การฝึกใจให้หยุดนิ่งเป็นกรณียกิจ
เป็นกิจที่สำคัญสำหรับการมาเกิดเป็นมนุษย์ เพราะจะทำให้เราพบความสุขที่แท้จริง
และพบความเป็นจริงของชีวิต เมื่อเราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัวแล้ว นี่เป็นกิจที่ควรจะต้องทำควบคู่กับการทำมาหากิน
การศึกษาเล่าเรียน การครองเรือน
แม้พวกเราจะทราบว่า เป็นกรณียกิจ
เป็นกิจที่ต้องทำ แต่มักไม่ค่อยมีความขยัน
มีความเพียรที่จะปฏิบัติ หรือปฏิบัติก็ปฏิบัติพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจริงจังเพื่อให้ใจตั้งมั่นอยู่ภายใน
ที่ท้อก็เพราะว่า
นั่งแล้วมีความรู้สึกว่า มันไม่ก้าวหน้า ไม่เห็นผลทันอกทันใจ
ซึ่งการที่เรานึกคิดอย่างนี้ มันไม่ถูกต้อง
การปฏิบัติธรรมย่อมมีผลขึ้นสักวันหนึ่ง
แต่มันก็ต้องค่อยๆ สั่งสมความละเอียดของใจไปทุกๆ วัน
เพราะใจเราหยาบด้วยการทำมาหากิน คิดพูดทำแต่สิ่งที่ทำให้อารมณ์จิตมันหยาบ
มันฟุ้งอยู่ตลอดเวลา ไม่ตั้งมั่น แล้วจู่ๆ จะให้มาหยุดมานิ่ง ให้ได้ดั่งใจเลย มันไม่ได้นะลูกนะ
มันต้องอาศัยการฝึกฝน สั่งสมกันไปทุกๆ วัน
เรามักจะให้ความสำคัญกับการสนุกสนาน
เพลิดเพลิน ผ่อนคลายอารมณ์ไปในเรื่องราวที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร ดูทีวีบ้าง อ่านหนังสืออ่านเล่นให้เพลินๆ
หรือไปเที่ยวเตร่ พูดคุยกันให้มันเสียเวลา
ไม่ค่อยจะให้ความสำคัญกันอย่างจริงจัง
ซึ่งความจริงแล้ว ถ้าตั้งใจปฏิบัติกันจริงๆ
ทำให้ถูกหลักวิชชา ทบทวนคำสอนที่ได้ยินได้ฟังมา แล้วก็หมั่นปฏิบัติ หมั่นสังเกต
เดี๋ยวเราก็จะพบเหตุแห่งการบกพร่อง และช่องทางแห่งความสำเร็จ ความสมหวังก็ย่อมจะเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน
คุณครูไม่ใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เวลา ๑๓.๓๐
- ๑๖.๓๐ น.
วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564