วันลอยกระทง ถึงวันนี้ทีไร หลวงพ่อก็จะนึกถึง
๑. เป็นวันแรกที่หลวงพ่อเจอหลวงพ่อทัตตชีโว
พบกันวันแรกวันลอยกระทง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙
๒. คิดถึงคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ได้ลอยกระทง ๒ คนกับคุณยาย ตอนที่ท่านยังแข็งแรงอยู่ เดี๋ยวชาติต่อไปจะได้ไปปราบมารด้วยกัน ชวนกันอย่างนี้ทุกปีเลย
ลอยกระทงของท่านนึกไปโน่นเลยนะ
๓. ขึ้น ๑๕ ค่ำ ทีไร ก็จะนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่
จันทสโร ภิกขุ หลวงปู่พระผู้ปราบมาร
๔. นึกถึงพระจันทร์บนท้องฟ้า และพระจันทร์ในท้องน้ำ
๕. และพระจันทร์ในท้องของเรา

ถ้าสมัยก่อน วันลอยกระทงจะเป็นวันสิ้นสุดของฤดูฝน
ท้องฟ้าจะกระจ่างใส ปราศจากหมู่เมฆ สว่างด้วยแสงจันทร์วันเพ็ญ น้ำจะนองเต็มตลิ่ง สวยงามมาก
น้ำเพียงดิน คือ ดินกับน้ำจะเสมอกันเลย สมัยหลวงพ่อยังละอ่อนอยู่นะ เราได้เห็นพระจันทร์ที่กระจ่าง ๒ ดวง ดวงหนึ่งอยู่บนท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆฝน ในท้องน้ำกระจ่างด้วยจันทร์อีกดวงหนึ่ง
เพราะฉะนั้น พอวันเพ็ญทีไร
หลวงพ่อจะนึกถึงคุณยายจันทร์ แล้วก็ จันทสโร ภิกขุ และจันทร์ในท้อง

ประเพณีลอยกระทง ลอยไปทำไม ก็มีเรื่องราวเป็นตำนานนะ คือ ตำนาน ๆ มันเหนียวดี เหมือนเอาอะไรใส่ในครก
แล้วก็ตำ ๆ ไป นาน ๆ เหนียว เรื่องอะไรที่ตำกันไปนาน ๆ พูดนาน ๆ เชื่อถือกันได้ เพราะมันเหนียว เหนียวแน่น
เขาว่านะก็เข้าท่าดี แต่มันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ
เขาว่า พญานาคมีความระลึกนึกถึงพระบรมศาสดา
ที่ท่านประทับรอยพระบาทไว้ริมฝั่งแม่น้ำนามะทา
พอถึงวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ก็จะมาลอยกระทงบูชาพระพุทธบาท
คือ ยังจิตให้เป็นกุศลระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์

หลวงพ่อว่า การลอยกระทง
มันต้องทำให้จิตเราเป็นกุศล คือ จะต้องเอาใจไปผูกไว้กับพระรัตนตรัยกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหมือนเรามีตะปูสักตัว เราตอกบนเรือรบ มันก็เป็นเรือรบ
เอาอิฐสักก้อนมาก่อพระเจดีย์ เราก็ยังได้ชื่อว่าสร้างพระเจดีย์
เช่นเดียวกัน เราลอยกระทง
เราก็เอาใจไปผูกไว้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้ชื่อว่า เราบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บุญใหญ่ก็จะเกิดขึ้น
เพลงลอยกระทง มีท่อนหนึ่งที่หลวงพ่อชอบ
“บุญจะส่งให้เราสุขใจ” ได้ฟังทุกปีตอนลอยกระทงกับคุณยาย
เขาเปิดเผื่อแผ่มา แต่ชอบประโยคเดียว เพราะเราบุญนิยมอยู่แล้ว
รักเรื่องการสร้างบุญ นี่ก็แสดงว่าปู่ย่าตายายของเรา
ท่านยังผูกเอาไว้กับบุญกุศลนะ
แต่ลอยกระทงเดี๋ยวนี้ เขาผูกไว้อย่างนี้ เนื่องจากน้ำในแม่น้ำไม่สะอาด เพราะฉะนั้นลอยกระทงจะได้ถือโอกาสขอขมาแม่น้ำเจ้าพระยา
หรือแม่น้ำต่าง ๆ ที่ทำให้ท่านสกปรก กลายเป็นการขอขมากันไป คือผูกห่างจากพระรัตนตรัยออกมา
ซึ่งหลวงพ่อว่า เราควรจะถอยหลังลงคลองกันเถอะ
แต่เป็นคลองธรรม จะได้ถูกทำนองคลองธรรม เรามาผูกใจไว้กับพระรัตนตรัยดีกว่า ลอยกระทงบูชาพระรัตนตรัย
จิตใจจะเป็นบุญกุศล บุญใหญ่ก็จะได้เกิดขึ้น และลอยบาปออกจากใจไปด้วย บาปมีเท่าไรส่งคืนไปหมดเลย ให้เหลือแต่บุญใส ๆ เท่านั้น
วันนี้ทำจิตใจให้ผ่องใส สว่างไสว
เหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ บนท้องฟ้าสว่างด้วยแสงจันทร์
ในท้องเราก็สว่างด้วยแสงธรรม ต้องสว่างทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน
อย่างนี้ถึงจะถูกหลักวิชชา

คืนนี้จะแอบไปลอยกระทง แล้วก็จะเอาลูกทุกคนทั้งในห้องเรียนนี้
ทั้งอยู่ที่บ้าน อยู่ที่ต่างประเทศ หรืออยู่ที่ไหน ๆ จะนึกรวมเอาไว้ในกระทงธรรม แล้วจะขยายลอยบาปออกจากใจ น้อมกระทงธรรมไปสักการะบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับพระองค์ไม่ถ้วน
จะไปกราบพระเดชพระคุณหลวงปู่ ท่าน ให้คุมธรรมะให้ลูกทุกคน
ให้ธรรมภายในสว่างเหมือนจันทร์วันเพ็ญ หรือยิ่งกว่านั้น แล้วก็ให้ความปรารถนาของลูกทุกคนเต็มบริบูรณ์เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
จะได้ให้ความปรารถนาของลูกพระราชฯ ทั่วโลก นักเรียนฝันในฝันวิทยาทั้งภายในและต่างประเทศสมหวังดังใจบริบูรณ์เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
ให้ได้บุญกันทุกคนเลยนะ
คุณครูไม่ใหญ่
๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ (ภาคค่ำ)
๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ (ภาคค่ำ)
วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564