ในพรรษานี้เราได้ตั้งใจอะไรเอาไว้บ้าง เราก็ต้องมานึกทบทวนกันให้ดี ที่สำคัญก็คือ
ความเป็นพระที่แท้จริง กับเป้าหมายของพระ
พระแท้ คือ ผู้ที่ประพฤติถูกต้องตามธรรมวินัย เราก็จะต้องสำรวจตรวจตราดูว่า ความเป็นพระของเรายังสมบูรณ์ดีอยู่ไหม ทั้งความคิดคำพูดและการกระทำของเราสมบูรณ์ไหม ยังมีสิ่งที่เราจะต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เป็นพระสมบูรณ์ขึ้นอีกกี่อย่าง บางทีเรามุ่งเรื่องงานมากเกินไปจนลืมเรื่องความเป็นพระของเรา
พรรษานี้หลวงพ่ออยากจะเน้นให้ลูก ๆ
ทุกคนหวนกลับคืนมาสู่ธรรมวินัยที่สมบูรณ์ขึ้น
กับมาตุคามต้องมีช่องว่าง
สิ่งอะไรที่เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ ต่อการกุศล
เราก็รู้อยู่ แต่บางทีเราก็ชะล่าใจ
จนกระทั่งเข้าไปคลุกคลีใกล้ชิด
ไม่มีระยะห่างระหว่างเรากับคฤหัสถ์
ซึ่งอันตรายมาก
บางครั้งเราเพลี่ยงพล้ำกระทำให้จิตเราไม่บริสุทธิ์ คำพูดและการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์ นึกเมื่อไรมันก็ไม่สบายใจ เพราะฉะนั้น ปีนี้ พรรษานี้
ต้องเน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เกี่ยวกับการคลุกคลีกับสิ่งที่เป็นข้าศึกกับพรหมจรรย์
เราจะไปโทษมาตุคามหรือเพศตรงข้ามไม่ได้ มันต้องโทษที่ตัวเรา รักษาใจได้แค่ไหน วางตัวได้เหมาะสมแค่ไหน อยู่ในฐานะพระที่อยู่บนหิ้งบูชา หรือว่าเสมอเหมือนกับคฤหัสถ์ มันต้องดูตรงนี้
โดยเฉพาะพระอาจารย์ที่ต้องออกไปทำหน้าที่ต่างจังหวัดไกล
ๆ ก็ต้องระมัดระวังให้ดี คุ้มครองตัวเองให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในยวดยานพาหนะ ในอาคารบ้านเรือน หรือที่ไหนก็แล้วแต่ ระมัดระวังตรงนี้ให้ดี อย่าอยู่กันตามลำพัง เดี๋ยวพญามารจะได้ช่องสอดละเอียดเข้ามา สอนให้เราคิดอย่างนี้ พูดอย่างนี้
ทำอย่างนี้ แล้วจะทำให้เราเสียใจในภายหลัง จะไม่สบายใจในการอยู่ร่วมกับหมู่คณะที่เขาบริสุทธิ์กัน
เพราะฉะนั้น ต้องมีช่องว่างนะลูกนะ
ถ้าหากจำเป็นจะต้องทำงานคลุกคลีกับเพศตรงข้ามก็ดี หรือสมัยนี้แม้กับเพศเดียวกันก็ดี ระวังความกำหนัดยินดีในกาม ต้องระวังกันให้ดี อย่าล้อเล่นอะไรที่มันเฉียดฉิวต่อธรรมวินัย ต้องระวังให้ดีนะลูกนะ
คุ้มครองตัวเองให้ดี เพราะเราได้ลงทุนมาเป็นนักบวชแล้ว ต้องถือว่าเป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง ลงทุนด้วยชีวิต ซึ่งผ่านกาลเวลาทุกวันทุกคืน เดี๋ยววันเดี๋ยวคืน จะมีกำไร
เท่าทุน หรือขาดทุนก็อยู่ที่เรา
เราหวังกำไร คือ
ความบริสุทธิ์กายวาจาใจที่จะบังเกิดขึ้นกับตัวเรา
เราจึงได้มาบวช
มาเติมความบริสุทธิ์กายวาจาใจให้เพิ่มขึ้น จะได้เป็นกำไรของชีวิต เพราะถ้าเราอยู่เป็นคฤหัสถ์โอกาสว่างที่จะบำเพ็ญความบริสุทธิ์
หรือเพิ่มเติมความบริสุทธิ์บริบูรณ์ให้บังเกิดขึ้นกับกายวาจาใจนั้นมันยาก เพราะสิ่งแวดล้อมไม่อำนวย มีแต่การแข่งขัน ปัญหา ความขัดแย้ง แรงกดดัน
