วันนี้เป็นวันสมาธิโลก คือ ทั่วทั้งโลกกำหนดว่าวันนี้เป็นวันสมาธิโลก
เนื่องจากว่าผู้มีบุญมีปัญญาทั้งหลายเขามาชุมนุมกันคิดค้นหาวิธีสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลก
และในที่สุดก็ค้นพบมีความเห็นพ้องต้องกันว่า
“สันติภาพที่แท้จริงในโลกจะเกิดขึ้นได้
มนุษย์ทุกคนต้องเข้าถึงสันติสุขภายใน”
เมื่อเข้าถึงสันติสุขภายในได้ สันติภาพที่แท้จริงของโลกก็จะบังเกิดขึ้น
เพราะปมปัญหาที่ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายทุกข์ทรมานทั้งหลาย เกิดมาจากมนุษย์ทั้งสิ้น
ไม่ได้เกิดมาจากสิ่งอื่นเลย
ในตัวมนุษย์มีกาย มีวาจา มีใจ มี ๓ อย่างนี้เป็นหลัก คำพูดจะออกมาก็ดี
การกระทำจะบังเกิดขึ้นให้สับสนวุ่นวายก็ดี มันก็มาจากความคิด
ถ้าคิดดี ก็พูดดี พูดดี ก็ทำดี สิ่งที่ดีๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่โลก
ถ้าคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี ความสับสนวุ่นวาย ความทุกข์ทรมานก็จะบังเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้น ตอนนี้ผู้มีบุญมีปัญญา มีความเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า
ความคิดนี่แหละเป็นหลักที่สำคัญ เพราะถ้าหากว่า ตัวเราก็ดี มวลมนุษยชาติก็ดี มีความคิดที่ดี
ที่เป็นบุญเป็นกุศล มีความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ซึ่งกันและกันแล้วล่ะก็สันติภาพที่ปรารถนากันนั้นจะบังเกิดขึ้น
และความคิดที่ดีๆ จะบังเกิดขึ้นได้ มันก็มาได้อยู่หลายวิธีทีเดียว
จากการอ่าน จากการฟังก็ดี ก็ทำให้ใจเกิดความคิดที่ดีได้ จากการนึกคิดพิจารณาด้วยสติ
ด้วยปัญญา ก็จะทำให้เกิดความคิดที่ดีๆ ได้ แต่ที่ดีที่สุด ลัดที่สุด ลงทุนน้อยที่สุด
แล้วได้ผลมากที่สุด ก็คือ การทำสมาธิ
การทำสมาธิ คือ ให้ใจที่ซัดส่าย ฟุ้งซ่าน วุ่นวาย กลับมารวมหยุดเป็นจุดเดียวกันในแหล่งของสติ
แหล่งของปัญญา แหล่งของความบริสุทธิ์ภายใน แหล่งแห่งความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ แหล่งต่างๆ
เหล่านี้แหละ ที่อยู่ในตัว
ถ้านำมนุษย์ทุกคนเข้ามาสู่จุดตรงนี้ได้ เหมือนเปิดทีวีช่องเดียวกัน
ก็จะเห็นเหมือนกัน คิดเหมือนกัน พูดเหมือนกัน เมื่อมนุษย์มีความคิดเหมือนกัน พูดเหมือนกัน
ทำเหมือนกันในสิ่งที่ดีๆ แล้ว สันติภาพที่แท้จริงที่บรรพบุรุษมีความปรารถนาอยากให้บังเกิดขึ้นกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบันนี้
ก็จะบังเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้วันสมาธิโลกจึงเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำทำสมาธิ ทำจิตให้สะอาด
บริสุทธิ์ เพื่อสร้างสันติสุขภายในให้ขยายไปเป็นสันติภาพภายนอก เพื่อโลกนี้จะได้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
เพื่อเราจะได้มีส่วนในการสร้างสันติสุขให้บังเกิดขึ้น
และยิ่งถ้าใจเข้าไปถึงรัตนะทั้งสามภายใน เข้าไปถึงพุทธรัตนะ
