บุญบูชาข้าวพระ สิ่งนี้บังเกิดขึ้นได้ยาก และเป็นบุญใหญ่ที่จะติดตามตัวเราไปในภพเบื้องหน้า
ที่ว่าเป็นบุญใหญ่ เพราะว่าไปถูกตัวจริงของความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอรหันต์ในอายตนนิพพาน
ด้วยอานุภาพของวิชชาธรรมกายที่มหาปูชนียาจารย์ท่านเชี่ยวชาญ
การทำบุญทั่วไป ว่าได้บุญเยอะแล้ว เช่น เรานำปัจจัยไทยธรรมถวายภิกษุสามเณรผู้ประพฤติธรรมอย่างนี้ได้อานิสงส์มากนะจ้ะ
ถ้าเทียบกับการบูชาข้าวพระแบบทั่วไป ได้บุญอุปมาเหมือนน้ำ ๑ ตุ่ม แต่บุญบูชาข้าวพระแบบเข้าถึงตัวจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน
อุปมาผลบุญที่ได้ เหมือนฝนตกลงมาในห้วงจักรวาลที่โล่ง ๆ ว่าง ๆ ไม่มีลมพายุ อย่างนั้นหลาย ๆ
ฟ้าครอบ คือ เป็นอสงไขยอัปปมาณังหลาย ๆ ครั้ง นี่อุปมาให้ฟัง
กำลังบุญอย่างนี้จึงจะพอที่จะแก้ไขวิบากกรรมวิบากมารที่เราทำข้ามชาติมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
ให้หลาย ๆ วิบากกรรมหนักเป็นเบา เบาเป็นหาย
แล้วก็ตั้งผังใหม่ที่เหมาะสมต่อการสร้างบารมีของเราต่อไปในอนาคต
เมื่อเราลงมาเกิดสร้างบารมีในทุก ๆ ครั้งนั่นแหละ ที่จะทำให้เราได้มนุษย์สมบัติ
ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ ปิดอบาย ไปสวรรค์ มีสุขในปัจจุบัน เป็นต้น
หลวงพ่ออยากให้ลูก ๆ ทุกคนได้บุญเยอะ ไม่อยากให้ขาดในวันอาทิตย์ต้นเดือน
ส่วนวันอาทิตย์ธรรมดา ถ้าเราติดภารกิจที่จำเป็นจริง ๆ หรืออยู่ห่างไกล
เราก็ไม่มาบ้างก็ไม่เป็นไร แต่อาทิตย์ต้นเดือนนี้ต้องมากันนะ ไม่อยากให้ตกบุญ
ปีหนึ่งก็มีเพียง ๑๒ ครั้ง เท่านั้น ไม่ควรขาดกันนะ
บุญทุกบุญที่เราทำมีความสำคัญมาก ๆ ทำครั้งหนึ่งใช้ได้หลายครั้งนะ
เหมือนรถเก๋ง รถยนต์ เขาใช้เวลาผลิตให้สำเร็จรูปเป็นรถเก๋งขึ้นมาใช้เวลานาทีเดียวนะ
แต่เราสามารถใช้รถคันนั้นได้หลาย ๆ นาที
หลาย ๆ ปี บุญก็เช่นเดียวกัน เราทำครั้งหนึ่งใช้ได้อีกหลายครั้ง
หลายภพหลายชาติเลย
ถ้าเราได้ศึกษาพระไตรปิฎก จะเห็นว่า เวลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ผู้ที่ทำบุญแล้ว
ท่านบอกอานิสงส์นะ จะได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิเท่านั้นชาติ ต่อมาจะได้เป็นพระราชาผู้มีอานุภาพอีกเท่านั้นชาติ
เป็นพระราชาธรรมดาอีกเท่านั้นชาติ บางทีเราฟัง เรานึกไม่ออกนะ เอ๊ะ ทำทีเดียว แต่ทำไมค้ากำไรเกินควรนะ
มันไม่ใช่เรื่องค้ากำไรนะ แต่ว่ามันเป็นเรื่องผลแห่งบุญ มันจะส่งต่อ ๆ
กันไปอย่างนั้น เหมือนรถนั่นแหละ ที่หลวงพ่ออุปมาให้ฟัง
เวลาบุญส่งผลก็จะมีต้นบุญ กลางบุญ ปลายบุญ ถ้าต้นบุญ ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ กลางบุญก็พระราชาที่มีอานุภาพ ถ้าปลายบุญก็พระราชาประเทศราชอย่างนี้ นึกออกไหม
เวลาละโลกไปอยู่ในเทวโลกใหม่ ๆ บุญส่งผล มีทิพย์สมบัติเยอะแยะ
