นักบวชที่สมบูรณ์
หนังสือพ่อสอนลูก
เตรียมตัวเป็นพระ
ลูกเณรซ้อมท่องคำขานนาคไว้ให้คล่องเลยนะจ๊ะ ท่องไปอย่างเพลินๆ ให้มีความสุขใจเหมือนเราได้เริ่มบวชตั้งแต่ตอนท่องเลยนะ เพราะว่าทุกตัวอักษร ทุกถ้อยคำ ได้ถอดออกมาจากพระโอษฐ์ของพระบรมศาสดาทีเดียว ถอดออกมาจากคำสอนของพระองค์ แล้วสืบทอดกันต่อๆ มา แม้พระองค์จะดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม การที่ถ้อยคำนี้ที่ทำให้เราเป็นพระยังคงอยู่ ก็เหมือนกับพระพุทธองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ฉะนั้นต้องมีความเคารพในทุกตัวอักษรเหมือนอักษรหนึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งทีเดียว ท่องไปเรื่อยๆ ให้เพลิน เบิกบาน มีความสุข
แล้วก็ควรจะหาสมุดบันทึกไว้สักเล่มหนึ่ง บันทึกตั้งแต่ลูกเณรเริ่มเตรียมตัวบวช เขียนบันทึกเอาไว้เรื่อยๆ ให้เป็นสมุดบันทึกธรรมส่วนตัวของเราในขณะที่เรามีชีวิตเป็นนักบวช เหมือนอย่างที่หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ท่านบันทึกเอาไว้ ซึ่งหลวงพ่อจำได้ไม่มีลืม ท่านบันทึกว่า “ผู้เทศน์บวชแล้ววันหนึ่ง รุ่งขึ้นอีกหนึ่งวันนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียวจนกระทั่งบัดนี้ ถวายชีวิต ไม่ได้ตายเถอะ ถึง ๒ ครั้ง บัดนี้ทั้งเรียนทั้งสอน”
เมื่อเราละจากโลกนี้ไป สมุดเล่มนี้และตัวอย่างดีๆ ที่เราทิ้งไว้ให้กับโลก จะกลายเป็นมรดกโลกที่ใครก็ตามที่มาเปิดดูในภายหลังจะเดินตามเส้นทางนี้ ให้บันทึกสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารของชีวิต อย่าไปบันทึกสนุกสนานเฮฮานะจ๊ะ เพราะสมุดนี้ไม่ใช่บันทึกสนุกแต่บันทึกด้วยความบันเทิงธรรม บันเทิงใจ สิ่งที่เป็นจริงที่จะทำให้ใจเราบริสุทธิ์ขึ้น สูงขึ้น เมื่อใครได้มาอ่าน มาเปิดดูแล้วก็อยากทำตาม อ่านแล้วให้เขาชื่นใจทุกตัวอักษร เหมือนเราได้อยู่เป็นตัวแทนทุกตัวอักษรเลยนะ
(๒๐ มีนาคม ๒๕๓๖)
บวช ๒ ชั้น
หลวงพ่ออยากให้การบวชของลูกเณรในคราวนี้เป็นการบวชที่เป็นมหากุศลอย่างยิ่งแก่ตัวเอง แก่โยมพ่อโยมโยมแม่และหมู่ญาติให้มากที่สุดเลย เพราะว่าเป็นการบวชครั้งเดียว
การบวชที่จะมีอานิสงส์มากนั้น ในสมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ท่านพูดถึง การบวช ๒ ชั้น คือบวชทั้งข้างนอกและข้างใน ข้างนอกบวชแบบญัตติจตุตถกรรม ข้างในบวชแบบ ติสรณคมนูปสัมปทา
บวชแบบญัตติจตุตถกรรมนี้ จะต้องมีพระอุปัชฌาย์ มีพระคู่สวด บวชอย่างนี้ก็มีอานิสงส์มาก ซึ่งลูกเณรคงทราบดีแล้วว่า มีอานิสงส์ทั้งหมด ๖๔ กัป ซึ่งใครๆ ก็บวชกันได้ ถ้ามีจิตศรัทธาและคุณสมบัติพร้อมทุกอย่าง
แต่บวชแบบติสรณคมนูปสัมปทา คือเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก จะต้องเข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะทั้ง ๓ อย่างนี้ เป็นที่พึ่ง การบวชอย่างนี้ทำได้ยาก อานิสงส์เรียกว่าไม่ต้องนับ ไม่ต้องคำนวณกันแล้ว เพราะว่าเป็นอายุของพระพุทธศาสนา เพราะธรรมกายเป็นเนื้อหนังของพระพุทธศาสนา เป็นพุทธะล้วนๆ เมื่อเราเข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท่าน เท่ากับเราสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไป
ในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องธรรมกายล้วนๆ เพราะท่านเข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมกาย ถ้าหากลูกเณรได้เข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ อย่างนี้ การสืบทอดธรรมกายหรือการสืบทอดพระพุทธศาสนาก็จะมีอยู่คู่กับโลกนี้ต่อไป การบวชอย่างนี้จึงมีอานิสงส์มากๆ หลวงพ่ออยากให้ลูกเณรที่จะบวชในคราวนี้ทำให้ได้อย่างนี้ทุกองค์เลย แล้วการบวชครั้งนี้ นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ตัวของเราแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้แก่ โยมพ่อโยมแม่ หมู่ญาติ มนุษย์ทั้งหลาย ไปจนถึงเทวดาและสรรพสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งจะเป็นประวัติอันดีงามของชีวิตเราเองและของพระพุทธศาสนาอีกด้วย
(๒๐ มีนาคม ๒๕๓๖)
ช่วงชีวิตที่ดีที่สุด
ช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของลูกทุกองค์ คือช่วงจังหวะชีวิตที่มีโอกาสมาตักตวงเติมความบริสุทธิ์ให้แก่ตนเอง ซึ่งก็คือช่วงที่เป็นนักบวชนี่แหละ เราจะได้เติมความบริสุทธิ์ทุกวันทุกคืน ทุกเวลา ซึ่งคนในโลกนี้หกพันกว่าล้านคนก็อยากได้โอกาสนี้เช่นกัน
ร่างกายของลูกทุกองค์ยังแข็งแรง มีอาพาธน้อยเครื่องกังวลที่เป็นพันธนาการของชีวิตแบบชาวโลกก็ไม่มีญาติโยมก็สนับสนุน ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุดที่ลูกควรจะใช้เวลามาศึกษา ฝึกฝนอบรมตัวของเราให้เข้าถึงธรรมกายให้ได้
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าลูกทุกองค์ได้เข้าถึงธรรมกาย มีชีวิตอยู่กับธรรมกายตลอดเวลา หากลูกทุกองค์เข้าถึงธรรมกายแล้ว ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน หรือทำอะไรก็ตามความผาสุกจะเกิดขึ้น จะเรียนปริยัติก็เรียนด้วยความสุขเพราะเรามีธรรมกายซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุข จะปฏิบัติภารกิจที่หมู่คณะมอบหมายให้ก็ปฏิบัติด้วยความสุขจะทำอะไรก็แล้วแต่ จะมีความผาสุกทั้งนั้น เพราะรากฐานจิตใจของเราเป็นธรรมกาย เราจะมีความยิ้มแย้มแจ่มใสให้ซึ่งกันและกัน ให้ความรัก ความปรารถนาดีแก่กันและกัน นี่คือสิ่งที่หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกองค์ได้ตระหนักเอาไว้
ไม่มีภาพใดในโลกจะงดงามเท่ากับภาพคนเข้าถึงพระธรรมกายแล้วรวมกันเป็นหนึ่ง มีความผาสุก มีแต่รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า ยิ่งเป็นนักบวชด้วยแล้ว ยิ่งเป็นภาพที่งดงามที่สุด งามกว่าภาพของเพชรนิลจินดาและธรรมชาติทั้งปวง ถ้าลูกทุกองค์ได้เข้าถึงพระธรรมกายกันทั้งหมด สิ่งนี้ก็จะปรากฏเกิดขึ้นในโลก ลูกทุกองค์ยังอยู่ในวัยที่สดชื่นเพราะฉะนั้นอย่าเกียจคร้านในการทำความเพียรนะจ๊ะ
