คุณยายอาจารย์ ท่านเคยสอนหลวงพ่อบ่อย
ๆ ว่า ให้มองข้ามข้อบกพร่อง
ข้อผิดพลาดของเพื่อนมนุษย์เสียบ้าง ใจเราจะได้เบาสบาย แล้วก็ให้เอาความสบายนั้นมาปฏิบัติธรรม จะได้เข้าถึงธรรมได้อย่างง่าย ๆ จะได้สมหวังในชีวิต
ถ้าไปติดในข้อบกพร่อง
ข้อผิดพลาดของเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ คนไกล หรือใคร ๆ ก็ตาม
เอามาคิดแล้วมันก็กลุ้ม ยิ่งมาปรุงแต่ง มาขยายความคิด มันก็ขยายความทุกข์ เมื่อขยายความทุกข์ ใจก็ไม่เบาสบาย ใจมันก็จะหนัก
ถ้าใจหนักอย่างนี้ ขุ่นมัวเร่าร้อน มันก็จะห่างไกลจากการเข้าถึงธรรม
จากการเข้าถึงวิชชาธรรมกาย ท่านก็พร่ำอบรมสั่งสอนกันมาอย่างนี้เรื่อย ๆ นึกขึ้นได้ทีไร ท่านก็สอน
ท่านสอนว่า มนุษย์ทุกคนมันไม่สมบูรณ์หรอกนะ
ทั้งทางความคิด คำพูด และการกระทำ
ถ้ามันสมบูรณ์แล้ว มันไปนิพพานหมดแล้ว
แต่ว่าเพราะไม่สมบูรณ์ ถึงต้องมาอยู่ในโลกนี้ เมื่อไม่สมบูรณ์ก็ต้องมีข้อผิดพลาดบ้าง
ทางความคิด ทางคำพูด ทางการกระทำ ทางการแสดงออก อย่าไปถือสา เอามาเป็นอารมณ์ ถ้าถือสามันก็เป็นเรื่องเป็นราว ถ้าไม่ถือสามันก็เป็นลมเป็นแล้ง
เพระฉะนั้น สุขทุกข์มันอยู่ที่ตัวเรา
เราอยากจะมีสุข เราก็ต้องปล่อยมันไปตามเรื่องตามราวของมัน ถ้าอยากจะมีทุกข์ เราก็ไปถือเอาไว้
ถือสาหาความเขาว่า ไม่น่าพูดอย่างนั้นกับเรา
ไม่น่าจะทำอย่างนี้กับเรา และก็เอามาปรุงแต่ง ส่วนคนพูดนั้น เขาหลับเป็นสุขไปแล้ว แต่เรายังมานั่งคิดอยู่ เป็นทุกข์
อย่างนี้มันทำให้ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ หนักอกหนักใจ
มันจะห่างจากเป้าหมายที่เราต้องการไปถึง
คือการเข้าถึงวิชชาธรรมกาย
การไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ซึ่งท่านพร่ำสอนหลวงพ่อ พร่ำสอนตัวเองอยู่ตลอด
เพราะฉะนั้นวิชชาธรรมกายของท่านจึงโดดเด่น เพราะว่าไม่ได้สนใจเรื่องอะไรเลย
จนกระทั่งได้รับการรับรองยืนยันจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมารว่า เป็น “หนึ่งไม่มีสอง” ก็เพราะการฝึกตัวของท่าน
สอนตัวเองของท่าน เป็นกัลยาณมิตรให้แก่ตัวท่านเองนั่นแหละ
คุณครูไม่ใหญ่
๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖
วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2564