• label
  • Home

คำสอนคุณครูไม่ใหญ่

หลวงพ่อธัมมชโย

  • Home
  • Search
  • Title
  • Label
  • List
  • Facebook
  • Twitter
  • Youtube
  • Line
  • Instagram
  • Tiktok
Menu
คำไม่เล็ก1 วรรคธรรม สมาธิ การปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรม
คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่ 1
(ประโยชน์ของสมาธิ)



สิ่งที่เราปรารถนามันอยู่ในตัว
แต่เราเข้าใจผิด
คิดว่าอยู่นอกตัว

๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

------------------------------

ความสุขทางโลกไม่มี
มีแต่ความเพลิน
กับความเพลีย

๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕

------------------------------

สุขที่เกิดจากสมาธิ
เป็นสุขที่ไม่ซ้ำกันเลย
เป็นสุขที่ยิ่งใหญ่ เป็นอิสระ
กว้างขวางใหญ่โตยิ่งๆ ขึ้นไป

๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การทำใจหยุดใจนิ่ง
มีแต่ได้ประโยชน์อย่างเดียว
ทุกข์โทษไม่มีเลย

๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเมื่อไรกายกับใจสามัคคี
รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
สิ่งที่เป็นอจินไตย
ที่ใครๆ คาดไม่ถึงจะเกิดขึ้น

๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ถ้ามนุษย์ทั่วโลกเข้าใจว่า
เกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
หรืออย่างน้อยมาสร้างบารมี
โลกจะหมุนไปในทางบวกเลย
เสียดายว่า…ชาวโลกแสวงหาความรู้ที่
ไม่ค่อยจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงสักเท่าไร
แล้วก็ทุ่มเททรัพยากรไปเพื่อสิ่งที่ไม่ค่อยจะเป็น
ประโยชน์ ถ้าหากเขาทุ่มเททรัพยากรมาเพื่อให้
มวลมนุษยชาติค้นคว้าความรู้ที่แท้จริง เพื่อไป
สู่จุดหมายปลายทางของชีวิตได้ ถ้าคิดอย่างนี้
พร้อมกันเมื่อไร โลกก็เกิดสันติสุขในตอนนั้นเลย

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

มรรคผลนิพพานอยู่ในตัวเรา
เริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่๗
ด้วยวิธีการหยุดนิ่งเฉยที่ศูนย์กลางกาย
ซึ่งเป็นปากทางที่จะเข้าไปถึงพระในตัว
พอถึงพระในตัวแล้ว
จะเปลี่ยนแปลงจากผู้ไม่รู้มาเป็นผู้รู้
คนโง่กลายเป็นคนฉลาด
สิ่งที่ถูกปกปิดก็จะถูกเปิดเผย
เมื่อเข้าถึงพระในตัว

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

พระในตัวนั้นสำคัญมาก
เพราะท่านอยู่กับเนื้อกับตัวของเรา
ถ้าเราเข้าถึงท่านยังไม่ได้
ชีวิตยังไม่อบอุ่น ยังไม่ปลอดภัย
ถึงแม้จะมีพระนอกตัวให้เคารพกราบไหว้บูชา
มันทราบแต่มันยังไม่ซึ้งถึงใจ
แต่จะให้ซาบซึ้งถึงใจ
ก็ต้องเข้าถึงพระภายในให้ได้

๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเราเข้าถึงพระในตัวได้
เราก็จะมีที่พึ่ง
มีความสุขกายสบายใจทันทีที่เข้าถึง
เราจะอบอุ่นใจ จะรู้สึกปลอดภัย
พระในตัวนอกจากจะให้ความสุข
ทันทีที่ได้เข้าถึงแล้ว
ยังเป็นรหัสผ่านไปสู่สุคติโลกสวรรค์
โดยเฉพาะดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ
ที่เราปรารถนาจะไปกัน

๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

คนมีธรรมะไม่มีเหงา
ถ้าตั้งใจปฏิบัติธรรม
บำเพ็ญสมณธรรมให้ดีแล้วจะไม่เหงาเลย
ไม่มีใครคุยด้วย...เราก็นั่งหลับตา
คุยกับพระในตัวก็ได้ ดวงแก้วก็ได้
ถ้ายังไม่เห็น...ก็คุยกับความมืดภายใน
ฟังเสียงในใจเงียบๆ ที่อยู่ในความมืด
หรือมีเสียง “สัมมาอะระหัง” ภายในใจ
แค่นี้ก็ไม่เหงาแล้ว

๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ไม่มีใครคุยด้วย
ก็คุยกับตัวเอง
ด้วยคำว่า
“สัมมา อะระหัง”

------------------------------

รักธรรมะเอาไว้ให้มากๆ
ธรรมะนี่แหละจะช่วยเราได้ทุกสิ่ง
ช่วยได้ทั้งในปัจจุบัน
ช่วยทั้งตอนกำลังจะละโลก
ช่วยทั้งตอนที่มีชีวิตใหม่หลังจากตายแล้ว
รวมไปถึงภพชาติถัดๆ ไป

๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------


การปฏิบัติธรรม
คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่ 1
(วิธีการปฏิบัติธรรม)

นั่งหลับตาทำสมาธิ
อย่าไปตั้งใจมาก
และอย่าไม่ตั้งใจเลย
ตรงนี้สำคัญนะ

๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

เราต้องช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมให้เป็นสัปปายะ
เกื้อกูลต่อการเข้าถึงธรรมยกชั้น
คือ บรรยากาศต้องสบายๆ
ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความรัก ความสามัคคี
เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
อย่างนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงธรรมได้ง่าย
เพราะเวลาเรามานั่งธรรมะ
จะได้ไม่เสียเวลาไปนั่งฟุ้งขุ่นมัวอะไรอยู่ในใจ

๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

ไม่ลุ้น ไม่เร่ง ไม่เพ่ง ไม่จ้อง
ไม่เน้นภาพ ไม่เค้นภาพ เพื่อที่จะให้ชัดดังใจเรา
มีให้ดูแค่ไหนให้พึงพอใจแค่นั้นไปก่อน
ให้ดูอย่างสบายๆ ธรรมดาๆ
เหมือนเราดูต้นหมากรากไม้
ภูเขาเลากา หรือดูทิวทัศน์อย่างนั้น

๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

ดวงแก้ว องค์พระ มีอยู่ในตัวแล้ว
แต่เราไม่เห็น
เพราะใจเราไม่นิ่ง
แต่พอนิ่ง...เป็นเห็น

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

บทเรียนแรก ชะลอใจ
ธรรมดาเราจะไปเบรกรถอย่างกะทันหันคงไม่ได้
ต้องค่อยๆ ชะลอรถ จนกระทั่งรถจอดสนิท
การจะไปบังคับใจให้มันหยุดคิดเลยก็ไม่ได้
ต้องให้ใจสมัครใจที่จะหยุดนิ่ง
ก็คือต้องค่อยๆ ชะลอความคิดนั้น
อย่างนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
ผ่อนคลาย หยุดนิ่ง จนกระทั่งดวงเกิด

๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

บทเรียนที่สอง ดูไปด้วยใจสบาย
มีอะไรให้ดู ก็ดูไป อะไรก็ได้
...whatever
แล้วเมื่อไรจะได้สิ่งที่อยากดู เมื่อไรก็ได้
...whenever
แล้วอย่างไรถึงจะได้สิ่งที่ชอบมาก อย่างไรก็ได้
...however

๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

เวลาล้มตัวลงนอน อย่านอนเฉยๆ
ให้มองดูองค์พระของเราเรื่อยไป
หมั่นหยุดนิ่งอยู่ในกลางท่าน
ท่านจะขยายครอบคลุมตัวเราไปเลย
เราก็จะได้หลับอยู่ในกลางองค์พระ
อย่างมีความสุข

๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

เมื่อตื่นขึ้นมาต้องตื่นอยู่ในกลางองค์พระ
ให้เห็นพระชัดใสแจ่มทีเดียว
พอลุกขึ้น ล้างหน้า แปรงฟัน
ใจก็ยังอยู่ตรงกลางนั้น ฝึกไว้เรื่อยๆ
อาบน้ำอาบท่า ขับถ่าย ก็อยู่ตรงกลางองค์พระ
กระทั่งถึงเวลารับประทานอาหาร
หรือจะเดินทางมาที่ทำงาน
ก็ยังตรึกยังนึกไปเรื่อยๆ จนเป็นอัตโนมัติ

๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

จะนึกคำว่า “พระ” ก็ได้ แม้ไม่เห็นพระ
จะนึกคำว่า “ดวง” ก็ได้ แม้ไม่เห็นดวง
หรือจะนึกคำว่า “บุญ” ก็ได้ แม้ไม่เห็นอะไร

๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ในฐานะเราเป็นมนุษย์
ความมืด ความเมื่อย ความฟุ้ง
ความง่วง ความท้อ เบื่อบ้าง
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มันมีเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่ว่าเบื่อเพียงไรก็ตาม อย่าเลิกนั่ง
ฝึกไปเรื่อยๆ ปรับใจไป หมั่นสังเกตว่า
เราวางใจขนาดไหน มันพอดี
ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป
รู้สึกว่าอยู่อย่างนี้พึงพอใจ นั่นใช้ได้แล้ว
รักษาความพึงพอใจนั้นให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

วันนี้เราพึงพอใจได้ ๕ นาที
วันพรุ่งนี้ฝึกใหม่ ฝึกไปเรื่อยๆ
แม้วันพรุ่งนี้จะดีไม่เท่าวันนี้...ก็ช่าง
หรือดียิ่งกว่าวันนี้...ก็ช่าง
คือเฉยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ
จะล้มลุกคลุกคลานอย่างไร เราก็ฝึกไป
นี่เป็นทางมาแห่งบารมีของเรา

๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ให้พยายามทำความเพียรไปเรื่อยๆ
รักที่จะทำ ทำทุกวัน ทำทั้งวัน ควบคู่กับภารกิจ
และหมั่นสังเกตว่า เราตั้งใจมากเกินไปไหม
หรือทำความเพียรย่อหย่อน
ไม่ปะติดปะต่อ ไม่ต่อเนื่อง ทำๆ หยุดๆ
ทั้งสังเกตดู แล้วก็รีบแก้ไขปรับปรุง
ประเมินผลการปฏิบัติธรรมทุกวัน
อย่างนี้มันก็จะก้าวหน้า

๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ใครยังทำความเพียรไม่สม่ำเสมอ...ฟิต ฝ่อ ฟู
คือ พอเริ่มต้นเข้าพรรษาก็ฟิต
กลางๆ ก็ฝ่อ พอเชียร์หน่อยก็ฟู
พอใจฟูขึ้นมา ก็ลุยกันทีหนึ่ง
มันต้องฟิต ฟิต ฟิต ต้องเอาจริงเอาจัง
แล้วก็มาดูว่า ทำถูกหลักวิชชาไหม
ตรงนี้สำคัญนะ

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หลักวิชชาคือ “หยุดเป็นตัวสำเร็จ”
หมายถึง จะเข้าถึงพระธรรมกายภายในได้นั้น
ใจต้องหยุด ถ้าใจไม่หยุดจะเข้าถึงไม่ได้เลย
ต้องหยุดคิด หยุดพูด หยุดทำอะไรทั้งสิ้นเลย
เหมือนไม่ได้ทำอะไร
แค่นิ่งๆ เฉยๆ สบายๆ เท่านั้น
เดี๋ยวเราก็จะเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวของเรา
ซึ่งเป็นแผนผังของชีวิต