(๗ พฤษภาคม ๒๕๔๑)
พุทธศาสตร์ เครื่องเดินทางสู่สุคติภพ
ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราไม่ควรนับถือพุทธเพียงแค่เป็นอาภรณ์ประดับกายเหมือนแว่นกันแดด หรือเหมือนเสื้อเหมือนผ้า เพราะแท้จริงแล้ว พุทธศาสตร์เป็นศาสตร์ที่สำคัญยิ่งสำหรับชีวิตของเราทีเดียว เวลาเราใกล้จะละโลก นอนอยู่บนเตียงของคนป่วยนั้น ศาสตร์ทุกศาสตร์นำมาใช้ไม่ได้เลย ทุกศาสตร์ที่เรียนมาจากในมหาวิทยาลัย จะเป็นเศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รัฐศาสตร์ หรือศาสตร์ชนิดไหนก็ตาม จะนำมาใช้บนเตียงคนป่วยไม่ได้เลย
ในเวลานั้น เราจะมีความเจ็บป่วยและความตายเป็นยานพาหนะไปสู่ชีวิตใหม่แต่มีอยู่ศาสตร์หนึ่งที่จะช่วยเราในเวลานั้นได้ คือ พุทธศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวพันกับชีวิตของเราตลอดมา จะโยงมาให้เราเห็นเลยว่า ในวาระสุดท้ายนั้น เราจะเอาอะไรเป็นเครื่องเดินทางไปสู่ปรโลก สู่สุคติภพ ก็มีอยู่เพียงอย่างเดียวคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถ้าเกิดมาชาติหนึ่งเราไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ ผู้ไม่รู้ก็ย่อมไปสู่เส้นทางของความไม่รู้ มักจะพลัดไปสู่อบาย เพราะไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร จะดำเนินจิตอย่างไรให้ถูกต้อง ดังนั้นในการมาบวชนี้ เราต้องขวนขวายศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เต็มที่ เพื่อจะได้รู้ว่า ต่อไปเราควรดำเนินชีวิตอย่างไรในเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ไม่ให้ผิดพลาด อย่างน้อยเมื่อตายก็ไปดี มีภพอันวิเศษ ไปสู่สุคติภพได้อย่างสบายๆ
(๒๖ ตุลาคม ๒๕๓๙)
เมื่อแสงสูรย์เคลื่อนคล้อย ลาไกล
ดาวเดือนระยิบไหว ส่องหล้า
ทุกอย่างเปลี่ยนแปรไป ปกติ
กายเสื่อมทุกวันจ้า อย่าได้มัวเพลิน
พระราชภาวนาวิสุทธิ์
(๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๐)
ธงชัยของชาวโลก
ศูนย์กลางกาย เป็นแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ เป็นแหล่งที่มีอานุภาพ ที่จะกลั่นกายวาจาใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ จนกระทั่งความบริสุทธิ์ปรากฏเกิดขึ้นมาในกลางกายให้เราเห็นเป็นดวงสว่างซึ่งเป็นต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน ถ้าหากว่า ลูกทุกองค์ฝึกฝนอบรมใจของเราไว้ในกลางให้สม่ำเสมอในอิริยาบถทั้ง ๔ ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน กระแสธารแห่งบุญจะไหลผ่านตัวเราตลอดเวลา เราจะใช้เวลาแห่งชีวิตอย่างมีประโยชน์อย่างยิ่ง
บางทีลูกอาจไม่ได้เฉลียวใจว่า เราเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย เป็นหัวใจของชาวโลก ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีความซาบซึ้งในพระรัตนตรัยนั้น พอเห็นหน้าเราคราใดเขาก็ยกมือไหว้ทุกครั้ง แล้วก็มีความปีติใจ มีกำลังใจที่จะสร้างความดีต่อๆ ไป เมื่อเขาคิดอย่างนั้น เราก็ต้องทำให้เป็นอย่างนั้นให้ได้