ความพยาบาท ขุ่นเคือง ความเบียดเบียน แล้วก็ความกำหนัดยินดีในกาม เยอะแยะไปหมด เพราะสิ่งแวดล้อมมันเป็นอย่างนั้น อยู่เป็นคฤหัสถ์จะมาเติมความบริสุทธิ์กายวาจาใจนั้นยากกว่า แต่ไม่ได้หมายถึงว่า ทำไม่ได้ ทำได้แต่ยากกว่า
เพราะฉะนั้น การมาบวชถือว่า เป็นการลงทุนด้วยชีวิต ในการแสวงหาความบริสุทธิ์ ความบริสุทธิ์จะเป็นเครื่องทำให้เราได้บรรลุธรรม หลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร จากกิเลสอาสวะทั้งหลาย และผลพลอยได้ก็จะไปถึงแก่หมู่ญาติ บรรพบุรุษ
บุพการี สรรพสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น เพราะฉะนั้นตรวจตราดูแลกันให้ดีนะลูกนะ ของใครของมัน
ดูให้ดี อย่าคลุกคลี ให้มีช่องไฟเอาไว้ ต้องเว้นวรรค ถ้าคุ้นเคยกันมากเข้า มันก็มองข้ามการเป็นสมณะ บางทีคำถามที่ถามด้วยความอยากรู้ ในเรื่องที่ไม่ควรรู้ คุยเรื่องเพศกับมาตุคามที่คุ้นเคย อย่างนี้ไม่สมควร เพราะมันจะนำมาซึ่งความวิบัติของศีล ของธรรมวินัย
แค่คิดมันก็แย่อยู่แล้ว พอพูดไป ซักถามไป
เพราะอยากรู้ พอรู้แล้วมันก็อยากลอง พอลองแล้วมีปัญหาเกิดขึ้น มันจะเรียงกันมา
พรรษาที่ผ่านมา ไม่เคยพูดเรื่องนี้ แต่พรรษานี้ต้องพูด เพราะอยู่กันเยอะขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้น ระมัดระวังให้ดีนะ แม้เพศเดียวกันก็ต้องดูให้ดี รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี
เพื่อที่เราจะได้กล่าวไปสู่เป้าหมายอันสูงสุดที่เราปรารถนากันคือ
การบรรลุธรรม
ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมให้เต็มที่
พรรษาที่ผ่านมา เราจะรู้ตัวของเราเองว่า เราได้ประพฤติปฏิบัติธรรมจริงจังแค่ไหน ดูจากผลที่เกิดขึ้นมา เราก็รู้ว่าเราเอาจริงเอาจังแค่ไหน พรรษานี้จะให้เป็นเหมือนพรรษาที่ผ่าน ๆ
มาไม่ได้แล้ว พรรษานี้เราต้องให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ให้มากที่สุด เพราะตอนนี้ญาติโยมเขาตื่นตัวเรื่องการปฏิบัติธรรมกันไปทั่วประเทศ ทั่วโลก ที่เขารับสื่อสารกันได้
ที่สำคัญในใจของญาติโยม ที่เขามองดูพระที่เขาเคารพกราบไหว้บูชาสนับสนุนทุกด้าน ต้องเป็นผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว เขาไม่ได้มองว่า เรากำลังศึกษา กำลังฝึกฝน
กำลังทำความเพียรอยู่ เขามองว่า
เราได้บรรลุแล้ว
ตรงนี้แหละที่จะสร้างความลำบากใจให้เกิดขึ้นกับเรา เวลาเขากราบไหว้บูชา เขาก็กราบไหว้พระผู้บริสุทธิ์ พระผู้บรรลุธรรม
แต่เรารู้อยู่ว่าเรายังไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่ควรแก่การเคารพ กราบไหว้
บูชา
สนับสนุนอะไรอย่างนั้นเลย
พรรษานี้ไม่ได้แล้วนะลูกนะ
เพราะเดี๋ยวก็วัน เดี๋ยวก็คืน
วันเวลามันก็ผ่านไป
มันก็กลืนกินความแข็งแรง
ความสดชื่นของร่างกายเราไปด้วย
