เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
เมื่อวันมาฆบูชา ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔
วันมาฆบูชามหาสมาคม ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ซึ่งเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตัวเราและชาวโลกทั้งหลาย เมื่อราว ๒,๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ได้ทรงปักหลักพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้แก่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ที่ท่านมาประชุมพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายกันทางวาจา แต่ทว่ารู้กันด้วยใจของพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญาที่หมดกิเลสแล้ว และทุกรูปล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานการอุปสมบทให้
ในครั้งนั้น ณ พระอารามเวฬุวัน พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นหลักธรรมแม่บทที่ว่าด้วยอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อยังสันติสุขที่แท้จริงให้บังเกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์
อุดมการณ์ หมายถึง มโนปณิธานอันสูงส่งในการที่จะอุทิศตนเพื่อเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปยังชาวโลก ซึ่งผู้ที่จะไปทำหน้าที่เผยแผ่หรือทำหน้าที่เป็นผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรจะต้องมีขันติธรรม เป็นคุณธรรมในเบื้องต้นก่อน สมดังพระดำรัสที่ว่า
ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา ความอดทนเป็นตบะธรรมอย่างยิ่ง คือ จะต้องอดทนต่อความลำบากตรากตรำ อดทนต่อทุกขเวทนา อดทนต่อการกระทบกระทั่งกัน และอดทนต่อกิเลสอาสวะ เพื่อยังกิเลสให้เร่าร้อนจนอยู่ในตัวไม่ได้ จึงจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรค ไปสู่เป้าหมาย คือ อายตนนิพพานได้ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่า
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา ท่านผู้รู้ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ตรัสว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม คือ ทรงเห็นพ้องต้องกันว่า ภพภูมิที่เลิศประเสริฐที่สุดคือพระนิพพาน
ดังนั้น เมื่อเราได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว จะต้องแสวงหาพระนิพพาน และในระหว่างที่สร้างบารมีอยู่ก็ต้องไม่ก่อกรรมทำเข็ญ โดยการฆ่าผู้อื่นหรือเบียดเบียนใคร สมดังพระดำรัสที่ว่า
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต บรรพชิตผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย เอตํ พุทธาน สาสนํ นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
แล้วจากนั้นพระพุทธองค์ก็ทรงให้ หลักการ ในการปฏิบัติเพื่อให้ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิต
ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นตั้งแต่ ทรงสอนให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ทรงมีพุทธดำรัสว่า
สพฺพปาปสฺส อกรณํ การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุสลสฺสูปสมฺปทา การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม
สจิตฺตปริโยทปนํ การทำจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส
เอตํ พุทธาน สาสนํ นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ ให้งดเว้นจากบาปทุกชนิด ให้สร้างแต่บุญกุศล แล้วก็หมั่นเจริญสมาธิภาวนาเพื่อให้เข้าไปถึงพระรัตนตรัยภายในตัวให้ได้ เพราะพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นที่จะประเสริฐยิ่งไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เมื่อเราเข้าถึงแล้วก็จะพบกับความสุขที่แท้จริง จะรู้สึกอบอุ่นใจ ปลอดภัย แล้วยังสามารถปิดอบาย ไปสวรรค์ มีสุขได้ในปัจจุบันทันทีที่เข้าถึง
และสุดท้าย พระพุทธองค์ก็ทรงให้วิธีการ ในการที่จะออกไปทำหน้าที่เผยแผ่ โดยให้ทำตัวให้เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธา และก็เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีแก่ชาวโลก ทรงให้แนวทางดังต่อไปนี้คือ
อนูปวาโท ไม่ให้ไปว่าร้ายใคร หรือไปโต้เถียง ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร
อนูปฆาโต ไม่ให้ไปทำร้ายใคร หรือไปข่มขู่บังคับให้ใครเขามาเชื่อเรา แต่ต้องแสดงด้วยเหตุผลจนทำให้เขาเข้าใจ และให้โอกาสเขาได้ตรองตามด้วยสติปัญญาจนเกิดความศรัทธาด้วยตัวของเขาเอง
ปาติโมกฺเข จ สํวโร ให้สำรวมในศีลและมารยาท จะได้ไม่ไปเบียดเบียนใคร หรือทำให้ใครเขาเดือดร้อน อีกทั้งยังเป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสอีกด้วย
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ให้รู้จักประมาณในการบริโภคแต่พอดี เพื่ออนุเคราะห์การประพฤติพรหมจรรย์
ปนฺตญฺจ สยนาสนํ ให้อยู่ในเสนาสนะที่สงัด ที่เป็นสัปปายะเอื้ออำนวยต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม และประการสุดท้าย
อธิจิตฺเต จ อาโยโค ให้หมั่นประกอบความเพียรในอธิจิต คือ นำจิตเข้าสู่ปริมณฑลที่ศูนย์กลางกาย ให้ใจหยุดนิ่ง ละเอียด บริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เอตํ พุทฺธาน สาสนํ นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
ที่กล่าวมาทั้งหมดโดยสรุปนี้ เป็นพุทธโอวาทที่สำคัญที่สุดที่เราและชาวโลกจะต้องนำไปปฏิบัติเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า รวมทั้งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง คือ ทำให้บรรลุพระนิพพานได้
การแสดงโอวาทปาฏิโมกข์นี้ มีปรากฏขึ้นในทุกยุคทุกสมัยที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก และไม่ว่าจะมาตรัสรู้กี่พระองค์ก็ตาม ทุก ๆ พระองค์ก็จะทรงสั่งสอนตรงกันหมด เหมือนเป็นเนติแบบแผนเดียวกัน ดังนั้นโอวาทปาฏิโมกข์นี้ จึงเป็นหลักธรรมที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา และเป็นหลักปฏิบัติที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อมวลมนุษยชาติ เพราะสามารถสร้างสันติสุขที่แท้จริง และสันติภาพโลกให้บังเกิดขึ้นได้
ในวันนี้ เราก็ได้มาทบทวนโอวาทปาฏิโมกข์ และได้ปฏิบัติบูชา แล้วจากนั้นก็จะได้ร่วมกันจุดมาฆประทีปถวายเป็นพุทธบูชา รวมทั้งบูชาแด่พระอรหันตสาวกทั้งหลายด้วย โดยเราจะเริ่มจุดความสว่างภายในใจของเราก่อน และเมื่อใจของเราสว่างดีแล้ว จึงค่อยมาจุดความสว่างที่ดวงประทีป ให้จุดต่อๆ กันไป ซึ่งบุญจากการบูชาด้วยดวงประทีปนี้ จะทำให้เราเป็นผู้มีจักษุที่สดใส สวยงาม เราจะไม่เป็นโรคเกี่ยวกับดวงตา และก็จะเป็นผู้ถึงพร้อมทั้งมังสจักษุ ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ สมันตจักษุ และธรรมจักษุ จะทำให้มีรัศมีกายที่สว่างไสว และจะมีดวงตาเห็นธรรม สามารถหยั่งรู้ทั่วถึงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายได้
วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
Related Posts
วันสมาธิโลก เนื่องจากวันนี้เป็นวันสมาธิโลก
เราจะต้องมาช่วยกันสร้างสันติภาพโลก
สั่งสมบุญวันตรุษจีน
วันตรุษจีน เป็นวันปีใหม่ของชาวจีน
หลวง
วันวิสาขบูชา #บวชอุทิศชีวิต
วิสาขบูชาเป็นวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนา วันประสูติ ตรัสรู้
ปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทาง UN เขายกย่องให้เป็น
วันลอยกระทง
วันนี้เป็นวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน
๑๒
น้ำนองเต็มตลิ่ง เป็นวันลอยกระทง
เราลอยกระทงเพื่อบูชาพระสัมมาสัม
วันสงกรานต์..วันมหาบุญ วันสงกรานต์
จะต้องเปลี่ยนเทรนด์ใหม่แล้วแหละ ไม่ใช่ไปสาดน้ำ ไปรดกัน
ไปหยอก ไปเย
วิสาขบูชา
วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญอย่างยิ่งในทางพระพุทธศาสนา
และเป็นวันสำคัญสากลของโลก ซึ่งเป็นวันที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธ
วันมาฆบูชา
วันมาฆบูชามหาสมาคม
เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของโ
ลอยกระทง...ลอยบาปออกจากใจ--วันลอยกระทง--การลอยกระทงของเรานี้แตกต่างจากที่เขาลอยกันเพราะกระทงของเราที่ลอยนี้มีวัตถุประสงค์ให้ลอยปล่อยสิ่งที่ไม่ดี
สวัสดีปีใหม่
ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ก็ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา จะซื้อของขวัญไปอวยพรปีใหม่ ก็อย่านำน้ำเมาใส่กระเช้าไปให
วันสมาธิโลก
วันนี้เป็นวันสมาธิโลก เราได้กำหนดว่า
วันที่ ๖ สิงหาคมเป็นวันสมาธิโลก คือ
เป็นวันที่จะให้โลกเกิดสันติภาพที