ชาตินี้เรามีข้อสังเกตอยู่ว่า
ทำไมชีวิตเราลุ่มๆ ดอนๆ ทำไมปฏิบัติธรรมไม่ค่อยหยุดนิ่ง
นั่นก็เป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้เห็นเงาของชีวิตที่ผ่านมาในอดีตว่า เราขี้เกียจฝึกหยุดฝึกนิ่งมาก่อน
เราเคยเจอกันมาแล้วบ้าง
หรือพวกเราเคยไปเจอผู้รู้มาบ้าง เขาแนะนำ เราก็ยังขี้เกียจอยู่
ชาตินี้มันก็มีอานิสงส์ของความขี้เกียจ คือมันก็มืดมากบ้าง มืดมัวบ้าง ก็จะเจอกันอย่างนี้
เพราะฉะนั้น เมื่อเราเห็นสิ่งที่สะท้อนถึงเงาในอดีตแล้ว
ปัจจุบันเราก็จะต้องสั่งสมการปฏิบัติให้มันเยอะๆ นะลูกนะ
ฝึกกันไปทุกวัน
ล้มลุกคลุกคลานกันไป เหมือนเด็กหัดเดินอย่างนั้น เดี๋ยวล้ม เดี๋ยวยืนได้
เดี๋ยวเดินเตาะแตะ เดี๋ยวก็เดินได้แข็งแรง เดี๋ยวก็วิ่งได้ แล้วก็ข้อสังเกต ถ้าเท้าข้างใดข้างหนึ่งยืนได้อย่างมั่นคง
อีกข้างหนึ่งก็จะก้าวไปได้อย่างมั่นคง แล้วก็จะไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย แล้วก็มีชัยชนะ
ใจมันฝึกกันไปทุกๆ
วัน เดี๋ยวมันก็หยุด เดี๋ยวมันก็นิ่ง เดี๋ยวมันก็มั่นคงจนได้ เมื่อข้างในหยุดนิ่ง
เดี๋ยวข้างนอกวิ่งไม่หยุด ข้างในนิ่ง
ข้างนอกเคลื่อนไหว สองประสาน งานสร้างบารมีมันก็จะสำเร็จจนได้ เพราะฉะนั้นต้องขยันนะลูกนะ
หมั่นฝึกฝนอบรมใจกันไปทุกวันเลย
สักวันหนึ่งเราจะต้องเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้
คุณครูไม่ใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เวลา ๑๓.๓๐
- ๑๖.๓๐ น.
วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564