ร่างกายของเรามีแต่เสื่อมไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นต้องชิงช่วงในจังหวะที่ร่างกายเรายังแข็งแรงอยู่ ยังสดชื่น
ยังเบิกบานอยู่ ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมกันให้เต็มที่
ที่จริง
กิจวัตรกิจกรรมที่หลวงพ่อและหมู่คณะได้จัดเอาไว้ให้มันเหมาะสมสำหรับการเข้าถึงธรรมได้ ถ้าหากว่าเอาใจใส่ เอาจริงเอาจริงกัน มีความปรารถนาอยากเข้าถึงธรรมกันอย่างแท้จริงแล้วก็ต้องได้ ตามตารางกิจวัตรกิจกรรมที่วางเอาไว้ แม้จะมีงานพิเศษที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ
ก็ตาม
มันก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญสมณธรรม
เพราะฉะนั้น พรรษานี้
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลย
ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมกันให้ดี
พยายามรักษาใจเอาไว้อยู่ภายใน
เหมือนอย่างที่หลวงพ่อได้ให้โอวาทแก่ญาติโยมทั้งหลายว่า ให้อยู่จำพรรษาภายในกายยาววา หนาคืบ
กว้างศอก ในปริมณฑลแห่งใจ ที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ ให้ใจมันอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น อยู่ในขอบเขตอันนั้น ถ้าทำได้อย่างนี้ สักวันหนึ่งมันก็จะรวมลงหยุด
เข้าไปสู่ภายในได้
อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า
เป็นการจำพรรษาอย่างแท้จริง
เอาใจมาหยุดอยู่ภายใน ในปริมณฑลแห่งใจ ยาววาหนาคืบกว้างศอกของกาย ให้มันอยู่อย่างนี้แหละ ไม่ให้มันไปที่ไหน อยู่กับเนื้อกับตัวของเราตลอดไป ก็หวังว่าลูกทุกคนก็คงจะใช้วันเวลาให้เป็นประโยชน์ต่อการบำเพ็ญสมณธรรมนะ
ขออำนวยพรให้ภายในพรรษานี้ ให้ลูกทุก ๆ คน ปลอดกังวล มีจิตใจเบิกบาน ผ่องใส สว่างไสวในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อย่าเจ็บ
อย่าป่วย อย่าไข้ ให้ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นข้าศึกของพรหมจรรย์ เป็นผู้มีสติ
สำรวมอินทรีย์เอาไว้อย่างดีแล้ว
ฝึกใจให้หยุดนิ่ง เข้าไปสู่ภายใน ได้บรรลุวิชชาธรรมกาย
จะศึกษาเล่าเรียนธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็ให้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในปริยัติ
ปฏิบัติ และก็ปฏิเวธ จะเทศนาสั่งสอนอบรมญาติโยมใดก็ตาม หรือเพื่อนสหธรรมิก ก็ให้แสดงธรรมไพเราะเบื้องต้น ท่ามกลาง
เบื้องปลาย บริสุทธิ์ บริบูรณ์
ทั้งอรรถและพยัญชนะ
ใครได้ยินได้ฟังก็ขอให้ได้บรรลุธรรม
ได้เข้าถึงพระธรรมกาย ได้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกายนั้นทุก
ๆ คน จงทุกประการเทอญ
คุณครูไม่ใหญ่
๒๕
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
โอวาทวันเข้าพรรษา
ณ อุโบสถ วัดพระธรรมกาย
วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563