แม้ว่าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์ก็ตาม แต่หากเรามีความตั้งใจจริงในการฝึกฝนอบรมตนให้เป็นนักบวชที่สมบูรณ์ความบริสุทธิ์ก็จะไหลพรั่งพรูออกมาจากตรงกลาง แล้วกลั่นกาย วาจา ใจ ของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว จนกระทั่งเรามีความรู้สึกว่าเคารพตัวของเราเองได้ มีความชื่นชมในตัวเอง มีความปีติและภาคภูมิใจในตัวเองว่า เรามีความบริสุทธิ์ในระดับหนึ่งที่เป็นหนึ่งในรัตนะทั้งสาม และความปีติความภาคภูมิใจ ความเคารพตัวเองที่เกิดขึ้นจากภายใน ก็จะขยายไปสู่ภายนอก ไปยังระบบประสาท กล้ามเนื้อผิวพรรณวรรณะเราก็ผ่องใส บริสุทธิ์ เหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ญาติโยมเห็นก็มีความปีติยินดี
เพราะฉะนั้นต้องรู้ตัวเสมอว่า เราเป็นธงชัยของชาวโลก ถ้าเรามีจิตสำนึกอย่างนี้ ความคิด คำพูด การกระทำของเราก็จะบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วจะมีผลต่อการปฏิบัติธรรม ทำให้เราเข้าไปถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวได้อย่างง่ายดาย เข้าถึงแสงสว่าง เข้าถึงดวงธรรม เข้าถึงกายภายใน เข้าถึงพระธรรมกาย ให้หมั่นนึกคิดอย่างนี้นะจ๊ะ
(๘ พฤษภาคม ๒๕๔๑)
เนื้อนาบุญอายุของพระศาสนา
อายุของพระพุทธศาสนาก็เหมือนอายุของมนุษย์นั่นแหละ คือถ้ายังมีการสืบทอดต่อเนื่องไป ก็เรียกว่ายังคงอยู่ อายุของพระพุทธศาสนานั้น เขาดูกันตรงที่พระรัตนตรัยยังคงอยู่หรือไม่ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ยังมีคนรู้จัก ยังมีคนเข้าถึงหรือไม่ และยังมีคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัตนะทั้งสามหรือไม่ ถ้ายังมีอยู่อย่างนี้จึงจะเรียกว่าพระพุทธศาสนายังคงอยู่ แล้วถ้าลูกเณรเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้ ลูกเณรจะเป็นเนื้อนาบุญ เป็นแหล่งกำเนิดแห่งบุญที่ผู้แสวงบุญปรารถนา
ทุกคนในโลกที่เข้าใจเรื่องบุญกุศล เรื่องภพนี้ ภพหน้าและเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมนั้น เขาอยากจะได้บุญ อยากทำบุญกับเนื้อนาบุญ เพราะทำน้อยได้ผลมาก ทำมากก็ได้มากยิ่งขึ้นไปอย่างไม่มีประมาณ เขาอยากได้อย่างนี้ แม้แต่ตัวของเราเอง เวลาจะทำบุญเราก็อยากทำกับผู้บริสุทธิ์ ที่เป็นเนื้อนาบุญ เป็นแหล่งแห่งบุญ ทำแล้วเราก็ปลื้มใจ ชื่นใจ นึกทีไรก็มีแต่ความปีติเบิกบาน
เพราะฉะนั้นถ้าลูกเณรทำตัวของเราให้บริสุทธิ์โดยการเข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้บริสุทธิ์ คือพระธรรมกาย ลูกเณรจะเป็นเนื้อนาบุญ เป็นบุคคลที่โลกต้องการจะเป็นผู้ที่เทวดาลงหล่อเลี้ยงรักษาตลอดเวลาเลย เพราะแม้แต่เทวดาที่เสวยสุขอยู่บนสวรรค์ยังอยากอยู่ใกล้ผู้มีบุญ
(๒๑ เมษายน ๒๕๓๙)
นักบวชที่สมบูรณ์
