็เปลี่ยนไป ไม่มีใครจำได้ มีแต่เขาจะไล่ออกจากบ้าน จะไปยืนยันว่า นี่สมบัติของฉันนะ
ฉันทำมาก่อนตาย ตอนนี้ฉันมาเกิดใหม่แล้ว ฉันขอใช้เหมือนเดิม หมดสิทธิ์นะลูกนะ หมดลมก็หมดสิทธิ์
เพราะฉะนั้น ต้องมีบุญเท่านั้น บุญจะมีได้ ก็ต้องทำนะลูกนะ
คุณครูไม่ใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๒๓
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ (๑๓.๓๐ - ๑๕.๓๐ น.)
วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2567