พอกลางบุญก็เริ่มหย่อนลงมา พอปลายบุญก็หย่อนที่สุด พอหมดบุญก็ตุ้บลงมา ที่เราได้ยินว่า เทวดาตกสวรรค์
ตามทันไหม
ทีนี้ถ้าเราทำบุญทีเดียว แล้วเราไม่ทำอีก มันก็หมดไป นอกจากหมดแล้ว ยังไม่พอนะ บาปมันจะได้ช่อง เพราะถ้าไม่ทำบุญก็ต้องทำบาป มันจะอยู่ว่าง ๆ
เฉย ๆ ไม่มี
ในใจเราจะมี ๓ สิ่งเข้ามาอยู่ในใจนะ
ถ้าบุญเข้ามายึดครองใจ จะทำให้เราคิดดี พูดดี ทำดี
ถ้าบาปเข้ายึดครอง ก็ทำให้คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว และยังมีอีกประเภทหนึ่ง
ไม่บุญ ไม่บาป คือเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ ก็คิดว่าแค่นี้ก็ทำความดีเพียงพอแล้ว
เพราะเราไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร แต่ลืมไปว่า กำลังเบียดเบียนตัวเองที่ไม่ได้สั่งสมบุญ
ก็จะมี ๓ ประเภท ที่จะเข้ามาอยู่ในใจของเรา
ถ้าเราไม่ได้สั่งสมบุญ คู่ปรับกัน คือ บาปอกุศล ไม่บุญไม่บาปเข้ามา ก็ไม่มีผลอะไรเท่าไร
อย่างมากก็ถอยหลังนิดหน่อย แต่ถ้าบาปเข้ามา มันถอยยาวเหยียด ถอยจากมนุษย์ ไปอยู่ในมหานรกก็มี
เพราะฉะนั้น ถ้าหากเราใช้บุญเก่าไป ไม่ทำบุญใหม่ บุญเก่าช่วงส่งผลก็ไม่มีปัญหา
แต่ระหว่างนั้นไปสร้างบาปด้วย บาปก็เป็นผังสำเร็จติดไปแล้ว หาช่องเสียบ
พอหมดกำลังบุญที่จะต้านทานได้ แม้มีบุญอยู่ เช่น ระดับกลางบุญ และปลายบุญ
แต่บาปอยู่ในระดับต้นบุญ หรือหัวบุญ บาปส่งผลก่อนอีก
จึงต้องทำบุญบ่อย ๆ ให้มันหนาแน่น เราจึงต้องทำบุญซ้ำ ๆ ๆ ให้หนาแน่นเลย
จนกระทั่งบาปไม่ได้ช่องเสียบ เพราะบาปมันคอยหาช่องเสียบอยู่ตลอดทุกอนุวินาที เราจึงจำเป็นต้องสั่งสมบุญให้ต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้น มาเอาบุญบูชาข้าวพระกันนะ แม้อยู่ต่างประเทศก็ต้องไปเอาบุญนี้ เนื่องจากมันเกี่ยวกับตัวของเรา
ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว แต่เกี่ยวกับตัวของเรานะ
แข่งกันต้องแข่งด้วยบุญด้วยบารมีนะ เขาบอกว่า บุญบารมีแข่งกันไม่ได้ ได้จ้า
แต่ไม่ได้แข่งแย่งชิงดีกันนะ แข่งด้วยการสั่งสมบุญให้สม่ำเสมอ
ทำความดีไปพร้อม ๆ กัน แต่ของเราควรจะทำไปเป็นทีมนะ เพราะทำกันมาอย่างต่อเนื่องแล้ว
ลูกทุกคนมีบุญมาก ถ้ามีน้อยมานั่งตรงนี้ไม่ได้หรอก
เราถูกคัดเลือกมาจาก ๖-๗ พันล้านคน ถ้าในเมืองไทยก็ ๖๐ กว่าล้านคนนะ ชาวพุทธก็เยอะ
ที่จะมารู้เรื่องอาทิตย์ต้นเดือนนี่ นิดเดียวนะ รู้เรื่องแล้วมาก็อีกนิดหนึ่ง มาแล้วมาอย่างสม่ำเสมออีกนิดหนึ่ง
เพราะฉะนั้นมานั่งอยู่ตรงนี้ไม่ธรรมดาจ้ะ มีบุญมีบารมีมาก
เพราะว่าเราได้สร้างบารมีในฝ่ายของพระผู้ปราบมาร ติดตามตามติดท่านมานะยาวนาน
๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒
คุณครูไม่ใหญ่
วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2564