ตอนก่อนจะเดินทางไปสู่ปรโลก
แทนที่จะตัดสินกันด้วยความชำนาญในอาชีพ ที่เราได้ฝึกฝนเลี้ยงชีพมาตลอดชีวิต หรือตัดสินจากการได้ครอบครองทรัพย์สิน
มีลาภยศสรรเสริญ พวกพ้องบริวาร หล่อ รวย สวย ฉลาดก็หาไม่
แต่กลับไปตัดสินกันที่หมองกับใส
ซึ่งเกิดจากบุญและบาปที่ได้กระทำไว้ เป็นบทสรุปงบดุลชีวิตในตอนนั้นว่า ใจใครจะผ่องใสหรือเศร้าหมอง
ถ้าใครใจใส...ก็ไปสุคติโลกสวรรค์
ถ้าใครใจหมอง...ก็ไปอบาย
“หมองกับใส” ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราตอนที่ยังแข็งแรงอยู่
ทั้งทางกาย วาจา ใจ ถ้าทำบุญ สร้างความดี ใจก็จะผ่องใส ไม่เศร้าหมอง ถ้าทำบาปใจก็เศร้าหมองไม่ผ่องใส
ถ้าทำทั้งบุญทั้งบาป ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเปิดช่องไหนให้ใจรับ
สิ่งใดที่ทำเป็นอาจิณกรรม
ทำบ่อย ๆ ภาพนั้นจะมาปรากฏก่อน จะมาฉายให้เราเห็นอย่างต่อเนื่อง
เดี๋ยวภาพบุญบ้าง ภาพบาปบ้างสลับกันไป บางช่วงภาพบุญยาว
ภาพบาปสั้น บางช่วงภาพบาปยาว ภาพบุญสั้น สลับไปสลับมา แล้วเห็นอยู่คนเดียว กองเชียร์อยู่รอบข้างไม่เห็น
สำคัญภาพสุดท้าย...
ของใครได้ภาพที่ดี ก็ไปสุคติ
ใครได้ภาพไม่ดี ก็ดึงดูดให้ไปอบาย
นี่บทสรุปของชีวิต...เขาสรุปกันตรงนี้
คุณครูไม่ใหญ่
๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖
วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559