ทำใจให้หยุดให้นิ่ง ปล่อยใจของเราเข้าไปสู่ภายในให้ติดเป็นนิสัย นี่คือชีวิตของนักบวช จะเป็นพระหรือเป็นเณรก็ตาม ต้องเติมความบริสุทธิ์เอาไว้ อย่าให้สิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความบริสุทธิ์บังเกิดขึ้น หรือก่อตัวขึ้นมาในใจเราให้มีแต่ความบริสุทธิ์ผุดผ่องเกิดขึ้น ก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อยไปเรื่อยๆ
หากเราไม่ได้ทำภาวนา ชีวิตนักบวชของเราก็ไร้ค่า แม้เป็นพระเป็นเณรก็เหมือนกับไม่ได้เป็น การภาวนานี้เป็นจุดรวมความบริสุทธิ์อย่างสำคัญทีเดียว เพราะจะทำให้ใจเราผ่องแผ้ว เข้าไปถึงพระรัตนตรัยภายในตัว ไปสู่เส้นทางสายกลางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสด็จไปสู่อายตนนิพพาน
หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกองค์มีใจเป็นนักบวชที่สมบูรณ์ มีเป้าหมาย มีปณิธาน มีอุดมการณ์ อยู่ในใจของเราอย่าสักแต่ว่าบวชไปอย่างนั้น บวชแล้วต้องมีเป้าหมายโดยเฉพาะในใจลึกๆ จะต้องตั้งใจที่จะเข้าให้ถึงพระธรรมกายให้ได้ คิดอย่างนี้ให้ได้ทุกวัน แล้วก็หมั่นฝึกฝนอบรมใจของเราไป ให้มันหยุด ให้มันนิ่ง ฝึกทุกวัน อย่าได้เว้นเลยแม้แต่วันเดียว
เมื่อใจของเรามีดวงเดียว สิ่งที่จะเข้ามาในใจของเราก็เข้ามาได้ทีละอย่าง เราก็ต้องนึกดูว่าจะนำอะไรที่คุณค่ามากที่สุดมาไว้ในใจเรา สิ่งที่เหมาะที่สุดก็คือพระรัตนตรัยให้มีอยู่ในใจเราตลอดเวลา แล้วก็ตั้งใจให้มั่นว่า เราจะบวชอุทิศชีวิต ทิ้งชีวิตไปเลย เป็นนักบวช ตายในผ้าเหลืองอย่างนี้แหละ ไม่สึกหาลาเพศ ตั้งใจอย่างนี้ให้ได้ตลอด บุญกุศลจะได้เกิดทุกวันทุกคืน ทั้งแก่ตัวเรา แก่โยมพ่อ โยมแม่ หมู่ญาติ และสาธุชนทั้งหลายที่เขาสนับสนุนเรามา
(๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๑)
ความสุข
ความสุขจะรู้จักได้ ใจต้องหยุดนิ่ง ถ้าใจไม่หยุดนิ่งแล้วจะไม่รู้จักคำว่าความสุขอย่างเด็ดขาด ต้องหยุดอย่างเดียว ใจที่แวบไปแวบมา ก็มาอยู่ ก็มานิ่งอยู่ภายใน จนกระทั่งเข้าไปถึงแหล่งกำเนิด แหล่งซึ่งเป็นที่ตั้งของความสุขที่แท้จริงที่เรายอมรับว่า นี่คือความสุขหรือความหมายของคำว่าความสุข อย่างนั้นแหละ เราจึงจะได้รู้ว่าความสุขเป็นอย่างไร
(๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๐)
คิด พูด ทำ อย่างนักบวช
เมื่อลูกทุกองค์ได้สละทิ้งทุกสิ่งมาเป็นนักบวชแล้ว ก็จะต้องตั้งใจทำชีวิตนักบวชของเราให้สมบูรณ์ ไม่ว่าจะคิด พูด หรือทำอะไรก็ตาม ต้องทำแบบนักบวช ต้องเข้าถึงที่พึ่งภายในให้ได้ เมื่อเข้าถึงที่พึ่งภายในได้แล้ว เราจะนั่ง นอน ยืน เดิน ก็เป็นสุขตลอดเวลา แล้วเราจะเป็นที่พึ่งของชาวโลกได้ จะเป็นที่พึ่งของโยมพ่อ โยมแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติสนิทมิตรสหาย และสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ จะเป็นที่พึ่งของเขาได้หมดเลย เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้ทิ้งทุกสิ่งมาแล้วก็ต้องตั้งใจปฏิบัติให้จริง ของจริงนั้นมีจริง แต่คนจริงเท่านั้นจึงจะเข้าถึงของจริง
