บุญ แปลว่า
เครื่องชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลสอาสวะ มีวิธีทำได้หลายวิธี
แต่โดยย่อมี ๓ วิธี คือ ทำทาน
รักษาศีล เจริญภาวนา
ทาน
ขจัดความโลภ
ศีล ขจัดความโกรธ
ภาวนา ขจัดความหลง หลงทิศ
หลงทาง หลงผิด หลงลืม หลงใหล
การทำทาน เมื่อเราบริจาคทาน
พอเราให้ ความโลภที่หุ้มใจเราก็จางหายไปเรื่อย ๆ จิตที่ปราศจากความโลภ
มันก็จะใสขึ้น ความหิว ความอยากต่าง ๆ มันก็หมดไป จิตก็บริสุทธิ์ขึ้น ความบริสุทธิ์ของจิตนี่แหละ เขาเรียกว่า บุญ แต่ว่ามันสะอาดไปได้ระดับหนึ่ง ๆ เท่านั้น
การรักษาศีล จิตที่ถูกความโกรธเข้าไปหุ้ม ทำให้จิตเร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา พอเราเริ่มรักษาศีล ความร้อนของจิตที่เกิดจากความโกรธก็ค่อย ๆ
คลายลง จิตก็ผ่องใสยิ่งขึ้น มีคุณภาพขึ้น
บุญเกิดขึ้นจากการรักษาศีลก็บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นกว่าการให้ทาน
การเจริญภาวนา จิตที่ถูกหุ้มด้วยโมหะ อันนี้อยู่ลึก ๆ เลย โมหะทำให้จิตมืด มันทำให้มองไม่ออกว่า
ชีวิตที่เกิดมาเพื่ออะไร อะไรคือเป้าหมายชีวิต เหมือนคนเดินอยู่ในที่มืด
มันว้าเหว่ สะดุ้ง หวาดเสียว หาทางออกไม่เจอ
มันหลงทางทรมานอยู่ตลอดเวลาเลย
จิตตัวนี้จะต้องแก้ด้วยการทำภาวนา
เมื่อเราทำภาวนามากเข้า
ๆ โมหะหลุดไป จิตก็สว่างขึ้น
เป็นจิตที่สว่างที่สุดกว่าจิตที่กล่าวมาแล้ว
บุญที่เกิดจากการทำภาวนาจะได้มากกว่า จิตนี้จะสว่าง
จะทำให้เห็นหนทางของชีวิต เป้าหมายชีวิตเป็นอย่างไร เราจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร ไปสู่เป้าหมายนั้นจะมีผลอย่างไร เห็นได้ตลอด
จิตจะมีอานุภาพ มีความรู้พิเศษเกิดขึ้น
เช่น สามารถระลึกในสิ่งที่เราลืมไปแล้ว เมื่อวานนี้
เมื่อวานซืน
เรื่อยไปจนกระทั่งอยู่ในครรภ์มารดา
ก่อนอยู่ในครรภ์มารดา
หรือถอยหลังไปหลาย ๆ ภพ หลาย ๆ
ชาติได้
พอถึงขั้นนี้ก็สามารถมองเห็นถึงการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกทั้งหลายได้ และก็สามารถมองเห็นกิเลสว่าเป็นอย่างไร วิธีขจัดเป็นอย่างไร ขจัดไปแล้วเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น
การเจริญภาวนาจะมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทาน การรักษาศีลอย่างนี้ เพราะทำให้จิตมีคุณภาพ สว่าง บริสุทธิ์ จิตที่สว่าง บริสุทธิ์
จะทำให้จิตนั้นมีความสุขมาก ๆ ไม่มีทุกข์เจือปนเลย มีสุข
มีสติ มีปัญญา มีพลัง กล้าที่จะคิดพูดทำแต่เรื่องดี ๆ
เวลาจิตบริสุทธิ์จะเป็นอย่างนี้
คุณครูไม่ใหญ่