คุณยายท่านเคยเตือน ตอนที่หลวงพ่อยังแข็งแรงอยู่
หลวงพ่อไปอ่านบันทึกดู ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นอายุ ๓๕ ท่านเตือนว่า “ท่านรีบปฏิบัติธรรมนะ
ก่อนที่สังขารจะไม่ไหว” เพราะการปฏิบัติธรรมต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกาย
ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง นั่งแล้วเดี๋ยวก็เมื่อย ง่วง หลับ มันจะเผลอๆ
กันไปอยู่เรื่อยๆ แหละ
อย่าคอยความพร้อมนะลูกนะ
จงจัดสรรบริหารเวลาของเราทั้งความคิด คำพูด และการกระทำ
>> ลองประหยัดเวลาในการคิดฟุ้งซ่าน ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องพระธรรมวินัย
หรือเรื่องภารกิจการงานที่ได้รับมอบหมาย อย่าไปเสียเวลาคิดเลย
>> คำพูด ประหยัดเวลาพูดที่นอกเหนือจากพระธรรมวินัย
และภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ประหยัดเวลาตรงนี้เอาไว้
>> การกระทำก็เช่นเดียวกัน อะไรที่ไม่เกี่ยวกับพระธรรมวินัย
กับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ก็ควรประหยัดเวลาตรงนี้
ถ้าเราบริหารเวลาไม่เป็น
เราก็ไม่มีเวลา เมื่อเรามีความรู้สึกเช่นนั้นบ่อยๆ ก็จะติดเป็นนิสัย ติดนานๆ
เข้าเป็นอุปนิสัย แล้วหยั่งรากลึกลงไปเป็นขันธสันดานติดตัวเราตลอด นั่นก็คือ เราก็จะได้ผังสำเร็จความไม่พร้อมตลอดทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆ
ไป ซึ่งจะยืดเวลาในการเข้าถึงธรรมออกไป สังขารก็เสื่อมกันเรื่อยไป
หลวงพ่อว่า
ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้าถึงพระธรรมกาย ไปพร้อมกับปฏิบัติภารกิจหยาบ
ถึงเวลาแล้วนะ
อย่าไปคอยวันเวลาให้พร้อมเลย หรือว่าต้องปลีกตัวไปปฏิบัติธรรมนอกสถานที่ ที่จริงก็ดีนะ
หลวงพ่อเห็นด้วย แต่โอกาสอย่างนั้นสำหรับหมู่คณะเราหายากเหลือเกิน เราต้องทำทุกสิ่งควบคู่กันไป
คุณครูไม่ใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑
๑๙.๑๘ น. – ๑๙.๕๑ น.
กรานกฐิน ณ อุโบสถวัดพระธรรมกาย
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565