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ต้อง “หยุด” อย่างเดียวเท่านั้น
ไม่หยุดไม่ถึงพระ...หยุดจึงเป็นตัวสำเร็จ
หยุดตรงนั้น หยุดในระดับที่ปลอดความคิด
และมีความโปร่งโล่งเบาสบาย
ณ ตรงนั้นใจจะสบายๆ
ไม่มีความคิด ไม่มีจินตนาการ

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หยุดตอนไหน ถึงตอนนั้น
เป็นอกาลิโก
ไม่กำหนดกาลเวลา

๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าอยากหยุด ต้องหยุดอยาก
ถ้าอยากหยุดใจได้
เราต้องหยุดอยาก
หยุดความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
หยุดอย่างเดียวจึงจะเข้าถึงได้

๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าใจยังไม่เป็นระเบียบ มันหยุดยาก

๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

เราจะทำมาหากินอะไรก็ทำไปเถอะ
มีเวลาสัก ๑ หรือ ๒ นาที
ก็นึกภาพองค์พระกลางดวงแก้ว*
นึกเล่นๆ เพลินๆ ให้ใจมันคุ้นกับการนึก
จะทำให้ใจเราไปเชื่อมโยงกับอานุภาพ
อันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย
ด้วยอานุภาพนี้จะทำให้เรา
สมหวังดังใจในทุกสิ่งที่เป็นกุศลธรรม
ในธุรกิจการงานที่เป็นสัมมาอาชีวะ
ในชีวิตครอบครัว
ในการแสวงหาความสุขที่แท้จริงก็จะสมหวัง

๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

*ฝึกมองแบบ top view คือ มองจากเศียรลงไป เหมือนพระท่านนั่ง
ในกลางท้อง หันหน้าไปทางเดียวกับเราตามภาพ

------------------------------

ภาพองค์พระกลางดวงแก้วเป็นภาพที่สำคัญ
ต้องจำนะ และนำติดตัวไว้ให้ดี
เอาใบเล็กๆ ใส่กระเป๋าไว้
ใบใหญ่ติดไว้ข้างฝาตรงไหนสักแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่รวมประชุมของคนในครอบครัว
จะได้ดูองค์พระ ใจจะได้ใส สะอาด บริสุทธิ์
เป็นทางมาแห่งความสุข
และความสำเร็จในชีวิตของทุกคน

๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง
นิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวก็ได้
ง่ายนิดเดียว

๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒

------------------------------

เราจะนึกภาพองค์พระหรือดวงแก้วก็ได้
แต่ต้องนึกให้เป็น ไม่ใช่ไปเค้นภาพ
หรือไปบีบ ไปเค้น ไปเพ่ง ไปจ้อง
อย่างนั้นปวดหัว ไม่ถูกหลักวิชชา
ให้นึกธรรมดาๆ นึกง่ายๆ
เหมือนเรานึกถึงดอกกุหลาบ ดอกบัว
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว
ถ้าเรานึกเป็นจะไม่ปวดหัวเลย
ให้นึกธรรมดาๆ นึกง่ายๆ อย่างนี้

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

วิธีแสวงหาทรัพย์ทางโลกกับทางธรรม
...กลับตาลปัตรกัน...
วิธีแสวงหาทรัพย์ทางโลกต้องเคลื่อนไหว
แต่วิธีการหาอริยทรัพย์หรือทรัพย์ภายใน
ต้องนิ่ง ต้องไม่เคลื่อนไหว
ไม่คิด ไม่พูด ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น
แค่หยุดนิ่งเฉยๆ จึงจะเข้าถึงอริยทรัพย์ภายใน
ซึ่งเป็นเครื่องปลื้มใจของพระอริยเจ้า

๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หลักวิชชาในการเข้าถึงพระธรรมกายในตัว
ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก
ง่ายกว่าเรียนทางโลกเสียอีก
ไม่ต้องท่อง ไม่ต้องอ่าน
ไม่ต้องนึก ไม่ต้องคิด
ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นเลย
แค่ทำใจหยุดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
อย่างนี้...แค่นี้...เท่านั้น
ไม่ต้องทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
เดี๋ยวก็ถูกส่วนเอง

๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

๔ ส. สติ สบาย สม่ำเสมอ สังเกต
ให้มีสติ คือ เอาใจมาอยู่กับตัวของเรา
มาหยุดมานิ่งภายในอย่างสบายๆ ให้ต่อเนื่อง
ทั้งวันทั้งคืน เหมือนเป็นผู้มีราตรีเดียว ทำอย่าง
สม่ำเสมอทั้งวันทั้งคืนเลย แล้วก็สังเกตว่า
เราทำถูกหลักวิชชาไหม ตั้งใจมากเกินไปไหม
อยากได้มากเกินไปไหม ระวังหรือเกร็งเกินไปไหม
หรือเราไปต่อสู้กับความฟุ้งหรือเปล่า ให้สังเกต
เดี๋ยวเราจะพบเหตุแห่งความบกพร่องและ
ช่องทางแห่งความสำเร็จ

๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าจะนั่งให้ได้ดีและเร็ว
ต้องหมั่นสั่งสมอารมณ์ดี
อารมณ์ที่เป็นกุศลธรรมที่เป็นบุญ เป็น
ความดีเอาไว้เยอะๆ ซึ่งจะมีผลในตอนปฏิบัติ
ธรรม จะได้มีอารมณ์เดียว ที่ไม่หงุดหงิด งุ่นง่าน
ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ ไม่ขัดเคือง ขุ่นมัว คนโน้น
คนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ก็ไม่มี มันขึ้นอยู่กับตรงนี้แหละ
ต้องสั่งสมนะ

๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หมั่นนึกทบทวนถึงบุญเก่าๆ
ที่เราได้กระทำผ่านมา...
นึกแล้วใจจะได้ชุ่มชื่น
อย่าไปนึกถึงสิ่งที่ทำให้ใจเราขุ่นมัวหรือแหนงใจ
ไม่ว่าคน สัตว์ สิ่งของ ที่ทำให้ขุ่นมัว
หรือการกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ที่นึกแล้วมันแหนงใจ นึกแล้วไม่สบาย
...ก็อย่าไปนึก
ให้นึกถึงแต่สิ่งที่ทำให้เราสบายใจ
ใจใส ใจสะอาด ใจดี
อย่างนี้เรียกว่า สั่งสมอารมณ์ดี

๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเราทำเฉยได้
เราจะอารมณ์ดีทั้งวันเลย
ใครด่า ใครว่า ก็เฉย
ใครชม ก็เฉย
อะไรๆ มา ก็เฉย
ถ้าทำอย่างนี้ได้
อารมณ์จะดีทั้งวัน
ไม่เชื่อลองเฉยๆ ดูนะ

๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ต้องมีฉันทะ รักที่จะเข้าถึงธรรม
รักที่จะมีที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงภายใน
รักที่จะมีความสุข ความบริสุทธิ์
รักที่จะศึกษาเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
รักที่จะศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ลุ่มลึกไปตามลำดับ
หากมีใจรัก มีฉันทะ เราจะทำด้วยความสนุก
บุญบันเทิง เบิกบาน ร่าเริงใจ
ไม่ช้าจะทำกันได้ทุกคน

๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

------------------------------

เรามีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงองค์พระ
เห็นองค์พระได้ทุกวัน
วันหนึ่งมีสิทธิ์จะเข้าถึงได้หลายครั้ง
ครั้งไหนที่เรานึกถึงพระ
เรามีสิทธิ์เห็นพระ
เรามีสิทธิ์ทุกครั้ง...ที่เรานึกถึง

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

นั่งไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เห็นเอง
เพราะพระรัตนตรัยมีอยู่แล้วในตัว
หลักวิชชาก็มีอยู่แล้ว
เหลือแต่ว่าเราจะขวนขวายแค่ไหน
ขยันหรือขี้เกียจ ถ้าขยันก็ถึงได้เร็วหน่อย
ถ้าขี้เกียจก็ถึงช้า
บางทีช้าข้ามภพข้ามชาติกันทีเดียว

๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้านึกได้...ก็เห็นได้
เห็นไม่ได้...เพราะเราไม่ได้นึก
ถ้าเราได้กินข้าวก็อิ่มได้
ถ้าเราไม่ได้กินก็ไม่อิ่ม ก็ง่ายๆ แค่นั้น
แต่เราก็นึกกันไม่ค่อยถึง
แต่ชัดหรือไม่ชัดนั่นอีกเรื่องหนึ่ง
ขึ้นอยู่กับว่าใจเราละเอียดแค่ไหน
ถ้าใจเราหยาบภาพก็จะไม่ค่อยชัด
ใจละเอียดมันก็ชัดขึ้น

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

เห็นองค์พระแล้ว
ไม่ว่าจะเห็นแบบไหนก็อย่าทิ้ง
บางคนพอเห็นว่า ไม่ใช่พระธรรมกาย
ไม่ใช่ อย่างนี้ไม่เอา อย่าคิดอย่างนั้นนะ เห็นพระ
ได้ก็บุญเหลือหลายแล้ว แม้ยังเข้าไม่ถึง
พระธรรมกาย เห็นองค์พระอ้วนๆ ท้วมๆ แค่นั้น
ก็ปิดประตูอบายแล้ว เพราะใจผ่องใส แสดง
ว่าจิตต้องเลื่อมใสในพระรัตนตรัยพอสมควร
ภาพอย่างนี้จึงเกิดขึ้นได้

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การที่เห็นองค์พระได้
แสดงว่าใจต้องหยุดในระดับหนึ่งแล้ว
แม้จะยังไม่สมบูรณ์
แต่ว่า ณ จุดตรงนั้น ถ้าทำความเพียรกันต่อไป
ไม่ช้าก็จะเข้าถึง
พระธรรมกายในตัวได้

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หมั่นเช็ดถูพระในตัวบ้าง
เช็ดถูด้วยใจ
หยุดนิ่งๆ ชำเลืองดูเรื่อยๆ
นั่นแหละเนื้อนาบุญ...ที่สำคัญที่สุด

๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

นึกบ่อยๆ...ก็นึกได้
นึกได้บ่อยๆ...ก็เห็นได้
เห็นได้บ่อยๆ...ก็เข้าถึงได้
เข้าถึงได้บ่อยๆ...ก็ศึกษาได้
มันมีขั้นตอนอย่างนี้
เขาทำกันได้เยอะแยะ
เราเป็นคนเช่นเดียวกับเขา
ถ้ามีความเพียรไม่น้อยหน้าเขา
เราก็ต้องทำได้

๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี
ถ้าเราอยากเห็นธรรมะเร็ว
ก็ต้องเอาใจไว้ที่กลางกายเรื่อยๆ บ่อยๆ
ถ้าอยากจะเห็นภายใน ๗ วัน
ก็ต้องว่ากันทั้ง ๗ วัน
อยากเห็นภายใน ๗ เดือน
ก็ค่อยๆ หย่อนลงไปเรื่อยๆ
อยากเห็นภายใน ๗ ปี ก็ยืดไปอีก
อยากเห็นตอนก่อนตาย...นานๆ ก็ทำสักทีหนึ่ง

๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ถ้าเรานึกถึงเรื่องละเอียด
ใจก็จะละเอียดตามไปด้วย
ถ้าเราพูดเรื่องละเอียด
ใจก็จะละเอียดตามไปด้วย

๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

เวลานั่งธรรมะ...อย่าตั้งใจมากจนเกินไป
ไม่ต้องไปเสียดายประสบการณ์ที่เราเคยนั่งแล้วดี
เพราะจะทำให้เราไปเร่งอย่างผิดวิธี
เราต้องฝึกปล่อยวาง เพื่อให้ใจได้รับความสุขบ้าง
ไม่อย่างนั้น...ใจของเราก็จะไม่มีความสุข

๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ถ้าช่วงไหนเรานั่งดี ก็อย่าดีใจจนเกินไป
ให้รักษาใจให้พอดีอย่างถูกหลักวิชชา
แต่ถ้าไม่ได้ดั่งใจเรา
ไม่เห็นประสบการณ์ภายใน ก็อย่าหงุดหงิด
ให้ทำเฉยๆ อย่างสบายๆ
ให้ใช้ ๒ คำคือ “ช่างมัน”
Let it be ปล่อยให้มันเป็นไป

๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

“ทางสายกลาง”
จะต้องไม่โต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง
ไม่ซ้าย ไม่ขวา มันต้องพอดี...พอดี
เราจะเอาชนะมันตรงนี้แหละ
ถ้าไม่โต่ง...เราจะเข้าไปสู่ภายในได้
แต่มันจะคอยดึงใจเราให้โต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง
เราจึงจำเป็นต้องปล่อยวาง
เพื่อเปิดช่องให้ใจได้รับความสุขบ้าง
เราถึงจะเข้ากลางได้

๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ทั้งวันให้ทำความรู้สึกว่า
พระอยู่ในเรา เราอยู่ในพระ
เราเป็นพระ พระเป็นเรา

๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ทุกครั้งที่เรานึกถึงพระ
ใจเราจะสูงขึ้น ประณีตขึ้น
ถูกกลั่นให้บริสุทธิ์เพิ่มขึ้น

๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ทำใจให้เหมือนเด็กๆ
แล้วจะได้ง่ายๆ อย่างเด็กๆ
ทำไมเด็กได้ง่าย
เพราะเด็กใจอยู่กับเนื้อกับตัว
ผู้ใหญ่ทำไมได้ยาก
เพราะผู้ใหญ่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ถ้ารักที่จะเข้าถึงธรรมกันจริงๆ
ใจต้องปล่อยวาง
ถ้าปล่อยวางได้วินาทีนี้
...ก็จะได้วินาทีนี้

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------


การปฏิบัติธรรม
คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่ 1
(ให้กำลังใจ)

พวกเราเป็นผู้มีบุญมาก
บุญเก่าเรามีเพียงพอ
เหลือแต่ปัจจุบันนี้
จะต้องประกอบความเพียรให้เต็มที่เต็มกำลัง
และต้องทำให้ถูกหลักวิชชาด้วย
จึงจะได้ผล ได้เข้าถึงประสบการณ์ภายใน
...จำตรงนี้ให้ดี...

๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

แม้ความรู้สึกของเราว่า
ไม่เห็นจะก้าวหน้าอะไร
ไม่เห็นมีอะไรใหม่
แม้เราจะรู้สึกอย่างนี้ก็ตาม...
แต่ความละเอียดจะถูกสั่งสมเอาไว้ในใจ
บุญเกิดขึ้นทุกครั้งที่เราลงมือปฏิบัติ
โดยที่เราไม่รู้ตัว
กายวาจาใจของเราจะถูกกลั่น
ให้สะอาดแล้วสะอาดเล่า
บริสุทธิ์แล้วบริสุทธิ์เล่าเพิ่มขึ้นทุกวัน

๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

เรามีเวลาไม่มากที่จะอยู่ในโลกนี้
ให้ใช้วันเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี้
สร้างบารมีกันให้เต็มที่
ให้ชีวิตมีคุณค่าด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรม
ฝึกฝนอบรมใจของเราให้หยุดนิ่ง
ให้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวให้ได้กันทุกคน

๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

อย่าท้อถอยนะ
เราได้ลงทุนปฏิบัติธรรมมาในระดับหนึ่งแล้ว
ก็ต้องเดินทางกันต่อไป
อย่าให้ผังแห่งความไม่สำเร็จ
หรือทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ไม่ตลอดรอดฝั่ง
อย่าให้ผังนี้ติดไปข้ามภพข้ามชาติ
ต้องเอาผังที่ว่า…
เราพยายามทำความเพียรอย่างเต็มที่
ถูกหลักวิชชา
ส่วนผลที่ได้มันได้แค่ไหน...ก็แค่นั้น

๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

อะไรจะมาสู้ความเพียร
ขยันทำกันไปเรื่อยๆ
แต่ต้องขยันให้ถูกหลักวิชชา
สิ่งที่ยากก็ง่าย
สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปได้
มืดก็จะสว่าง ทุกข์ก็จะมาเป็นสุข
จากผู้ไม่รู้ก็จะมาเป็นผู้รู้
เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับ
ความเพียรพยายามของเรา

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ* ท่านพูดเสมอว่า
“ของจริงคู่กับคนจริง”
จริงแค่ไหน ก็ต้องแค่ชีวิตซิ
เนื้อเลือดจะแห้งเหือดหายไป
เหลือแต่กระดูกหนังช่างมัน
ไม่ได้ตายเถอะ ต้องจริงนะลูกนะ

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

*พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร

------------------------------

หยุดกับนิ่ง...
ขึ้นอยู่กับความขยันหรือขี้เกียจ
ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเรา
ถ้าเราเต็มใจ สมัครใจอยากจะเข้าถึงก็ถึง
ถ้าไม่สมัครใจที่จะเข้าถึงก็ไม่ถึง
แล้วแต่เราจะปรารถนาอย่างไรก็ไขว่คว้าเอา
ชีวิตเราเราก็ต้องดีไซน์ของเราเอง

๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

มีอิริยาบถหนึ่งที่พญามารกลัวนัก
คือ อิริยาบถนั่งสมาธิ
เพราะกลัวคนใจหยุด
คนใจหยุดนี่พญามารกลัวมากๆ

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

แม้พระธรรมกายจะมีอยู่ในตัวทุกคน
แต่ถ้ายังเข้าไม่ถึงมีก็เหมือนไม่มี
เหมือนน้ำใต้ดิน เรารู้ว่ามีน้ำใต้ดิน แต่ถ้า
ไม่เจาะไม่ขุดไปให้ถึง ก็ไม่ได้น้ำมาดื่มมาใช้
พระธรรมกายในตัวก็เช่นเดียวกัน แม้มีอยู่แต่
ถ้าหากยังเข้าไปไม่ถึงก็เอามาใช้ไม่ได้ ดังนั้นการ
เข้าถึงพระธรรมกาย จึงเรียกว่าเป็นบุคคลพิเศษ
ที่มีรหัสผ่านพิเศษไปสู่วงบุญพิเศษได้ หากตั้ง
ความปรารถนาที่จะไป

๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

วันนี้มืด แต่พรุ่งนี้ไม่แน่
“แม้มืดตื้อมืดมิด ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม”
นี่ไม่ใช่คำขวัญหรูๆ
แต่ว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ถ้าทำกันจริงๆ จังๆ

๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเราลงมือปฏิบัติธรรมกันจริงๆ
ที่จะไม่ได้ผลเลยเป็นไม่มี
มีแต่ดีมาก...ดีน้อย
ซึ่งก็จะค่อยๆ ดีเพิ่มขึ้นทุกวัน
ถ้าดีน้อย...เราก็ทำให้ดีมาก
ถ้าดีมาก...เราก็ให้มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ใจยิ่งใส ใจก็ยิ่งสูง
ใจยิ่งสูงก็ยิ่งใกล้พระนิพพาน
ยิ่งใกล้ที่สุดแห่งธรรมเข้าไปเรื่อยๆ
เราก็จะต้องทำใจให้ใสๆ

๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖

------------------------------

ที่ว่า “นั่งไม่เห็น”
ไม่ใช่เพราะบุญน้อย
แต่จริงๆ คือ “นั่งน้อย”

๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ชาตินี้เราต้องปฏิบัติธรรม
ให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้
ถ้าไม่ถึง...ชีวิตยังไม่ปลอดภัย
แม้นมีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายแล้ว
เพราะไม่ได้พบสิ่งที่ประเสริฐ สิ่งที่เลิศ
สำหรับการเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง
เท่ากับเสียไปชาติหนึ่งเลย
เพราะฉะนั้น...อย่าเพิ่งรีบตาย
ถ้ายังไม่ได้เข้าถึงพระธรรมกาย

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

คำว่า “ไม่ว่าง” “ไม่มีเวลา”
อย่านำมาใช้สำหรับปิดโอกาสตัวเอง
ในการแสวงหาความดี บุญกุศล
หรือพระรัตนตรัยในตัว

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ชีวิต ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์
ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต เขาวัดกัน ๒
ระดับ ระดับแรก คือ มีโลกียทรัพย์หรือทรัพย์
ภายนอก ประสบความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจการ
งาน ถึงพร้อมด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ อย่างนี้
ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตระดับหนึ่ง
แต่ถ้าในระดับของผู้รู้ จะต้องมีอีกชั้น คือ ได้
อริยทรัพย์ภายในด้วย คือมีพระธรรมกายปรากฏ
ที่ศูนย์กลางกาย หรืออย่างน้อยก็ได้ดวงธรรม
ใสๆ ต้องครบ ๒ ชั้น อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ประสบ
ความสำเร็จในชีวิตที่สมบูรณ์ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์

๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

วันที่ดีที่สุดในชีวิต
คือวันที่เราบรรลุพระธรรมกาย
ไม่ใช่วันที่ได้เป็นอธิบดี เป็นรัฐมนตรี เป็น
ประธานาธิบดี หรือเป็นมหาเศรษฐีของโลก
นั่นยังไม่ถือว่าเป็นวันที่ดีที่สุด แค่เป็นวันดีวัน
หนึ่งในชีวิต ซึ่งมันก็ไม่ได้อะไรสักเท่าไร เพราะ
ตำแหน่งมันตัน แต่การบรรลุพระธรรมกาย
ภายในจะทำให้เราได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง
เราจะได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
หรือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีบันทึก
ไว้ในพระไตรปิฎก

๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

“เมื่อเราสว่าง โลกก็สว่างด้วย”
ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาให้หรูๆ ดูดี
แต่ตั้งขึ้นมาเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของเราว่า
มีภารกิจอันยิ่งใหญ่รอคอยเราอยู่
ภารกิจนั้นจะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับเรา
เพราะฉะนั้นเราจะต้อง
เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้

๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ไม่ว่าเราจะไปเกิดในครอบครัว
ที่มีความเชื่อแตกต่างจากชาวพุทธก็ตาม
หรือจะปฏิเสธพระแค่ไหน
เจอพระพุทธรูปก็ทุบบ้าง ทำลายบ้าง
ไม่อยากเห็นบ้าง หรือให้เอาออกจากห้องบ้าง
แม้จะปฏิเสธพระแค่ไหน...
ก็ยังมีพระรัตนตรัยอยู่ในตัว

๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเราจัดสรรเวลา
เราจะพบว่า เรามีเวลาเหลือเฟือ
สำหรับการปฏิบัติธรรม
ตัดการคุยโทรศัพท์ที่ไร้สาระ
เวลาดูหนัง ดูทีวี
เวลาเที่ยวเตร่สนุกสนานเพลิดเพลิน
หรือเวลาที่อ่านหนังสือไร้สาระ อย่างนี้เป็นต้น
แล้วเอาเวลาที่จะสูญเสียไปอย่างนั้น
เอามานั่งธรรมะ กำไรชีวิตจึงจะเกิดขึ้น

๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ให้ใช้เวลาสำหรับการปฏิบัติธรรม
อย่าไปดูทีวี ดูละคร
เราก็ดูกันมาหลายสิบปีแล้ว
ก็มีแค่พระเอก นางเอก ผู้ร้าย
ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ
บางทีก็แฮปปี้เอ็นดิ้งบ้าง
บางทีก็ไม่แฮปปี้ มันก็มีอยู่แค่นี้
ดูละครภายในดีกว่า
จะเป็นละครที่เป็นเรื่องจริงของตัวเรา
ไม่ต้องไปดูใครเลย ดูตัวเราให้ได้
แล้วเดี๋ยวอย่างอื่นก็เรื่องเล็ก

๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ความตายไม่มีนิมิตหมาย
ควรรีบขวนขวาย
ในการปฏิบัติธรรมกันให้เต็มที่

๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หลวงพ่อรู้สึกเสียดาย...
ชีวิตชาวโลกที่เกิดมาแล้วไม่ได้ปฏิบัติธรรม
ไม่ได้เข้าถึงประสบการณ์ภายใน
เพราะฉะนั้น...ชีวิตจึงไม่เคยสมปรารถนาเลย
เกิดมาแล้วก็ตายฟรี

------------------------------

อย่าเพิ่งรีบตาย
ถ้ายังไม่ได้ธรรมกาย

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การบรรลุธรรมช้า หรือบรรลุธรรมเร็ว
บรรลุธรรมยาก หรือบรรลุธรรมง่าย
ก็ขึ้นอยู่กับการสั่งสมบารมีมา
ถ้าสั่งสมบารมีมามาก...ก็ง่าย
ถ้าน้อย...ก็ต้องมีความเพียรหน่อย
เพราะฉะนั้นต้องสั่งสมบารมีกันให้เยอะๆ

๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

พระนิพพานอยู่ในตัว
เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
พระนิพพานจะแจ้งได้ก็ต้องด้วยพระธรรมกาย
จะเอาไฟฉาย เอาสปอร์ตไลท์ ไปส่องแค่ไหน
ก็ไม่แจ้ง เพราะพระนิพพานอยู่ภายในตัว
จะแจ่มแจ้งได้ จะเห็นได้
ด้วยธรรมจักษุของพระธรรมกายเท่านั้น

๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การเข้าถึงพระธรรมกาย
คือการเข้าถึงความพอดี
เราจะรู้จักความพอดี
ต่อเมื่อเข้าถึงพระธรรมกาย
พอไปถึงตรงนั้นแล้ว มันรู้สึกพอ
ไม่ต้องการอะไรที่มากไปกว่านี้
อยากจะศึกษาวิชชาธรรมกาย
ไม่ปรารถนาสิ่งที่มนุษย์เขาปรารถนากัน
คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ ทรัพย์สิน เงินทอง
คล้ายๆ กับมันพ้นระดับนั้นไปแล้ว
มันเลื่อนขั้นของชีวิตไปอีกระดับหนึ่งแล้ว

๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การแสวงหาพระธรรมกายในตัว
คือการแสวงหาความพอดี
บางทีมีคำถามว่าแค่ไหนพอดี?
ตอบยากเหมือนกันนะ แค่ไหนพอดี
เพราะเราไม่รู้จัก “พอดี” มันอยู่ตรงไหน
เมื่อไม่รู้จัก “ดี” มันก็เลยไม่รู้จัก “พอ”
เมื่อมันไม่พอ มันก็พร่องไปเรื่อยๆ
เพราะเจอแต่ที่มันไม่ดี
ถ้าจะให้ดีก็ต้องรู้จักว่า “ดี” อยู่ตรงไหน
แล้วก็ต้องวางใจให้ถูกดี แล้วก็ให้ถึงดี ถึงจะได้ดี
เพราะว่าเข้าไปถึงความพอดี

๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การแสวงหาพระธรรมกาย
คือการแสวงหาจุดแห่งความสมดุลของชีวิต
คือ ความพอดี
เข้าถึงดีแล้วมันพอ รู้จักพอแล้ว
มีความพึงพอใจ ชีวิตเต็มอิ่มเต็มเปี่ยม
ไม่ทะลุเหมือนตุ่มก้นรั่วแล้ว
พระธรรมกายในตัวนี่แหละ...คือความพอดี

๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

อย่าประมาท
ให้ตั้งใจนั่งธรรมะให้ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ
วันเวลามันผ่านไปเร็ว
อะไรที่จะประเสริฐกว่าธรรมะ
ไม่มีอีกแล้ว

๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ธรรมะมีอยู่แล้วในตัว
ในเมื่อคนอื่นเขาเข้าถึงได้
เราก็ต้องทำให้ได้

๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

ถ้ารักตัวเองก็ต้องปฏิบัติธรรม
ให้เข้าถึงพระธรรมกาย

๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ถ้ารักตัวเองก็ต้องขยัน
อย่าเกียจคร้านในการทำใจหยุดใจนิ่ง
ถ้าปฏิบัติให้ถูกหลักวิชชา
และมีความเพียร
ต้องเข้าถึงกันทุกคน
ที่ไม่เข้าถึงเพราะเกียจคร้าน
หรือขยันทำแต่ไม่ถูกวิธี

๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

การเจริญภาวนาเป็นงานทางใจ
ไม่ได้ไปแบกหามอะไร
แค่ใจเราตรึกนึกถึงดวงใส องค์พระใสๆ
ก็ได้ชื่อว่า เราได้ทำภาวนาแล้ว

๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ทุกอิริยาบถ ทุกสถานที่
เราสามารถฝึกใจของเราได้
อย่าให้ความเกียจคร้าน ประมาท ชะล่าใจ
หรือการทำมาหากิน ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความ
เหนื่อย ความเพลีย อย่าเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็น
ข้ออ้างขัดขวางการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึง
พระรัตนตรัยในตัว

๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การรู้จักให้อภัยตนเอง
และให้อภัยผู้อื่น
จะทำให้ใจเป็นสุข
และสมาธิตั้งมั่นได้ง่าย

๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ต้องรู้จักให้อภัยตนเอง และให้อภัยผู้อื่น
ใจจะได้เป็นสุข จิตจะเกิดความเมตตา
และใจเราก็จะบริสุทธิ์
เมื่อใจเราบริสุทธิ์ ใจจะเกลี้ยงๆ
เป็นสมาธิได้อย่างง่ายๆ
แต่ถ้าไม่รู้จักให้อภัย
จิตจะไม่มีความสุขเลย
คิดแต่จะมุ่งร้ายต่อผู้อื่น
อย่างนี้ขาดทุน
เพราะเราเกิดมาสร้างบุญ
ต้องให้ได้บุญกันอย่างเต็มที่

๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

อยากมีชีวิตอยู่ ต้องหายใจเอง
อยากจะเห็น ต้องดูเอง
อยากจะได้ยิน ต้องฟังเอง
อยากจะรู้อะไรอร่อยหรือไม่อร่อย ก็ต้องกินเอง
เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ไม่ต้องทำเองเลย
มันต้องทำเองทั้งนั้น
ทำเองก็คือ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
การปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน
ต้องทำด้วยตัวเอง จึงจะบรรลุได้

๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖

------------------------------

วันเวลามันหมดไปเร็ว
เดี๋ยวก็เที่ยงคืนแล้ว
ลูกต้องขวนขวายตั้งใจนั่งธรรมะกันนะ

๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ชีวิตที่ผิดพลาดมีทางแก้ไข

๑. อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด
๒. บาปทุกชนิดไม่คิดทำเพิ่มขึ้นอีกเด็ดขาด
๓. หมั่นนึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด
๔. บุญทุกบุญทำเพิ่มขึ้นให้เข้มข้นทับทวี
๕. หมั่นปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

๑๒พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ถ้าใจใส ใจสบาย
ทำอะไรก็สำเร็จ
ถ้าใจอยู่ฐานที่๗
ทำอะไรก็สำเร็จอย่างสบาย

๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

------------------------------


การบ้าน ๑๐ ข้อการปฏิบัติธรรม
คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่ 1
(ประโยชน์ของสมาธิ)


สิ่งที่เราปรารถนามันอยู่ในตัว
แต่เราเข้าใจผิด
คิดว่าอยู่นอกตัว

๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

------------------------------

ความสุขทางโลกไม่มี
มีแต่ความเพลิน
กับความเพลีย

๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕

------------------------------

สุขที่เกิดจากสมาธิ
เป็นสุขที่ไม่ซ้ำกันเลย
เป็นสุขที่ยิ่งใหญ่ เป็นอิสระ
กว้างขวางใหญ่โตยิ่งๆ ขึ้นไป
๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การทำใจหยุดใจนิ่ง
มีแต่ได้ประโยชน์อย่างเดียว
ทุกข์โทษไม่มีเลย

๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเมื่อไรกายกับใจสามัคคี
รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
สิ่งที่เป็นอจินไตย
ที่ใครๆ คาดไม่ถึงจะเกิดขึ้น

๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ถ้ามนุษย์ทั่วโลกเข้าใจว่า
เกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
หรืออย่างน้อยมาสร้างบารมี
โลกจะหมุนไปในทางบวกเลย
เสียดายว่า…ชาวโลกแสวงหาความรู้ที่
ไม่ค่อยจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงสักเท่าไร
แล้วก็ทุ่มเททรัพยากรไปเพื่อสิ่งที่ไม่ค่อยจะเป็น
ประโยชน์ ถ้าหากเขาทุ่มเททรัพยากรมาเพื่อให้
มวลมนุษยชาติค้นคว้าความรู้ที่แท้จริง เพื่อไป
สู่จุดหมายปลายทางของชีวิตได้ ถ้าคิดอย่างนี้
พร้อมกันเมื่อไร โลกก็เกิดสันติสุขในตอนนั้นเลย

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

มรรคผลนิพพานอยู่ในตัวเรา
เริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่๗
ด้วยวิธีการหยุดนิ่งเฉยที่ศูนย์กลางกาย
ซึ่งเป็นปากทางที่จะเข้าไปถึงพระในตัว
พอถึงพระในตัวแล้ว
จะเปลี่ยนแปลงจากผู้ไม่รู้มาเป็นผู้รู้
คนโง่กลายเป็นคนฉลาด
สิ่งที่ถูกปกปิดก็จะถูกเปิดเผย
เมื่อเข้าถึงพระในตัว

