วิชชาธรรมกายสำคัญมาก ๆ จำเป็นมาก ๆ
สำหรับชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์โลก จำเป็นยิ่งกว่าปริญญาในทางโลก
หลวงพ่อได้คุยกับดอกเตอร์หลาย ๆ ท่าน
มักจะตอบเป็นเสียงเดียวกัน ตอนที่ยังไม่ได้ดอกเตอร์ ก็อยากได้ พอได้ดอกเตอร์แล้ว
ก็ไม่เห็นมีอะไร และยังบอกอีกว่า
ถ้าหากว่าให้ท่านเลือกระหว่างการได้เข้าถึงธรรมกายหรือถึงวิชชาธรรมกาย
แล้วแลกกับดอกเตอร์ ท่านยอม แลกดอกเตอร์ขอให้ได้ธรรมกาย
เพราะว่าเข้าถึงธรรมกายแล้วเป็นที่พึ่งแก่เราได้
ได้ข่าวว่าลูก ๆ หลวงพ่อหลาย ๆ ท่าน
ทั้งพระภิกษุ สามเณร กำลังกระหายปริญญากัน จะขอเรียนต่อ มสธ. เพื่อให้ได้ปริญญา
เนื่องจากมีความรู้สึกว่า ขาดแคลนปริญญา แล้วมีความรู้สึกลึก ๆ คิดไปเองว่า
เป็นพลเมืองชั้น ๒ รู้สึกมีปมด้อย เราไม่ได้ปริญญา
มีความรู้สึกเหล่านี้ติดอยู่ในใจ
หลวงพ่อว่า เรากำลังจะออกนอกทางกันนะ
เพระวัตถุประสงค์ของหลวงพ่ออยากให้ลูกทุกรูป อุบาสก อุบาสิกาทุกคน
ได้ศึกษาความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีอะไรเหมือน เป็นความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วอยากให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของวิชานี้
แล้วภาคภูมิใจในการที่ได้เข้ามาอยู่ร่วมสำนัก อยู่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน นี่เป็นสิ่งที่หลวงพ่ออยากให้เกิดขึ้น
จึงอยากจะย้ำให้ลูก ๆ ทุกท่านได้ทราบไว้ว่า ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่
หรือเท่าเทียมวิชชาธรรมกายได้เลยแม้แต่นิดเดียว หลวงพ่อขอยืนยัน
เพราะฉะนั้น
แทนที่เราจะทุ่มตัวไปศึกษาความรู้ในทางโลก เพื่อให้ได้ปริญญาตรีแบบทางโลก
หลวงพ่อคิดว่า เราควรจะมุ่งเข้าไปศึกษาวิชชาธรรมกาย ซึ่งอยู่ภายใน
เราจะใช้เวลาในชีวิตของเราที่เหลืออย่างจำกัด
ไม่กี่สิบปีนี้ศึกษาเท่าไรมันก็ไม่หมด อายุยืนสักพันปีก็ไม่หมด
อย่างนี้น่าจะดีกว่า
ดังนั้น ใครที่มีความคิด
รู้สึกว่า เป็นปมด้อย เลิกคิด แล้วตั้งใจเอา ๓ ป. ให้ได้ นั่นแหละเป็นหลัก
แล้วก็เรียนภาษาต่างประเทศสักหนึ่งภาษา ภาษาอะไรก็ได้ หรืออย่างน้อยภาษาอังกฤษ
เพื่อจะได้นำความรู้วิชชาธรรมกายไปถ่ายทอดให้กับชาวโลกเขารับทราบ
แล้วจำไว้นะ ความรู้ที่ชาวโลกขาดแคลนจริง ๆ คือ “วิชชาธรรมกาย”
เวลาที่สาธุชนมาหาหลวงพ่อ ไม่มีใครเคยถามเลยว่า
จบอะไรมา แต่เขาจะถามว่า
ทำอย่างไร
ใจถึงจะหยุด ทำอย่างไรใจถึงจะนิ่ง
ทำอย่างไร ถึงจะเข้าถึงพระธรรมกาย
ทำอย่างไร
ถึงจะเข้าถึงความสุขที่แท้จริง
ทำอย่างไร ถึงจะเข้าถึงอภิญญา
ความรู้ยิ่งในทางพุทธศาสนา
ทำอย่างไร จึงจะระลึกชาติได้
คำถามเหล่านี้ที่หลวงพ่อได้รับมาจากคนทุกระดับ
ตลอดระยะเวลาที่บวชมา ไม่มีใครถามว่า จบอะไรมา ไม่มีเลย
หลวงพ่อว่า มันเสียเวลาเปล่า
ถ้าหากเราคิดมุ่งจะไปเอาปริญญา คิดไปเองว่า เราขาดแคลนปริญญา เป็นปมด้อย
เลิกคิดได้แล้ว
ลูกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีคุณค่ามหาศาล แล้วความรู้ที่มีอยู่นี้ ไม่มีใคร ๆ ในโลกมี
เพราะฉะนั้นทุ่มตัวศึกษาเถอะ เข้าถึงธรรมกายเมื่อไร
ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายเมื่อไร จะซาบซึ้งในสิ่งที่หลวงพ่อพูดยิ่งกว่านี้หลาย ๆ
ล้านเท่า ซึ่งผู้ที่เขาเข้าถึงก็มีอยู่
เพราะฉะนั้น ปรับจิตปรับใจ คิดกันเสียใหม่
เราไม่มีปมด้อย เราไม่มีปมเด่น แต่เรามีปมดี ปมที่เข้าถึงพระธรรมกาย
เป็นปมดีที่ชาวโลกเขาขาดแคลน
ดูหลาย ๆ ท่าน จบปริญญามา
ยังมีความรู้สึกว่า ชีวิตยังไม่สมบูรณ์เลย ยังไม่เต็มเปี่ยม แสดงว่าลึก ๆ จริง ๆ
แล้ว เรากำลังแสวงหาสิ่ง ๆ หนึ่งที่จะทำให้ชีวิตเต็มเปี่ยมสมบูรณ์มีคุณค่า
เพราะฉะนั้น ทุกคนมีฐานะเท่าเทียมกันทั้งหมดเลย ทั้งลูกสามเณรก็ดี พระก็ดี คือ
การแสวงหาธรรมกาย สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด
ตอนนี้เรามีฐานะเท่าเทียมกันแล้ว
ไม่ได้วัดด้วยปริญญาเลย
ใครทำใจหยุดนิ่งได้เร็ว
คนนั้นก็เข้าถึงได้เร็ว
ใครหยุดนิ่งช้า ก็เข้าถึงช้า
เพราะฉะนั้น เราไม่มีปมด้อยในใจเลย
เรามีปมดีของเรา เรากำลังจะทำความดีนะลูกนะ
คุณครูไม่ใหญ่
๑๕
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖
วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562