“เรามาบวช เรามีความปรารถนาอะไร”
ลูกทุกรูป ต้องย้อนกลับไปทบทวนในวันแรกที่เราได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา วันนั้นเรามีความตั้งใจอะไร ถึงได้สละทิ้งทุกอย่าง เครื่องกังวลทั้งปวง ตั้งแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินทางโลก การทำมาหากิน ครอบครัว และหมู่ญาติของเรา
เราสละทุกสิ่งทุกอย่างมาบวช โดยมองเห็นว่า
สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกของเรา
ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเราสมบูรณ์ พ้นจากความทุกข์ทรมาน
ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เรารู้แจ้งเห็นแจ้งในชีวิต
เพราะฉะนั้นเราจึงได้ตัดสินใจบวช
วันนั้นในท่ามกลางผู้มีบุญทั้งหลาย ท่ามกลางคณะสงฆ์ในพระอุโบสถ เฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราตั้งใจว่า
“บวชคราวนี้ เราต้องการแสวงหาหนทางพระนิพพาน หรือทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน”
นั่นคือสิ่งที่เราได้ตั้งใจในวันนั้น เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะทำความปรารถนาของเราให้สมหวัง
ในที่นี้หลาย ๆ รูปบวชมาหลายพรรษาแล้ว ก็จะต้องมาทบทวนว่า ความปรารถนาของเราสมหวังแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็จะต้องตั้งใจทำความเพียรของเราต่อไปตามพุทธวิธี เดินตามศีล สมาธิ ปัญญากันเรื่อยไป
สำหรับผู้บวชใหม่ ยังไม่มีภารกิจเครื่องกังวลในการคณะสงฆ์ ไม่มีเครื่องกังวลเรื่องการบริหารหมู่คณะ หรือภารกิจที่หมู่คณะมอบหมายให้ เป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการแสวงหาหนทางพระนิพพาน
สำหรับผู้ที่มีภารกิจมาก ก็ต้องบริหารเวลาให้เป็น จัดสรรเวลาให้ลงตัว ให้มีเวลาว่างสำหรับแสวงหาหนทางพระนิพพานของตนเองให้ได้ อย่างน้อยวันละชั่วโมง หรือสองชั่วโมงก็ยังดี
ส่วนเวลาอื่นที่เรามีภารกิจประจำวัน ก็พยายามฝึกฝนทำควบคู่กับภารกิจนั้นไป เพราะภารกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน ใครทำสองอย่างนี้ไปพร้อม ๆ กันได้ ถึงจะเรียกว่า บริหารเวลาเป็น มีความรักพระนิพพาน รักเพศนักบวชอย่างแท้จริง มีความตั้งใจที่จะทำความปรารถนาของเราให้สมหวัง ได้ชื่อว่า เป็นผู้สืบอายุพระพุทธศาสนา อีกทั้งจะเป็นเนื้อนาบุญแก่มนุษย์และเทวาด้วย
เพราะฉะนั้น ภารกิจกับจิตใจควรไปด้วยกัน ไม่ควรเป็นสิ่งที่แย้งกัน
หรือเป็นข้ออ้างว่า เราติดภารกิจจะต้องบริหารกิจการงานสงฆ์ จะต้องเรียนหนังสือ หรือจะต้องทำภารกิจที่หมู่คณะมอบหมายให้จึงทำให้ไม่มีเวลา
บางคนก็อ้างว่า
สุขภาพไม่แข็งแรง
ยังป่วยไข้อยู่ คอยให้หายป่วยก่อนแล้วค่อยแสวงหาหนทางพระนิพพาน คิดอย่างนี้ไม่ถูกนะลูกนะ เพราะเรามีเวลาของชีวิตที่จำกัด
ถ้าคิดให้ละเอียด เวลาเรามีแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น เวลาในชีวิตเรามีแค่นี้ หายใจเข้าแล้วไม่ออก เราก็ตาย หายใจออกแล้วไม่เข้าก็ตายอีก หรือหายใจทั้งไม่ออกไม่เข้าก็ตาย ความตายรอคอยเราอยู่ทุกอนุวินาที
เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่จำกัดจริง ๆ เป็นสิ่งที่ลูกทุกรูปควรจะนึกคิดอย่างนี้บ่อย
ๆ
๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.
๒๕๔๓
คุณครูไม่ใหญ่
วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2562