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

พระในตัวนั้นสำคัญมาก
เพราะท่านอยู่กับเนื้อกับตัวของเรา
ถ้าเราเข้าถึงท่านยังไม่ได้
ชีวิตยังไม่อบอุ่น ยังไม่ปลอดภัย
ถึงแม้จะมีพระนอกตัวให้เคารพกราบไหว้บูชา
มันทราบแต่มันยังไม่ซึ้งถึงใจ
แต่จะให้ซาบซึ้งถึงใจ
ก็ต้องเข้าถึงพระภายในให้ได้

๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเราเข้าถึงพระในตัวได้
เราก็จะมีที่พึ่ง
มีความสุขกายสบายใจทันทีที่เข้าถึง
เราจะอบอุ่นใจ จะรู้สึกปลอดภัย
พระในตัวนอกจากจะให้ความสุข
ทันทีที่ได้เข้าถึงแล้ว
ยังเป็นรหัสผ่านไปสู่สุคติโลกสวรรค์
โดยเฉพาะดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ
ที่เราปรารถนาจะไปกัน

๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

คนมีธรรมะไม่มีเหงา
ถ้าตั้งใจปฏิบัติธรรม
บำเพ็ญสมณธรรมให้ดีแล้วจะไม่เหงาเลย
ไม่มีใครคุยด้วย...เราก็นั่งหลับตา
คุยกับพระในตัวก็ได้ ดวงแก้วก็ได้
ถ้ายังไม่เห็น...ก็คุยกับความมืดภายใน
ฟังเสียงในใจเงียบๆ ที่อยู่ในความมืด
หรือมีเสียง “สัมมาอะระหัง” ภายในใจ
แค่นี้ก็ไม่เหงาแล้ว

๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ไม่มีใครคุยด้วย
ก็คุยกับตัวเอง
ด้วยคำว่า
“สัมมา อะระหัง”

------------------------------

รักธรรมะเอาไว้ให้มากๆ
ธรรมะนี่แหละจะช่วยเราได้ทุกสิ่ง
ช่วยได้ทั้งในปัจจุบัน
ช่วยทั้งตอนกำลังจะละโลก
ช่วยทั้งตอนที่มีชีวิตใหม่หลังจากตายแล้ว
รวมไปถึงภพชาติถัดๆ ไป

๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

การปฏิบัติธรรม
คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่ 1
(วิธีการปฏิบัติธรรม)

นั่งหลับตาทำสมาธิ
อย่าไปตั้งใจมาก
และอย่าไม่ตั้งใจเลย
ตรงนี้สำคัญนะ

๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

เราต้องช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมให้เป็นสัปปายะ
เกื้อกูลต่อการเข้าถึงธรรมยกชั้น
คือ บรรยากาศต้องสบายๆ
ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความรัก ความสามัคคี
เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
อย่างนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงธรรมได้ง่าย
เพราะเวลาเรามานั่งธรรมะ
จะได้ไม่เสียเวลาไปนั่งฟุ้งขุ่นมัวอะไรอยู่ในใจ

๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

ไม่ลุ้น ไม่เร่ง ไม่เพ่ง ไม่จ้อง
ไม่เน้นภาพ ไม่เค้นภาพ เพื่อที่จะให้ชัดดังใจเรา
มีให้ดูแค่ไหนให้พึงพอใจแค่นั้นไปก่อน
ให้ดูอย่างสบายๆ ธรรมดาๆ
เหมือนเราดูต้นหมากรากไม้
ภูเขาเลากา หรือดูทิวทัศน์อย่างนั้น

๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

ดวงแก้ว องค์พระ มีอยู่ในตัวแล้ว
แต่เราไม่เห็น
เพราะใจเราไม่นิ่ง
แต่พอนิ่ง...เป็นเห็น

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

บทเรียนแรก ชะลอใจ
ธรรมดาเราจะไปเบรกรถอย่างกะทันหันคงไม่ได้
ต้องค่อยๆ ชะลอรถ จนกระทั่งรถจอดสนิท
การจะไปบังคับใจให้มันหยุดคิดเลยก็ไม่ได้
ต้องให้ใจสมัครใจที่จะหยุดนิ่ง
ก็คือต้องค่อยๆ ชะลอความคิดนั้น
อย่างนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
ผ่อนคลาย หยุดนิ่ง จนกระทั่งดวงเกิด

๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

บทเรียนที่สอง ดูไปด้วยใจสบาย
มีอะไรให้ดู ก็ดูไป อะไรก็ได้
...whatever
แล้วเมื่อไรจะได้สิ่งที่อยากดู เมื่อไรก็ได้
...whenever
แล้วอย่างไรถึงจะได้สิ่งที่ชอบมาก อย่างไรก็ได้
...however

๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

เวลาล้มตัวลงนอน อย่านอนเฉยๆ
ให้มองดูองค์พระของเราเรื่อยไป
หมั่นหยุดนิ่งอยู่ในกลางท่าน
ท่านจะขยายครอบคลุมตัวเราไปเลย
เราก็จะได้หลับอยู่ในกลางองค์พระ
อย่างมีความสุข

๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

เมื่อตื่นขึ้นมาต้องตื่นอยู่ในกลางองค์พระ
ให้เห็นพระชัดใสแจ่มทีเดียว
พอลุกขึ้น ล้างหน้า แปรงฟัน
ใจก็ยังอยู่ตรงกลางนั้น ฝึกไว้เรื่อยๆ
อาบน้ำอาบท่า ขับถ่าย ก็อยู่ตรงกลางองค์พระ
กระทั่งถึงเวลารับประทานอาหาร
หรือจะเดินทางมาที่ทำงาน
ก็ยังตรึกยังนึกไปเรื่อยๆ จนเป็นอัตโนมัติ

๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

จะนึกคำว่า “พระ” ก็ได้ แม้ไม่เห็นพระ
จะนึกคำว่า “ดวง” ก็ได้ แม้ไม่เห็นดวง
หรือจะนึกคำว่า “บุญ” ก็ได้ แม้ไม่เห็นอะไร

๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ในฐานะเราเป็นมนุษย์
ความมืด ความเมื่อย ความฟุ้ง
ความง่วง ความท้อ เบื่อบ้าง
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มันมีเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่ว่าเบื่อเพียงไรก็ตาม อย่าเลิกนั่ง
ฝึกไปเรื่อยๆ ปรับใจไป หมั่นสังเกตว่า
เราวางใจขนาดไหน มันพอดี
ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป
รู้สึกว่าอยู่อย่างนี้พึงพอใจ นั่นใช้ได้แล้ว
รักษาความพึงพอใจนั้นให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

วันนี้เราพึงพอใจได้ ๕ นาที
วันพรุ่งนี้ฝึกใหม่ ฝึกไปเรื่อยๆ
แม้วันพรุ่งนี้จะดีไม่เท่าวันนี้...ก็ช่าง
หรือดียิ่งกว่าวันนี้...ก็ช่าง
คือเฉยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ
จะล้มลุกคลุกคลานอย่างไร เราก็ฝึกไป
นี่เป็นทางมาแห่งบารมีของเรา

๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ให้พยายามทำความเพียรไปเรื่อยๆ
รักที่จะทำ ทำทุกวัน ทำทั้งวัน ควบคู่กับภารกิจ
และหมั่นสังเกตว่า เราตั้งใจมากเกินไปไหม
หรือทำความเพียรย่อหย่อน
ไม่ปะติดปะต่อ ไม่ต่อเนื่อง ทำๆ หยุดๆ
ทั้งสังเกตดู แล้วก็รีบแก้ไขปรับปรุง
ประเมินผลการปฏิบัติธรรมทุกวัน
อย่างนี้มันก็จะก้าวหน้า

๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ใครยังทำความเพียรไม่สม่ำเสมอ...ฟิต ฝ่อ ฟู
คือ พอเริ่มต้นเข้าพรรษาก็ฟิต
กลางๆ ก็ฝ่อ พอเชียร์หน่อยก็ฟู
พอใจฟูขึ้นมา ก็ลุยกันทีหนึ่ง
มันต้องฟิต ฟิต ฟิต ต้องเอาจริงเอาจัง
แล้วก็มาดูว่า ทำถูกหลักวิชชาไหม
ตรงนี้สำคัญนะ

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หลักวิชชาคือ “หยุดเป็นตัวสำเร็จ”
หมายถึง จะเข้าถึงพระธรรมกายภายในได้นั้น
ใจต้องหยุด ถ้าใจไม่หยุดจะเข้าถึงไม่ได้เลย
ต้องหยุดคิด หยุดพูด หยุดทำอะไรทั้งสิ้นเลย
เหมือนไม่ได้ทำอะไร
แค่นิ่งๆ เฉยๆ สบายๆ เท่านั้น
เดี๋ยวเราก็จะเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวของเรา
ซึ่งเป็นแผนผังของชีวิต

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ต้อง “หยุด” อย่างเดียวเท่านั้น
ไม่หยุดไม่ถึงพระ...หยุดจึงเป็นตัวสำเร็จ
หยุดตรงนั้น หยุดในระดับที่ปลอดความคิด
และมีความโปร่งโล่งเบาสบาย
ณ ตรงนั้นใจจะสบายๆ
ไม่มีความคิด ไม่มีจินตนาการ

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หยุดตอนไหน ถึงตอนนั้น
เป็นอกาลิโก
ไม่กำหนดกาลเวลา

๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าอยากหยุด ต้องหยุดอยาก
ถ้าอยากหยุดใจได้
เราต้องหยุดอยาก
หยุดความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
หยุดอย่างเดียวจึงจะเข้าถึงได้

๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าใจยังไม่เป็นระเบียบ มันหยุดยาก

๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

เราจะทำมาหากินอะไรก็ทำไปเถอะ
มีเวลาสัก ๑ หรือ ๒ นาที
ก็นึกภาพองค์พระกลางดวงแก้ว*
นึกเล่นๆ เพลินๆ ให้ใจมันคุ้นกับการนึก
จะทำให้ใจเราไปเชื่อมโยงกับอานุภาพ
อันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย
ด้วยอานุภาพนี้จะทำให้เรา
สมหวังดังใจในทุกสิ่งที่เป็นกุศลธรรม
ในธุรกิจการงานที่เป็นสัมมาอาชีวะ
ในชีวิตครอบครัว
ในการแสวงหาความสุขที่แท้จริงก็จะสมหวัง

๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

*ฝึกมองแบบ top view คือ มองจากเศียรลงไป เหมือนพระท่านนั่ง
ในกลางท้อง หันหน้าไปทางเดียวกับเราตามภาพ

------------------------------

ภาพองค์พระกลางดวงแก้วเป็นภาพที่สำคัญ
ต้องจำนะ และนำติดตัวไว้ให้ดี
เอาใบเล็กๆ ใส่กระเป๋าไว้
ใบใหญ่ติดไว้ข้างฝาตรงไหนสักแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่รวมประชุมของคนในครอบครัว
จะได้ดูองค์พระ ใจจะได้ใส สะอาด บริสุทธิ์
เป็นทางมาแห่งความสุข
และความสำเร็จในชีวิตของทุกคน

๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง
นิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวก็ได้
ง่ายนิดเดียว

๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒

------------------------------

เราจะนึกภาพองค์พระหรือดวงแก้วก็ได้
แต่ต้องนึกให้เป็น ไม่ใช่ไปเค้นภาพ
หรือไปบีบ ไปเค้น ไปเพ่ง ไปจ้อง
อย่างนั้นปวดหัว ไม่ถูกหลักวิชชา
ให้นึกธรรมดาๆ นึกง่ายๆ
เหมือนเรานึกถึงดอกกุหลาบ ดอกบัว
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว
ถ้าเรานึกเป็นจะไม่ปวดหัวเลย
ให้นึกธรรมดาๆ นึกง่ายๆ อย่างนี้