ถึงธรรมรัตนะ ถึงสังฆรัตนะ
ถึงพระธรรมกายภายใน ที่กายท่านใสเป็นแก้วที่เรียกว่า พุทธรัตนะ
ถึงดวงธรรมภายในที่ใสเป็นแก้วที่เรียกว่า ธรรมรัตนะ เป็นที่รวมประชุมของพระธรรม
๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์อยู่ในนั้น
ถึง สังฆรัตนะ
พระสงฆ์แก้วผู้ทรงจำผู้รักษาพระไตรปิฎก ความรู้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เอาไว้ อยู่ในกลางกายของเราอย่างนี้ได้ล่ะก็
จะยิ่งมีอานุภาพ จะเกิดธรรมกายเอฟเฟกต์ (effect) เกิดขึ้น
ธรรมกายเอฟเฟกต์ (effect) คือ อานุภาพแห่งพระธรรมกายที่พวกเราได้เข้าถึง
มันก็จะแผ่ขยายออกไป เป็นสิ่งที่แม้เรามองไม่เห็นด้วยตา จับต้องไม่ได้ด้วยมือ แต่ก็มีอานุภาพขจัดสิ่งที่เป็นมลทินที่ไม่บริสุทธิ์
ที่เกิดจากกระแสความนึกคิด คำพูด และการกระทำของชาวโลกทั้งหลาย ให้เจือจางลงไป กระทั่งหมดไปในที่สุด
ในไม่ช้ามนุษย์คิดดี พูดดี ทำดี สิ่งแวดล้อมก็จะพลอยดีตามไปด้วย ตั้งแต่ดิน อากาศ ฟ้า
ต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น ก็จะพลอยดีงามไปด้วย
การเข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ จะทำให้เราเข้าถึงแหล่งแห่งสติปัญญา
แหล่งแห่งความรู้ ความเบิกบาน แหล่งมหากรุณา ความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะว่า
พุทธรัตนะ หรือ พระธรรมกายนั้น เป็นผู้รู้
เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบานแล้ว ท่านจะรู้เห็นด้วยญาณทัสสนะ ด้วยธรรมจักษุของท่าน ไปตามความเป็นจริงของสิ่งที่เป็นจริง
สิ่งอะไรที่เป็นที่พึ่ง ที่เที่ยงท่านก็เห็นว่าเที่ยง อะไรไม่เที่ยงท่านก็เห็นว่าไม่เที่ยง
สิ่งอะไรเป็นสุข ท่านก็เห็นว่าเป็นสุข อะไรไม่เป็นสุข เป็นทุกข์ ท่านก็เห็นว่า มันเป็นทุกข์
สิ่งอะไรที่ไม่ใช่ตัวตนท่านก็เห็นว่ามันไม่ใช่ตัวตน สิ่งอะไรที่เป็นตัวตนเป็นสาระเป็นแก่นสาร
ท่านก็เห็นอย่างนั้น เห็นไปตามความเป็นจริง แทงตลอดในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย
ใจของท่านเหมือนตื่นจากหลับ ไม่งัวเงียเหมือนมนุษย์ที่อยู่ในโลกแห่งความฝัน
ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย ท่านตื่นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพราะฉะนั้นจิตใจท่านจะขยายกว้างออกไป
มีความเบิกบาน มีสุขอยู่เป็นนิจ ในใจท่านมีแต่ความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างเดียวเท่านั้น
อยากให้ทุกคนได้เข้าถึงรัตนะทั้งสามอย่างนี้บ้าง เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราได้เข้าถึงรัตนะทั้งสามอย่างนี้แล้ว
ธรรมกายเอฟเฟกต์ (effect) ก็จะบังเกิดขึ้น
สันติสุขภายในและสันติภาพภายนอกก็จะมาพร้อมๆ กัน
คุณครูไม่ใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๙
(วันสมาธิโลก วันที่ ๖ สิงหาคม)
วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2565