เมื่อเราให้...ใจก็หลุดพ้นจากความตระหนี่ที่ครอบงำ
ความตระหนี่ครอบงำเมื่อไร... ความรู้สึกที่อยากจะให้ จะไม่เกิดขึ้น
เมื่อไม่ให้...ก็ไม่ได้บุญ
เพราะว่ากระแสแห่งความตระหนี่ดำมืดสนิททีเดียว หุ้ม เคลือบ เอิบอาบ ซึมซาบ ปนเป็น
บังคับธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ให้เกิดความตระหนี่ ให้หวงแหน ให้เสียดายทรัพย์ ให้ให้ไม่เป็นทีเดียว
ให้มีความคิดผิดๆ จะเก็บเอาไว้ กลัวหมดบ้าง กลัวมีน้อยกว่าคนอื่นบ้าง
หรือไม่อยากจะให้เพราะเสียดายบ้าง อยากจะเอาไปใช้ในทางอื่น อยากจะเอาไปกิน อยากจะเอาไปใช้
ใช้เพลิดเพลินบ้าง ใช้ทำธุรกิจการงานเพลินไปเรื่อย กระทั่งหมดเวลา เอาไว้ให้ลูกให้หลานเอาไปสนุกเพลิดเพลินกันต่อไป ก็คิดกันได้อยู่แค่นั้น เพราะความตระหนี่มาครอบงำ
ความตระหนี่ เป็นธาตุธรรมชนิดหนึ่ง เวลาที่เขาสอดละเอียดเข้ามาบังคับ
ให้ไม่เป็นทีเดียว อึดอัดทีเดียว พอคิดว่าจะให้ ทุกข์ใจ พอจะให้ก็ทุกข์ใจเลย
ทรมานใจ ให้ไม่ได้ ร้อนรุ่มกลุ้มใจ หงุดหงิดกับคนที่มาขอ หรือมาทำชวนทำดี ทำบุญ
หงุดหงิดทีเดียว พอหงุดหงิดก็พูดออกมาในทางที่ไม่ดี นี่แหละกระแสแห่งความตระหนี่บังคับเอาไว้
ไม่ให้กระแสบุญเข้าไปอยู่ในใจ
เมื่อกระแสบุญไม่เข้าไปอยู่ในใจ กระแสบุญที่มาพร้อมกับความสุข
ความสำเร็จ สมบัติต่างๆ ก็ไหลเข้าไปไม่ได้ เมื่อไหลเข้าไปไม่ได้ กระแสบาปคือความตระหนี่นั้นเข้าบังคับ
บังคับเข้าก็ยังส่งบาปอกุศลใส่ลงไปในนั้นอีก ให้อดอยากยากจน ให้ทุกข์ทรมาน เวลามาเกิด
ก็มาเกิดอยู่ในชีวิตที่ลำบาก พออดอยากยากจนเข้าโอกาสที่จะศึกษาความรู้ก็น้อย ต้องหาเช้ากินค่ำกันไปอย่างนั้น
เมื่อมีความรู้น้อย รายได้ก็น้อย ก็ไม่พอกินพอใช้
เมื่อไม่พอกินพอใช้ก็ทุกข์ทรมาน เมื่อทุกข์ทรมานก็แสวงหาว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ทรัพย์มา
การแสวงหาก็มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือ หาทางลัด จี้เขาบ้าง ปล้นเขาบ้าง ขโมยเขาบ้าง
ผลก็เป็นทุกข์สืบเนื่องต่อกันไปอีกยาวนาน ติดคุก ติดตะราง ตกนรก เวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ในภพทั้งสาม
เป็นเปรต เป็นอสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก ก็วนเวียนกันอยู่อย่างนี้
เพราะความตระหนี่ที่เข้าไปบังคับบัญชา
แต่ถ้าให้ ใจที่คิดจะให้ แสดงว่ากระแสบุญเข้ามาจรดที่ในกลางกายนั้นแล้ว
พอถูกส่วนเข้า เหมือนกดสวิตช์ไฟ พอกดความสว่างเกิดขึ้น ความมืดก็หมดไป เมื่อกระแสแห่งการให้มาจรดที่กลางกาย
ความรู้สึกที่ว่าจะไม่ให้ก็ดับไป พอดับไปกระแสบุญก็ได้ที่ลงมาซ้อนแน่น
บุญมาพร้อมความสุข ความสำเร็จ สมบัติต่างๆ นานา หลั่งไหลเข้ามาแทนที่
เพราะฉะนั้น ผู้ให้จึงได้รับ ให้น้อยก็ได้รับน้อย ให้มากก็ได้รับมาก
ให้เป็นพิเศษก็ได้รับเป็นพิเศษ ให้อย่างที่ไม่มีใครให้เต็มที่ทีเดียว
เมื่อเราจะได้ ก็ได้มากกว่าที่ใครๆ เขาเคยได้ ได้อย่างอัศจรรย์ อย่างน่าทึ่ง
อย่างนึกไม่ถึง อย่างที่ใครเห็นแล้วก็ไม่เชื่อว่าได้มาได้อย่างไร เช่น ชฎิลเศรษฐี
โชติกเศรษฐี หรือท่านเมณฑกเศรษฐี เวลาสมบัติบังเกิดขึ้นมานั้น บังเกิดอย่างที่ใครก็ไม่เชื่อ
ใครก็อัศจรรย์ ใครก็ทึ่ง มองดูแล้วทำไมถึงง่ายอย่างนั้น
แต่กว่าที่จะง่ายอย่างนี้ได้ ท่านก็ทำบุญมาให้ง่ายๆ มาก่อน ที่ใครๆ รู้สึกว่ายาก
แต่ท่านเปลี่ยนจากความยาก ให้มาเป็นความง่าย ท่านทำได้อย่างนั้น
คุณครูไม่ใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๗ มกราคม
พ.ศ. ๒๕๓๙
วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2565