โอวาท พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์
เนื่องในวาระโอกาส "วันคุ้มครองโลก"
๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑
ลูกๆ ชายหญิงทั้งหลาย
วันเวลาของโลกดำเนินไป จนบัดนี้ได้หมุนเวียนมาถึงวันที่ ๒๒ เมษายน
อันเป็นวันที่องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้เป็น "วันคุ้มครองโลก"
ขณะเดียวกันวันนี้ก็พ้องกับวันคล้ายวันเกิดเป็นปีที่ ๕๔ ของหลวงพ่อพอดี
แต่อย่างไรก็ตาม วันคืนที่ล่วงไปๆ หลวงพ่อก็เชื่อว่า ได้ให้ข้อคิดและสาระประโยชน์แก่นักสร้างบารมี
ผู้มุ่งมั่นในการสร้างบารมี โดยมิยอมให้วันเวลาผ่านไปเลยเปล่าอย่างแน่นอน
เพราะเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนว่า
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จะอยู่ลำพังเพียงคนเดียวมิได้ จำเป็นจะต้องสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นหรือสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ
แต่ทว่า ในสภาวะของการเป็นมนุษย์ผู้ยังมีการแสวงหา
ก็ย่อมต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ต่างคนต่างช่วยกันเติมความสมบูรณ์ด้วยความปรารถนาดีแก่กันและกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ "โลก"
อันได้แก่มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายก็ย่อมได้รับการคุ้มครอง
รู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัยในชีวิต มีสิ่งแวดล้อมบุคคลที่ดี
และย่อมจะส่งผลให้สิ่งแวดล้อมที่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็น ดิน อากาศ ฟ้า ป่าไม้
แม่น้ำลำธาร เป็นต้น ได้รับการคุ้มครองไปด้วย
มนุษย์ได้ชื่อว่า
ยังเป็นผู้มีความพร่องอยู่เป็นนิจ ด้วยปัญญาและความรู้ความสามารถอันจำกัด
จึงทำให้ต้องดิ้นรนแสวงหาและมีความต้องการอยู่เสมอๆ
เมื่อได้มาก็ดีใจแต่เมื่อสูญเสียไปก็โศกเศร้าพิไรรำพัน เมื่อเป็นเช่นนี้ หากขาดการตระหนักและทำความเข้าใจในความจริงของชีวิต
ก็จะทำให้ไม่แจ้งชัดในเป้าหมายที่เกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อไม่มีเป้าหมายเช่นนี้
ทิศทางการดำเนินชีวิตย่อมไม่มีความแน่นอนจึงหันไปฝากชีวิตอันมีค่าของตนไว้กับโชคชะตาและพึ่งพาในสิ่งที่มิใช่สรณะอันประเสริฐที่แท้จริง
ดังนั้น
การที่จะเติมความสมบูรณ์ให้แก่เพื่อนมนุษย์
จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้นำบุญทั้งหลาย
เพราะผู้นำบุญคือผู้มีจิตใจเป็นกัลยาณมิตร
เป็นผู้ที่จะหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่มวลมนุษยชาติ
นั่นคือการนำพาชาวโลกให้มาสู่เส้นทางบุญ และสู่เส้นทางแห่งการเข้าถึงธรรมกาย
เพราะเมื่อใดผู้คนทั้งหลายเข้าถึงธรรมกาย
ตัวของเขาก็จะถูกคุ้มครองนับตั้งแต่รู้จักตนเองและเข้าใจเป้าหมายของชีวิต มีความสุขสงบมั่นคงภายในใจ
ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก มีปัญญารู้เท่าทันสภาวะต่างๆ ตามความเป็นจริง
แล้วก็จะแผ่ขยายยังให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุขส่งผลให้สังคมมีความสงบสันติตามไปด้วย
และในที่สุดก็ย่อมจะทำให้โลกได้รับการคุ้มครองโดยธรรม
กระแสใจของมนุษย์ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะคุ้มครองโลกได้อย่างแท้จริง
แต่ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีของเราที่ผ่านมา
ลูกๆ ชายหญิงทั้งหลายอาจจะดูเหมือนว่ายาวนาน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตในวัฎฎสงสารแล้ว
กลับพบว่าเรายังต้องสร้างสั่งสมบุญบารมีให้กับตัวเราเองอยู่อีกมากมาย
เพราะเส้นทางข้างหน้าอันยาวไกล
ยังมีสิ่งที่เราจะต้องเติมความสมบูรณ์ให้กับตนเองและเผื่อแผ่ความสมบูรณ์ให้แก่ผู้คนในสังคม
อันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความแก่กล้าและความอดทนมุ่งมั่น เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเราและหมู่คณะ ตลอดจนชาวโลกทั้งหลายอีกด้วย
ดังนั้น
ทุกครั้ง เมื่อถึงวันที่ ๒๒ เมษายน
ทั้งในฐานะของการเป็นวันคุ้มครองโลกและในฐานะของวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อ หลวงพ่อได้พิจารณาอยู่เสมอๆ ว่า วันคืนล่วงไปๆ
บัดนี้เราได้ทำอะไรให้เป็นเครื่องคุ้มครองโลกได้บริบูรณ์เต็มที่แล้วหรือยัง เพราะวันเวลาผ่านเลยไปย่อมพาเอาความแข็งแรงของสังขารให้ล่วงเลยตามไปด้วย แต่ภารกิจ และโครงการทั้งหลายยังคงค้างคาใจปรากฏให้เห็นอยู่เสมอๆ
ไม่ว่ามหาธรรมกายเจดีย์ มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี
และสภาธรรมกายสากล ซึ่งหลวงพ่อเชื่อว่าความสำเร็จที่กำลังรอคอยอยู่ข้างหน้า
จะถึงเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่ที่แต่ละวันแต่ละนาทีของพวกเราทั้งหลาย
ได้ใช้ไปเพื่อการสร้างบารมีมากน้อยเท่าใด หากวันหนึ่งๆ
เราได้แบ่งไว้เพื่อทำหน้าที่ผู้นำบุญมาก ความสำเร็จก็เกิดขึ้นได้เร็ว
แต่ถ้าแบ่งไว้น้อย เช่น วันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง
ความสำเร็จก็ยังอยู่อีกไกล
แต่ถ้า
๓ สิ่งนี้สำเร็จเมื่อใด
โลกก็จะได้สิ่งที่มีค่าเพื่อสร้างกระแสใจอันดีงามให้แก่มวลมนุษยชาติ
อนุชนรุ่นหลังก็จะได้แบบอย่างอันดีงามให้บูชากราบไหว้และส่งใจรำลึกถึงประวัติศาสตร์โลกก็จะได้จารึกเกียรติคุณแห่งความมุ่งมั่นของพวกเราที่ปรารถนาจะสถาปนาสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลกและมวลมนุษยชาติ
และพระพุทธศาสนาก็จะได้ศาสนสมบัติอันล้ำค่าเพื่อการสืบต่อศาสนธรรม
ส่วนลูกๆชายหญิงทั้งหลาย
ก็ย่อมจะได้มหากุศลอย่างจะนับประมาณมิได้ ย่อมมีความปลาบปลื้มปีติ น้อมนำใจให้เข้าสู่กระแสธรรม
เข้าถึงธรรมกาย พบกับสรณะอันเป็นเครื่องคุ้มครองตนเองทั้งภพนี้ ภพหน้า
และคุ้มครองโลกให้พบกับความสุข ความบริบูรณ์ ตราบสิ้นกาลนาน
เจริญสุข
วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565