ตอนสุดท้ายของชีวิต ทรัพย์ก็ดี ลาภ ยศ สรรเสริญก็ดี
อะไรก็ตามช่วยเราไม่ได้ มีแต่บุญบารมีกับพระรัตนตรัยในตัวนี่แหละ
ถึงจะช่วยตัวของเราได้ นอกนั้นก็เป็นเครื่องอาศัยชั่วคราว ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
ตอนสุดท้าย เราต้องเดินทางไปตามลำพัง
ไม่มีใครติดสอยห้อยตามเราไปด้วย แม้ว่าตอนที่เรายังแข็งแรง
มีชีวิตอยู่ จะมีพวกพ้องแวดล้อมเต็มไปหมด แต่พอถึงตอนนั้นต้องไปตามลำพัง จะเหลียวซ้ายแลขวาไม่มีใครเลยที่จะตามเราไปด้วย
ถ้าไปยมโลก จะอกสั่นขวัญแขวนทีเดียว จะถูกริบหมดทุกอย่าง
เหลือแต่ตัวล่อนจ้อน เสียงที่ถามแม้จะเปี่ยมไปด้วยเมตตา แต่ก็ดุดัน น่ากลัว
แล้วภาพต่าง ๆ ที่ฉายปรากฏให้เราเห็นบุญและบาป
จะแจ่มแจ้งตรงนั้น
บรรยากาศก็น่าพรั่นพรึง ทั้งร้อน ทั้งทึม
แต่ถ้าตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราได้สั่งสมบุญเอาไว้ บุญกับพระรัตนตรัยก็จะเป็นที่พึ่งของเรา
บางคนเมื่อละจากโลกนี้ไปก็ไปตื่นกลางวิมานบ้าง หรือเห็นแสงสว่างปรากฏ ให้เราเดินตามแสงนั้นไปถึงวิมานบ้าง
บ้างก็มีบริวารและราชรถมารับบ้าง แต่มีส่วนน้อยที่วิมานพร้อมบริวารมารับ
นี่ถ้าได้สั่งสมบุญเอาไว้ เวลาจะละโลกก็จะไปด้วยอาการต่าง ๆ ด้วยความชื่นบานอย่างนี้ เป็นต้น
ทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้ เขามีเอาไว้สำหรับสร้างบารมี ถ้าใช้เป็น เข้าใจใช้ก็เป็นประโยชน์ต่อเรา ถ้าไม่เข้าใจใช้ มันก็เป็นทุกข์โทษต่อเราก็มี นี่สำคัญนะ
เพราะฉะนั้น หมั่นปฏิบัติธรรมให้ได้ทุกวัน อย่าเอาเวลาไปใช้ในทางอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์ เดี๋ยววัน
เดี๋ยวคืน เดี๋ยวก็หมดเวลาแล้ว
เราเห็นตัวอย่างผู้ที่เป็นญาติสนิทมิตรสหายของเรา เห็นกันอยู่หลัด ๆ
ก็มาพลัดพรากกันไป
นี่ก็จะเป็น “เทวทูต” ที่คอยเตือนเราเสมอว่า
เราต้องไม่ประมาทในชีวิตนะ
๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
คุณครูไม่ใหญ่
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2562