พระเดชพระคุณหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี
(สด จนฺทสโร) เมื่อท่านได้บรรลุวิชชาธรรมกาย
เข้าถึงธรรมกายแล้ว ตรวจตราดูว่า ธรรมกายมีปรากฏจริงอยู่ในคัมภีร์ ด้วยอานุภาพของธรรมกายจึงได้แจ่มแจ้งเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม
และการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
นรกสวรรค์เป็นเรื่องง่ายสำหรับท่าน
ซึ่งท่านก็ยืนยันในคำเทศนาของท่านอยู่ตลอดเวลาว่า เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้วสามารถไปนรกก็ได้
ไปสวรรค์ก็ได้ ไปนิพพานก็ได้ บรรพบุรุษ
บุพการี ญาติสนิทมิตรสหายของเราไปตกนรกก็ไปช่วยได้ ไปเกิดบนสวรรค์ก็เอาบุญไปให้ได้
ไปจับมือถือแขนกันได้ด้วย ท่านยืนยันอย่างนี้จนกระทั่งหมดอายุขัยของท่าน
ยืนยันจนถึงวันสุดท้าย
ตั้งแต่พรรษาที่ ๑๑ ปฏิบัติธรรมได้บรรลุธรรมกาย
เผยแผ่ธรรมเรื่อยมา ธรรมกายจึงได้ขยายเผยแผ่สืบมาจนทุกวันนี้ ทำให้เราสมหวังในชีวิต
คุ้มค่ากับการที่ได้เกิดมาในชาตินี้
ถ้าเกิดก่อนหน้านี้สัก ๒๐๐ ปีที่แล้ว
เราก็จะพลาดโอกาส ไม่เป็นขณะสมัย ที่จะได้บรรลุธรรมกาย
เกิดมาในขณะนี้ แค่มีหัว
มีตัว มีตา มีหู จมูก ลิ้น กาย ใจ แม้ไม่มีสมบัติอื่นใดเลย แต่ได้ยินคำว่า “ธรรมกายบังเกิดขึ้น”
คุ้มแล้วสำหรับการเกิดมาในชาตินี้
ได้ยินแล้ว ได้มาศึกษา
ได้มาปฏิบัติ...ก็คุ้มแล้วที่ได้เกิดในชาตินี้
ปฏิบัติแล้วได้พบธรรมกาย ได้ชื่อว่า สมหวังดังใจในการเกิดมาเป็นมนุษย์ชาตินี้
แม้มีตัวเพียงครึ่งตัว ที่ชาวโลกเขาเรียกว่า คนพิการ
แต่ความจริงแล้วไม่ได้พิการเลย
ถ้าเข้าถึงธรรมกาย
ตรงกันข้าม ชาวโลกใดแม้สมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง
ลาภยศ อำนาจ วาสนา
มีอายุนยืนยาวเป็นร้อยปี แต่ไม่มีโอกาสได้ยิน
ได้ประพฤติปฏิบัติ ได้เข้าถึงแล้ว นั่นแหละได้ชื่อว่าเป็นคนพิกลพิการ
ดังนั้น มาเกิดในยุคนี้ แม้ไม่มีสมบัติอันใดติดตัว นอกจากรูปสมบัติ คือ
กายก้อนนี้ แค่ครึ่งหนึ่งของกาย
ยังมีชีวิตอยู่ แม้เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่ได้ปฏิบัติธรรม ได้เข้าถึงธรรมกาย ถือว่าสมหวังดังใจในการเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้แล้ว
คุณครูไม่ใหญ่
๒๑ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๔๕
วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563