พระกัลยาณมิตร : วัดพระธรรมกาย เป็นวัดไม่ทรงเอกลักษณ์ความเป็นพุทธ เช่น
สร้างโบสถ์ไม่เหมือนวัดทั่ว ๆ ไป ผมคิดว่า
เมื่อรวมคนได้มาก ๆ ก็กลายเป็นถือคริสต์
เอาไม้กางเขนไปปักกลางช่อฟ้า
คุณครูไม่ใหญ่:
ตอนที่ให้สถาปนิกออกแบบ
ได้บอกกับสถาปนิกว่า อยากได้โบสถ์ที่สร้างแล้วแข็งแรง ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เสร็จเร็ว
ประหยัดไม่ต้องใช้เงินเยอะ
เพราะไม่ค่อยมีเงิน ถ้าพังก็ซ่อมง่าย ถ้าสร้างโบสถ์ที่วิจิตรงดงาม
มันก็ดีนะ ใจก็ประณีต แต่จะเสียเวลานาน ใช้เงินเยอะ ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ เวลาพังก็ซ่อมยาก
เพราะช่างที่เกิดมาสร้าง ไม่เกิดมาซ่อมอีก ทีนี้ถ้าเอาคนรุ่นหลังมาซ่อม มันก็หัวมงกุฎท้ายมังกร เดี๋ยวจะต่อกันไม่ติด ก็บอกเขาไปอย่างนี้
เขาก็เลยออกแบบมาให้ดูหลายแบบ ก็เลือกเอาแบบที่พอใครเห็น พอจะทนได้บ้างนะ บางแบบเหมือนจรวดขึ้นไปเลย ถ้าขืนสร้างตอนนั้น ป่านนี้ครูไม่ใหญ่ก็แบนแล้ว แค่นี้เขาก็เอาเสียแบนแล้ว
แบบนี้ตรงสเป็ก เร็ว เรียบง่าย ทำความสะอาดง่าย พังซ่อมง่าย
ใช้เงินไม่เยอะ ใช้ประโยชน์ได้เยอะ จึงได้โบสถ์แบบนี้มา
และจริง ๆ เป็นพุทธ มหานิกาย ไม่ใช่นิกายใหม่ แล้วก็ไม่แยกนิกายด้วย กำลังให้ไปกราบเรียนทุก ๆ รูปว่า
“พุทธบุตรต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว”
ไม่อยากให้มีนิกายโน้น นิกายนี้ พอดีมีคำว่า ธรรมกาย เขาไม่คุ้น เพราะว่า
แม้ธรรมกายมีอยู่ในพระไตรปิฎก แต่ไม่มีใครนำมาเปิดเผย นำมาแสดง เอามาแนะนำกัน เพราะรู้จักพระธรรมกายแค่เป็นที่รวมหมวดหมู่แห่งธรรม ไม่เชื่อว่าจะมีหน้ามีตา เหมือนเป็นนามธรรม แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่านไปค้นพบขึ้นมา แล้วพระในตัวบอก คือ ธรรมกาย
ก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ท่านไม่เคยได้ยิน
แล้วไปค้นในพระไตรปิฎก อ้าว มีคำนี้ด้วย เอาล่ะ คราวนี้สนุกกันใหญ่เลย เรื่องมันเป็นอย่างนี้
(อ่านต่อ ตอน 3)
วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559