(๗ พฤษภาคม ๒๕๔๑)
อารมณ์ดี
อารมณ์ดีและอารมณ์สบายจะเป็นอุปกรณ์อย่างสำคัญ ที่จะทำให้สติกับความสบายของเราเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง จงตั้งพรหมวิหารธรรมขึ้นมาในใจ มีความรู้สึกเป็นมิตรและปรารถนาดีต่อทุกๆ คน ต่อเพื่อนสหธรรมิกไม่ว่าเพื่อนสหธรรมิกนั้นจะพลาดพลั้งหรือจะล่วงเกินเราโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ก็ให้อภัย ไม่ถือสา ไม่สนใจในการล่วงเกินหรือข้อบกพร่องพลาดพลั้งของเพื่อนสหธรรมิก
ให้รักษาอารมณ์ดีอารมณ์สบายของเราให้ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งนั่งนอนยืนเดิน มีความรู้สึกเป็นมิตรต่อทุกๆ คน มีความปรารถนาดีต่อทุกๆ คน แล้วอารมณ์ดีอารมณ์สบายที่เรารดน้ำ พรวนดินอย่างสม่ำเสมอในจิตในใจของเราทุกๆ วัน ก็จะช่วยเกื้อหนุนในการประพฤติปฏิบัติธรรม ให้เราเข้าถึงธรรมได้ง่าย เพราะฉะนั้นให้รักษาอารมณ์ดี และอารมณ์สบายเอาไว้
(๓๐ กรกฎาคม ๒๕๓๙)
อารมณ์ลูกอย่าร้อน จงเย็น
อาวาสสะอาดเช่น ทิพย์เหย้า
อาภรณ์พิสุทธิ์เป็น ดั่งธง พระพุทธนา
อาสนะแก้วนั่งเข้า สู่เป้าสุดธรรม
พระราชภาวนาวิสุทธิ์
(มิถุนายน ๒๕๔๐)
หน้าสุดท้าย
ทำเรื่องอัศจรรย์ให้เป็นเรื่องปกติ
การสอบยกชั้น
ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับนักศึกษา
ลูกเณรยังอยู่ในวัยขนาดนี้ ถ้าอยู่ทางโลก
ก็ยังต้องเป็นนักเรียน นักศึกษา
นักศึกษาทางโลก เวลาเรียนหนังสือ
ก็มีวัตถุประสงค์จะสอบให้ได้ด้วยกันทั้งนั้น
ความคิดว่า “เราจะตั้งใจเรียนให้ดีเพื่อสอบให้ได้”
จึงเป็นเรื่องปกติของทุกคน
ไม่มีนักศึกษาคนใดนิยมเรียนซ้ำชั้น
เขาจึงสอบได้กันทุกปีเป็นปกติ
คำว่า “ยกชั้น” จึงไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์
สำหรับนักศึกษาทางโลก
ทั้งๆ ที่ วิชาที่ต้องเรียนในแต่ละปี
มีมากกว่า ๑๐ วิชา และไม่ซ้ำกันเลย
การสอบพระบาลีของเรา
สอบเพียงปีละครั้ง
เรียนปีละ ๒ วิชา ๓ วิชา
หรืออย่างมากก็ไม่เกิน ๔ วิชา
เรียนแต่พระบาลีอย่างเดียว
ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอารมณ์อย่างเขา
เราจึงอยู่ในวิสัยที่จะสอบยกชั้นได้โดยไม่ยากอะไรยิ่งกว่านั้น
พระบาลีเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นเรื่องราวที่พระองค์ประสงค์จะให้เราเรียนรู้และนำไปปฏิบัติ
สิ่งที่จะเป็นเครื่องวัดว่าเราเรียนรู้และทรงจำคำสอนได้คือ การสอบ
ถ้าลูกอยากรู้ และอยากทรงจำเพื่อนำไปปฏิบัติให้ได้
ลูกทุกองค์ก็จะสอบได้คำว่า “ยกชั้น” ก็จะบังเกิดขึ้น
ในทางโลก การสอบได้ถือเป็นเรื่องปกติ
ในทางธรรม การสอบได้ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์
เราต้องทำเรื่องที่คนอื่นทำไม่ได้ให้ได้เป็นอัศจรรย์
และทำเรื่องที่อัศจรรย์ให้เป็นเรื่องปกติ
พระราชภาวนาวิสุทธิ์
(๘ มิถุนายน ๒๕๔๑)
วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560