พระเดชพระคุณหลวงปู่
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร เมื่อท่านเข้าถึงพระธรรมกาย
ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย แล้วตรวจตราดูว่า ธรรมกายมีปรากฏจริงอยู่ในคัมภีร์
และด้วยอานุภาพของพระธรรมกายนี้แหละ
จึงได้แจ่มแจ้งเรื่องกฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
เรื่องนรกสวรรค์จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับท่าน
ท่านจะยืนยันในคำเทศนาอยู่เรื่อยๆ
ว่า
“เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้ว
สามารถไปนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้ ไปนิพพานก็ได้
บรรพบุรุษ บุพการี ญาติสนิทมิตรสหายของเราไปตกนรกก็ไปช่วยได้ ไปเกิดบนสวรรค์ก็เอาบุญไปให้ได้
ไปจับมือถือแขนกันได้ด้วย”
ท่านยืนยันอย่างนี้จนกระทั่งหมดอายุขัยของท่าน
ยืนยันจนถึงวันสุดท้าย ตั้งแต่พรรษาที่ ๑๒ ได้บรรลุธรรมกาย ธรรมกายจึงได้ขยายเผยแผ่เรื่อยมาจนทุกวันนี้
ทำให้เราสมหวังในชีวิต คุ้มค่ากับการที่ได้เกิดมาในชาตินี้ ถ้าเกิดก่อนหน้านี้เมื่อสัก ๒๐๐ ปีที่แล้ว เราก็จะพลาดโอกาส ไม่เป็นขณะ ไม่ได้สมัย
ที่จะได้บรรลุธรรมกาย
เกิดมาในขณะนี้
แค่ว่า..มีหัว มีตัว มีตา มีหู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีสมบัติอื่นใดเลย แต่ได้ยินคำว่า “ธรรมกายบังเกิดขึ้น”
คุ้มแล้วสำหรับการเกิดมาในชาตินี้
ได้ยินแล้ว
ได้มาศึกษา ได้มาปฏิบัติ..ก็คุ้มแล้วที่ได้เกิดในชาตินี้
ปฏิบัติแล้วได้พบธรรมกาย ได้ชื่อว่า สมหวังดังใจในการเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้
แม้มีตัวเพียงครึ่งตัว ที่ชาวโลกเขาเรียกว่า คนพิการ แต่ความจริงไม่ได้พิการเลย
ถ้าเข้าถึงธรรมกาย
แต่ชาวโลกใด
แม้สมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศ อำนาจ วาสนา มีอายุยืนยาวเป็นร้อยปี ถ้าไม่มีโอกาสได้ยิน ได้ประพฤติปฏิบัติ
ได้เข้าถึงแล้ว นั่นแหละได้ชื่อว่า เป็นคนพิกลพิการ
ดังนั้น มาเกิดในยุคนี้ แม้ไม่มีสมบัติอันใดติดตัว นอกจากรูปสมบัติ คือ
กายก้อนนี้ แค่ครึ่งหนึ่งของกาย
ยังมีชีวิตอยู่ แม้เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่ได้ปฏิบัติธรรม ได้เข้าถึงพระธรรมกาย ถือว่าสมหวังดังใจในการเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้แล้ว
คุณครูไม่ใหญ่
๒๑ กันยายน พ.ศ.
๒๕๔๕
ผู้ฟัง : สาธุชน
สถานที่ : สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย
ในโอกาส: นำนั่งสมาธิ / พิธีบูชาครูวิชชาธรรมกาย
วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564