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

วิธีแสวงหาทรัพย์ทางโลกกับทางธรรม
...กลับตาลปัตรกัน...
วิธีแสวงหาทรัพย์ทางโลกต้องเคลื่อนไหว
แต่วิธีการหาอริยทรัพย์หรือทรัพย์ภายใน
ต้องนิ่ง ต้องไม่เคลื่อนไหว
ไม่คิด ไม่พูด ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น
แค่หยุดนิ่งเฉยๆ จึงจะเข้าถึงอริยทรัพย์ภายใน
ซึ่งเป็นเครื่องปลื้มใจของพระอริยเจ้า

๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หลักวิชชาในการเข้าถึงพระธรรมกายในตัว
ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก
ง่ายกว่าเรียนทางโลกเสียอีก
ไม่ต้องท่อง ไม่ต้องอ่าน
ไม่ต้องนึก ไม่ต้องคิด
ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นเลย
แค่ทำใจหยุดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
อย่างนี้...แค่นี้...เท่านั้น
ไม่ต้องทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
เดี๋ยวก็ถูกส่วนเอง

๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

๔ ส. สติ สบาย สม่ำเสมอ สังเกต
ให้มีสติ คือ เอาใจมาอยู่กับตัวของเรา
มาหยุดมานิ่งภายในอย่างสบายๆ ให้ต่อเนื่อง
ทั้งวันทั้งคืน เหมือนเป็นผู้มีราตรีเดียว ทำอย่าง
สม่ำเสมอทั้งวันทั้งคืนเลย แล้วก็สังเกตว่า
เราทำถูกหลักวิชชาไหม ตั้งใจมากเกินไปไหม
อยากได้มากเกินไปไหม ระวังหรือเกร็งเกินไปไหม
หรือเราไปต่อสู้กับความฟุ้งหรือเปล่า ให้สังเกต
เดี๋ยวเราจะพบเหตุแห่งความบกพร่องและ
ช่องทางแห่งความสำเร็จ

๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าจะนั่งให้ได้ดีและเร็ว
ต้องหมั่นสั่งสมอารมณ์ดี
อารมณ์ที่เป็นกุศลธรรมที่เป็นบุญ เป็น
ความดีเอาไว้เยอะๆ ซึ่งจะมีผลในตอนปฏิบัติ
ธรรม จะได้มีอารมณ์เดียว ที่ไม่หงุดหงิด งุ่นง่าน
ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ ไม่ขัดเคือง ขุ่นมัว คนโน้น
คนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ก็ไม่มี มันขึ้นอยู่กับตรงนี้แหละ
ต้องสั่งสมนะ

๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หมั่นนึกทบทวนถึงบุญเก่าๆ
ที่เราได้กระทำผ่านมา...
นึกแล้วใจจะได้ชุ่มชื่น
อย่าไปนึกถึงสิ่งที่ทำให้ใจเราขุ่นมัวหรือแหนงใจ
ไม่ว่าคน สัตว์ สิ่งของ ที่ทำให้ขุ่นมัว
หรือการกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ที่นึกแล้วมันแหนงใจ นึกแล้วไม่สบาย
...ก็อย่าไปนึก
ให้นึกถึงแต่สิ่งที่ทำให้เราสบายใจ
ใจใส ใจสะอาด ใจดี
อย่างนี้เรียกว่า สั่งสมอารมณ์ดี

๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเราทำเฉยได้
เราจะอารมณ์ดีทั้งวันเลย
ใครด่า ใครว่า ก็เฉย
ใครชม ก็เฉย
อะไรๆ มา ก็เฉย
ถ้าทำอย่างนี้ได้
อารมณ์จะดีทั้งวัน
ไม่เชื่อลองเฉยๆ ดูนะ
๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ต้องมีฉันทะ รักที่จะเข้าถึงธรรม
รักที่จะมีที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงภายใน
รักที่จะมีความสุข ความบริสุทธิ์
รักที่จะศึกษาเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
รักที่จะศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ลุ่มลึกไปตามลำดับ
หากมีใจรัก มีฉันทะ เราจะทำด้วยความสนุก
บุญบันเทิง เบิกบาน ร่าเริงใจ
ไม่ช้าจะทำกันได้ทุกคน

๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

------------------------------

เรามีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงองค์พระ
เห็นองค์พระได้ทุกวัน
วันหนึ่งมีสิทธิ์จะเข้าถึงได้หลายครั้ง
ครั้งไหนที่เรานึกถึงพระ
เรามีสิทธิ์เห็นพระ
เรามีสิทธิ์ทุกครั้ง...ที่เรานึกถึง

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

นั่งไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เห็นเอง
เพราะพระรัตนตรัยมีอยู่แล้วในตัว
หลักวิชชาก็มีอยู่แล้ว
เหลือแต่ว่าเราจะขวนขวายแค่ไหน
ขยันหรือขี้เกียจ ถ้าขยันก็ถึงได้เร็วหน่อย
ถ้าขี้เกียจก็ถึงช้า
บางทีช้าข้ามภพข้ามชาติกันทีเดียว

๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้านึกได้...ก็เห็นได้
เห็นไม่ได้...เพราะเราไม่ได้นึก
ถ้าเราได้กินข้าวก็อิ่มได้
ถ้าเราไม่ได้กินก็ไม่อิ่ม ก็ง่ายๆ แค่นั้น
แต่เราก็นึกกันไม่ค่อยถึง
แต่ชัดหรือไม่ชัดนั่นอีกเรื่องหนึ่ง
ขึ้นอยู่กับว่าใจเราละเอียดแค่ไหน
ถ้าใจเราหยาบภาพก็จะไม่ค่อยชัด
ใจละเอียดมันก็ชัดขึ้น

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

เห็นองค์พระแล้ว
ไม่ว่าจะเห็นแบบไหนก็อย่าทิ้ง
บางคนพอเห็นว่า ไม่ใช่พระธรรมกาย
ไม่ใช่ อย่างนี้ไม่เอา อย่าคิดอย่างนั้นนะ เห็นพระ
ได้ก็บุญเหลือหลายแล้ว แม้ยังเข้าไม่ถึง
พระธรรมกาย เห็นองค์พระอ้วนๆ ท้วมๆ แค่นั้น
ก็ปิดประตูอบายแล้ว เพราะใจผ่องใส แสดง
ว่าจิตต้องเลื่อมใสในพระรัตนตรัยพอสมควร
ภาพอย่างนี้จึงเกิดขึ้นได้

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การที่เห็นองค์พระได้
แสดงว่าใจต้องหยุดในระดับหนึ่งแล้ว
แม้จะยังไม่สมบูรณ์
แต่ว่า ณ จุดตรงนั้น ถ้าทำความเพียรกันต่อไป
ไม่ช้าก็จะเข้าถึง
พระธรรมกายในตัวได้

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หมั่นเช็ดถูพระในตัวบ้าง
เช็ดถูด้วยใจ
หยุดนิ่งๆ ชำเลืองดูเรื่อยๆ
นั่นแหละเนื้อนาบุญ...ที่สำคัญที่สุด

๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

นึกบ่อยๆ...ก็นึกได้
นึกได้บ่อยๆ...ก็เห็นได้
เห็นได้บ่อยๆ...ก็เข้าถึงได้
เข้าถึงได้บ่อยๆ...ก็ศึกษาได้
มันมีขั้นตอนอย่างนี้
เขาทำกันได้เยอะแยะ
เราเป็นคนเช่นเดียวกับเขา
ถ้ามีความเพียรไม่น้อยหน้าเขา
เราก็ต้องทำได้

๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี
ถ้าเราอยากเห็นธรรมะเร็ว
ก็ต้องเอาใจไว้ที่กลางกายเรื่อยๆ บ่อยๆ
ถ้าอยากจะเห็นภายใน ๗ วัน
ก็ต้องว่ากันทั้ง ๗ วัน
อยากเห็นภายใน ๗ เดือน
ก็ค่อยๆ หย่อนลงไปเรื่อยๆ
อยากเห็นภายใน ๗ ปี ก็ยืดไปอีก
อยากเห็นตอนก่อนตาย...นานๆ ก็ทำสักทีหนึ่ง

๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ถ้าเรานึกถึงเรื่องละเอียด
ใจก็จะละเอียดตามไปด้วย
ถ้าเราพูดเรื่องละเอียด
ใจก็จะละเอียดตามไปด้วย

๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

เวลานั่งธรรมะ...อย่าตั้งใจมากจนเกินไป
ไม่ต้องไปเสียดายประสบการณ์ที่เราเคยนั่งแล้วดี
เพราะจะทำให้เราไปเร่งอย่างผิดวิธี
เราต้องฝึกปล่อยวาง เพื่อให้ใจได้รับความสุขบ้าง
ไม่อย่างนั้น...ใจของเราก็จะไม่มีความสุข

๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ถ้าช่วงไหนเรานั่งดี ก็อย่าดีใจจนเกินไป
ให้รักษาใจให้พอดีอย่างถูกหลักวิชชา
แต่ถ้าไม่ได้ดั่งใจเรา
ไม่เห็นประสบการณ์ภายใน ก็อย่าหงุดหงิด
ให้ทำเฉยๆ อย่างสบายๆ
ให้ใช้ ๒ คำคือ “ช่างมัน”
Let it be ปล่อยให้มันเป็นไป

๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

“ทางสายกลาง”
จะต้องไม่โต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง
ไม่ซ้าย ไม่ขวา มันต้องพอดี...พอดี
เราจะเอาชนะมันตรงนี้แหละ
ถ้าไม่โต่ง...เราจะเข้าไปสู่ภายในได้
แต่มันจะคอยดึงใจเราให้โต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง
เราจึงจำเป็นต้องปล่อยวาง
เพื่อเปิดช่องให้ใจได้รับความสุขบ้าง
เราถึงจะเข้ากลางได้

๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ทั้งวันให้ทำความรู้สึกว่า
พระอยู่ในเรา เราอยู่ในพระ
เราเป็นพระ พระเป็นเรา

๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ทุกครั้งที่เรานึกถึงพระ
ใจเราจะสูงขึ้น ประณีตขึ้น
ถูกกลั่นให้บริสุทธิ์เพิ่มขึ้น

๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ทำใจให้เหมือนเด็กๆ
แล้วจะได้ง่ายๆ อย่างเด็กๆ
ทำไมเด็กได้ง่าย
เพราะเด็กใจอยู่กับเนื้อกับตัว
ผู้ใหญ่ทำไมได้ยาก
เพราะผู้ใหญ่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

ถ้ารักที่จะเข้าถึงธรรมกันจริงๆ
ใจต้องปล่อยวาง
ถ้าปล่อยวางได้วินาทีนี้
...ก็จะได้วินาทีนี้

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------


การปฏิบัติธรรม
คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่ 1
(ให้กำลังใจ)

พวกเราเป็นผู้มีบุญมาก
บุญเก่าเรามีเพียงพอ
เหลือแต่ปัจจุบันนี้
จะต้องประกอบความเพียรให้เต็มที่เต็มกำลัง
และต้องทำให้ถูกหลักวิชชาด้วย
จึงจะได้ผล ได้เข้าถึงประสบการณ์ภายใน
...จำตรงนี้ให้ดี...

๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------

แม้ความรู้สึกของเราว่า
ไม่เห็นจะก้าวหน้าอะไร
ไม่เห็นมีอะไรใหม่
แม้เราจะรู้สึกอย่างนี้ก็ตาม...
แต่ความละเอียดจะถูกสั่งสมเอาไว้ในใจ
บุญเกิดขึ้นทุกครั้งที่เราลงมือปฏิบัติ
โดยที่เราไม่รู้ตัว
กายวาจาใจของเราจะถูกกลั่น
ให้สะอาดแล้วสะอาดเล่า
บริสุทธิ์แล้วบริสุทธิ์เล่าเพิ่มขึ้นทุกวัน

๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

เรามีเวลาไม่มากที่จะอยู่ในโลกนี้
ให้ใช้วันเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี้
สร้างบารมีกันให้เต็มที่
ให้ชีวิตมีคุณค่าด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรม
ฝึกฝนอบรมใจของเราให้หยุดนิ่ง
ให้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวให้ได้กันทุกคน

๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

อย่าท้อถอยนะ
เราได้ลงทุนปฏิบัติธรรมมาในระดับหนึ่งแล้ว
ก็ต้องเดินทางกันต่อไป
อย่าให้ผังแห่งความไม่สำเร็จ
หรือทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ไม่ตลอดรอดฝั่ง
อย่าให้ผังนี้ติดไปข้ามภพข้ามชาติ
ต้องเอาผังที่ว่า…
เราพยายามทำความเพียรอย่างเต็มที่
ถูกหลักวิชชา
ส่วนผลที่ได้มันได้แค่ไหน...ก็แค่นั้น

๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------

อะไรจะมาสู้ความเพียร
ขยันทำกันไปเรื่อยๆ
แต่ต้องขยันให้ถูกหลักวิชชา
สิ่งที่ยากก็ง่าย
สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปได้
มืดก็จะสว่าง ทุกข์ก็จะมาเป็นสุข
จากผู้ไม่รู้ก็จะมาเป็นผู้รู้
เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับ
ความเพียรพยายามของเรา

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ* ท่านพูดเสมอว่า
“ของจริงคู่กับคนจริง”
จริงแค่ไหน ก็ต้องแค่ชีวิตซิ
เนื้อเลือดจะแห้งเหือดหายไป
เหลือแต่กระดูกหนังช่างมัน
ไม่ได้ตายเถอะ ต้องจริงนะลูกนะ

๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

*พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร

------------------------------

หยุดกับนิ่ง...
ขึ้นอยู่กับความขยันหรือขี้เกียจ
ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเรา
ถ้าเราเต็มใจ สมัครใจอยากจะเข้าถึงก็ถึง
ถ้าไม่สมัครใจที่จะเข้าถึงก็ไม่ถึง
แล้วแต่เราจะปรารถนาอย่างไรก็ไขว่คว้าเอา
ชีวิตเราเราก็ต้องดีไซน์ของเราเอง

๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

มีอิริยาบถหนึ่งที่พญามารกลัวนัก
คือ อิริยาบถนั่งสมาธิ
เพราะกลัวคนใจหยุด
คนใจหยุดนี่พญามารกลัวมากๆ

๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

แม้พระธรรมกายจะมีอยู่ในตัวทุกคน
แต่ถ้ายังเข้าไม่ถึงมีก็เหมือนไม่มี
เหมือนน้ำใต้ดิน เรารู้ว่ามีน้ำใต้ดิน แต่ถ้า
ไม่เจาะไม่ขุดไปให้ถึง ก็ไม่ได้น้ำมาดื่มมาใช้
พระธรรมกายในตัวก็เช่นเดียวกัน แม้มีอยู่แต่
ถ้าหากยังเข้าไปไม่ถึงก็เอามาใช้ไม่ได้ ดังนั้นการ
เข้าถึงพระธรรมกาย จึงเรียกว่าเป็นบุคคลพิเศษ
ที่มีรหัสผ่านพิเศษไปสู่วงบุญพิเศษได้ หากตั้ง
ความปรารถนาที่จะไป

๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

วันนี้มืด แต่พรุ่งนี้ไม่แน่
“แม้มืดตื้อมืดมิด ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม”
นี่ไม่ใช่คำขวัญหรูๆ
แต่ว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ถ้าทำกันจริงๆ จังๆ

๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเราลงมือปฏิบัติธรรมกันจริงๆ
ที่จะไม่ได้ผลเลยเป็นไม่มี
มีแต่ดีมาก...ดีน้อย
ซึ่งก็จะค่อยๆ ดีเพิ่มขึ้นทุกวัน
ถ้าดีน้อย...เราก็ทำให้ดีมาก
ถ้าดีมาก...เราก็ให้มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ใจยิ่งใส ใจก็ยิ่งสูง
ใจยิ่งสูงก็ยิ่งใกล้พระนิพพาน
ยิ่งใกล้ที่สุดแห่งธรรมเข้าไปเรื่อยๆ
เราก็จะต้องทำใจให้ใสๆ

๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖

------------------------------

ที่ว่า “นั่งไม่เห็น”
ไม่ใช่เพราะบุญน้อย
แต่จริงๆ คือ “นั่งน้อย”

๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ชาตินี้เราต้องปฏิบัติธรรม
ให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้
ถ้าไม่ถึง...ชีวิตยังไม่ปลอดภัย
แม้นมีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายแล้ว
เพราะไม่ได้พบสิ่งที่ประเสริฐ สิ่งที่เลิศ
สำหรับการเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง
เท่ากับเสียไปชาติหนึ่งเลย
เพราะฉะนั้น...อย่าเพิ่งรีบตาย
ถ้ายังไม่ได้เข้าถึงพระธรรมกาย

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

คำว่า “ไม่ว่าง” “ไม่มีเวลา”
อย่านำมาใช้สำหรับปิดโอกาสตัวเอง
ในการแสวงหาความดี บุญกุศล
หรือพระรัตนตรัยในตัว

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ชีวิต ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์
ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต เขาวัดกัน ๒
ระดับ ระดับแรก คือ มีโลกียทรัพย์หรือทรัพย์
ภายนอก ประสบความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจการ
งาน ถึงพร้อมด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ อย่างนี้
ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตระดับหนึ่ง
แต่ถ้าในระดับของผู้รู้ จะต้องมีอีกชั้น คือ ได้
อริยทรัพย์ภายในด้วย คือมีพระธรรมกายปรากฏ
ที่ศูนย์กลางกาย หรืออย่างน้อยก็ได้ดวงธรรม
ใสๆ ต้องครบ ๒ ชั้น อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ประสบ
ความสำเร็จในชีวิตที่สมบูรณ์ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์

๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

วันที่ดีที่สุดในชีวิต
คือวันที่เราบรรลุพระธรรมกาย
ไม่ใช่วันที่ได้เป็นอธิบดี เป็นรัฐมนตรี เป็น
ประธานาธิบดี หรือเป็นมหาเศรษฐีของโลก
นั่นยังไม่ถือว่าเป็นวันที่ดีที่สุด แค่เป็นวันดีวัน
หนึ่งในชีวิต ซึ่งมันก็ไม่ได้อะไรสักเท่าไร เพราะ
ตำแหน่งมันตัน แต่การบรรลุพระธรรมกาย
ภายในจะทำให้เราได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง
เราจะได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
หรือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีบันทึก
ไว้ในพระไตรปิฎก

๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

“เมื่อเราสว่าง โลกก็สว่างด้วย”
ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาให้หรูๆ ดูดี
แต่ตั้งขึ้นมาเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของเราว่า
มีภารกิจอันยิ่งใหญ่รอคอยเราอยู่
ภารกิจนั้นจะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับเรา
เพราะฉะนั้นเราจะต้อง
เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้

๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ไม่ว่าเราจะไปเกิดในครอบครัว
ที่มีความเชื่อแตกต่างจากชาวพุทธก็ตาม
หรือจะปฏิเสธพระแค่ไหน
เจอพระพุทธรูปก็ทุบบ้าง ทำลายบ้าง
ไม่อยากเห็นบ้าง หรือให้เอาออกจากห้องบ้าง
แม้จะปฏิเสธพระแค่ไหน...
ก็ยังมีพระรัตนตรัยอยู่ในตัว

๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ถ้าเราจัดสรรเวลา
เราจะพบว่า เรามีเวลาเหลือเฟือ
สำหรับการปฏิบัติธรรม
ตัดการคุยโทรศัพท์ที่ไร้สาระ
เวลาดูหนัง ดูทีวี
เวลาเที่ยวเตร่สนุกสนานเพลิดเพลิน
หรือเวลาที่อ่านหนังสือไร้สาระ อย่างนี้เป็นต้น
แล้วเอาเวลาที่จะสูญเสียไปอย่างนั้น
เอามานั่งธรรมะ กำไรชีวิตจึงจะเกิดขึ้น

๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ให้ใช้เวลาสำหรับการปฏิบัติธรรม
อย่าไปดูทีวี ดูละคร
เราก็ดูกันมาหลายสิบปีแล้ว
ก็มีแค่พระเอก นางเอก ผู้ร้าย
ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ
บางทีก็แฮปปี้เอ็นดิ้งบ้าง
บางทีก็ไม่แฮปปี้ มันก็มีอยู่แค่นี้
ดูละครภายในดีกว่า
จะเป็นละครที่เป็นเรื่องจริงของตัวเรา
ไม่ต้องไปดูใครเลย ดูตัวเราให้ได้
แล้วเดี๋ยวอย่างอื่นก็เรื่องเล็ก

๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

ความตายไม่มีนิมิตหมาย
ควรรีบขวนขวาย
ในการปฏิบัติธรรมกันให้เต็มที่

๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

หลวงพ่อรู้สึกเสียดาย...
ชีวิตชาวโลกที่เกิดมาแล้วไม่ได้ปฏิบัติธรรม
ไม่ได้เข้าถึงประสบการณ์ภายใน
เพราะฉะนั้น...ชีวิตจึงไม่เคยสมปรารถนาเลย
เกิดมาแล้วก็ตายฟรี

------------------------------

อย่าเพิ่งรีบตาย
ถ้ายังไม่ได้ธรรมกาย

๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การบรรลุธรรมช้า หรือบรรลุธรรมเร็ว
บรรลุธรรมยาก หรือบรรลุธรรมง่าย
ก็ขึ้นอยู่กับการสั่งสมบารมีมา
ถ้าสั่งสมบารมีมามาก...ก็ง่าย
ถ้าน้อย...ก็ต้องมีความเพียรหน่อย
เพราะฉะนั้นต้องสั่งสมบารมีกันให้เยอะๆ

๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

พระนิพพานอยู่ในตัว
เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
พระนิพพานจะแจ้งได้ก็ต้องด้วยพระธรรมกาย
จะเอาไฟฉาย เอาสปอร์ตไลท์ ไปส่องแค่ไหน
ก็ไม่แจ้ง เพราะพระนิพพานอยู่ภายในตัว
จะแจ่มแจ้งได้ จะเห็นได้
ด้วยธรรมจักษุของพระธรรมกายเท่านั้น

๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การเข้าถึงพระธรรมกาย
คือการเข้าถึงความพอดี
เราจะรู้จักความพอดี
ต่อเมื่อเข้าถึงพระธรรมกาย
พอไปถึงตรงนั้นแล้ว มันรู้สึกพอ
ไม่ต้องการอะไรที่มากไปกว่านี้
อยากจะศึกษาวิชชาธรรมกาย
ไม่ปรารถนาสิ่งที่มนุษย์เขาปรารถนากัน
คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ ทรัพย์สิน เงินทอง
คล้ายๆ กับมันพ้นระดับนั้นไปแล้ว
มันเลื่อนขั้นของชีวิตไปอีกระดับหนึ่งแล้ว

๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------

การแสวงหาพระธรรมกายในตัว
คือการแสวงหาความพอดี
บางทีมีคำถามว่าแค่ไหนพอดี?
ตอบยากเหมือนกันนะ แค่ไหนพอดี
เพราะเราไม่รู้จัก “พอดี” มันอยู่ตรงไหน
เมื่อไม่รู้จัก “ดี” มันก็เลยไม่รู้จัก “พอ”
เมื่อมันไม่พอ มันก็พร่องไปเรื่อยๆ
เพราะเจอแต่ที่มันไม่ดี
ถ้าจะให้ดีก็ต้องรู้จักว่า “ดี” อยู่ตรงไหน
แล้วก็ต้องวางใจให้ถูกดี แล้วก็ให้ถึงดี ถึงจะได้ดี
เพราะว่าเข้าไปถึงความพอดี

๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------


การแสวงหาพระธรรมกาย
คือการแสวงหาจุดแห่งความสมดุลของชีวิต
คือ ความพอดี
เข้าถึงดีแล้วมันพอ รู้จักพอแล้ว
มีความพึงพอใจ ชีวิตเต็มอิ่มเต็มเปี่ยม
ไม่ทะลุเหมือนตุ่มก้นรั่วแล้ว
พระธรรมกายในตัวนี่แหละ...คือความพอดี

๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------


อย่าประมาท
ให้ตั้งใจนั่งธรรมะให้ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ
วันเวลามันผ่านไปเร็ว
อะไรที่จะประเสริฐกว่าธรรมะ
ไม่มีอีกแล้ว

๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------


ธรรมะมีอยู่แล้วในตัว
ในเมื่อคนอื่นเขาเข้าถึงได้
เราก็ต้องทำให้ได้

๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔

------------------------------


ถ้ารักตัวเองก็ต้องปฏิบัติธรรม
ให้เข้าถึงพระธรรมกาย

๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

----------------------------

ถ้ารักตัวเองก็ต้องขยัน
อย่าเกียจคร้านในการทำใจหยุดใจนิ่ง
ถ้าปฏิบัติให้ถูกหลักวิชชา
และมีความเพียร
ต้องเข้าถึงกันทุกคน
ที่ไม่เข้าถึงเพราะเกียจคร้าน
หรือขยันทำแต่ไม่ถูกวิธี

๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

------------------------------


การเจริญภาวนาเป็นงานทางใจ
ไม่ได้ไปแบกหามอะไร
แค่ใจเราตรึกนึกถึงดวงใส องค์พระใสๆ
ก็ได้ชื่อว่า เราได้ทำภาวนาแล้ว

๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------


ทุกอิริยาบถ ทุกสถานที่
เราสามารถฝึกใจของเราได้
อย่าให้ความเกียจคร้าน ประมาท ชะล่าใจ
หรือการทำมาหากิน ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความ
เหนื่อย ความเพลีย อย่าเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็น
ข้ออ้างขัดขวางการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึง
พระรัตนตรัยในตัว

๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖

------------------------------


การรู้จักให้อภัยตนเอง
และให้อภัยผู้อื่น
จะทำให้ใจเป็นสุข
และสมาธิตั้งมั่นได้ง่าย

๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ต้องรู้จักให้อภัยตนเอง และให้อภัยผู้อื่น
ใจจะได้เป็นสุข จิตจะเกิดความเมตตา
และใจเราก็จะบริสุทธิ์
เมื่อใจเราบริสุทธิ์ ใจจะเกลี้ยงๆ
เป็นสมาธิได้อย่างง่ายๆ
แต่ถ้าไม่รู้จักให้อภัย
จิตจะไม่มีความสุขเลย
คิดแต่จะมุ่งร้ายต่อผู้อื่น
อย่างนี้ขาดทุน
เพราะเราเกิดมาสร้างบุญ
ต้องให้ได้บุญกันอย่างเต็มที่

๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

อยากมีชีวิตอยู่ ต้องหายใจเอง
อยากจะเห็น ต้องดูเอง
อยากจะได้ยิน ต้องฟังเอง
อยากจะรู้อะไรอร่อยหรือไม่อร่อย ก็ต้องกินเอง
เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ไม่ต้องทำเองเลย
มันต้องทำเองทั้งนั้น
ทำเองก็คือ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
การปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน
ต้องทำด้วยตัวเอง จึงจะบรรลุได้

๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖

------------------------------


วันเวลามันหมดไปเร็ว
เดี๋ยวก็เที่ยงคืนแล้ว
ลูกต้องขวนขวายตั้งใจนั่งธรรมะกันนะ

๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

------------------------------

ชีวิตที่ผิดพลาดมีทางแก้ไข
๑. อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด
๒. บาปทุกชนิดไม่คิดทำเพิ่มขึ้นอีกเด็ดขาด
๓. หมั่นนึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด
๔. บุญทุกบุญทำเพิ่มขึ้นให้เข้มข้นทับทวี
๕. หมั่นปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

๑๒พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

--------------------------------

ถ้าใจใส ใจสบาย
ทำอะไรก็สำเร็จ
ถ้าใจอยู่ฐานที่๗
ทำอะไรก็สำเร็จอย่างสบาย

๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

-------------------------------

การบ้าน ๑๐ ข้อ

๑. เมื่อกลับไปถึงบ้าน เอาบุญไปฝากคนที่บ้าน
๒. จดบันทึกผลของการปฏิบัติธรรม
๓. ก่อนนอนให้นึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด
๔. เวลานอนหลับให้หลับในอู่ทะเลบุญ
๕. เวลาตื่นนอนให้ตื่นในอู่ทะเลบุญ
๖. เมื่อตื่นแล้ว รวมใจเป็นหนึ่งกับองค์พระ ๑ นาที
ใน ๑ นาทีนั้น ให้เรานึกว่า เราโชคดี ที่รอดมาอีก ๑ วัน
ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข อันตัวเรานั้น
ตายแน่ ตายแน่
๗. ทั้งวันให้ทำความรู้สึกว่า ตัวเราอยู่ในองค์พระ
องค์พระอยู่ในตัวเรา ตัวเราเป็นองค์พระ องค์พระเป็น
ตัวเรา
๘. ทุก ๑ ชั่วโมง ขอ ๑ นาที เพื่อหยุดใจนึกถึงดวง
องค์พระ หรือทำใจนิ่งๆ ว่างๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
๙. ทุกกิจกรรม ตั้งแต่ตื่นนอน ไม่ว่าจะเป็นการล้าง-
หน้า อาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร ล้างจาน กวาดบ้าน
ออกกำลังกาย ขับรถ ทำงาน ให้เรานึกถึงดวง หรือ
องค์พระไปด้วย
๑๐. สร้างบรรยากาศให้ดี สดชื่นด้วยรอยยิ้ม และ
ปิยวาจา





คำไม่เล็ก1, วรรคธรรม, สมาธิ
วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560
  • Share
  • Share

Related Posts

Newer Older 🏠

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Translate

คำสอนคุณครูไม่ใหญ่

  • ►  พ.ศ.2568 (1)
    • ►  เดือน กุมภาพันธ์ (1)
  • ►  พ.ศ.2567 (13)
    • ►  เดือน กรกฎาคม (1)
    • ►  เดือน มิถุนายน (5)
    • ►  เดือน พฤษภาคม (7)
  • ►  พ.ศ.2566 (13)
    • ►  เดือน มิถุนายน (9)
    • ►  เดือน มีนาคม (3)
    • ►  เดือน กุมภาพันธ์ (1)
  • ►  พ.ศ.2565 (61)
    • ►  เดือน ธันวาคม (1)
    • ►  เดือน พฤศจิกายน (1)
    • ►  เดือน ตุลาคม (8)
    • ►  เดือน สิงหาคม (4)
    • ►  เดือน กรกฎาคม (9)
    • ►  เดือน มิถุนายน (7)
    • ►  เดือน พฤษภาคม (15)
    • ►  เดือน เมษายน (12)
    • ►  เดือน มกราคม (4)
  • ►  พ.ศ.2564 (122)
    • ►  เดือน ธันวาคม (12)
    • ►  เดือน พฤศจิกายน (11)
    • ►  เดือน ตุลาคม (4)
    • ►  เดือน กันยายน (4)
    • ►  เดือน สิงหาคม (1)
    • ►  เดือน กรกฎาคม (1)
    • ►  เดือน มิถุนายน (14)
    • ►  เดือน พฤษภาคม (20)
    • ►  เดือน เมษายน (15)
    • ►  เดือน มีนาคม (15)
    • ►  เดือน กุมภาพันธ์ (16)
    • ►  เดือน มกราคม (9)
  • ►  พ.ศ.2563 (198)
    • ►  เดือน ธันวาคม (11)
    • ►  เดือน พฤศจิกายน (12)
    • ►  เดือน ตุลาคม (25)
    • ►  เดือน กันยายน (20)
    • ►  เดือน สิงหาคม (12)
    • ►  เดือน กรกฎาคม (11)
    • ►  เดือน พฤษภาคม (9)
    • ►  เดือน เมษายน (39)
    • ►  เดือน มีนาคม (42)
    • ►  เดือน กุมภาพันธ์ (17)
  • ►  พ.ศ.2562 (80)
    • ►  เดือน ตุลาคม (26)
    • ►  เดือน กันยายน (1)
    • ►  เดือน กรกฎาคม (9)
    • ►  เดือน มิถุนายน (16)
    • ►  เดือน พฤษภาคม (6)
    • ►  เดือน เมษายน (18)
    • ►  เดือน มีนาคม (4)
  • ►  พ.ศ.2561 (5)
    • ►  เดือน พฤษภาคม (2)
    • ►  เดือน เมษายน (1)
    • ►  เดือน มีนาคม (1)
    • ►  เดือน กุมภาพันธ์ (1)
  • ▼  พ.ศ.2560 (165)
    • ►  เดือน พฤศจิกายน (1)
    • ►  เดือน ตุลาคม (10)
    • ►  เดือน กันยายน (12)
    • ►  เดือน สิงหาคม (24)
    • ►  เดือน กรกฎาคม (20)
    • ▼  เดือน มิถุนายน (20)
      • ใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา
      • ยกชั้น..ยกยอพุทธศาสน์
      • ที่พึ่งอันประเสริฐ
      • มองตน...ค้นหาข้อบกพร่อง
      • บวชอย่างมีเป้าหมาย
      • การปฏิบัติธรรมจำเป็นสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย
      • อดีตที่ผิดพลาด...ลืมให้หมด
      • จุดประทีปสว่าง...ทุกวันพระ
      • คุณค่าการอยู่ร่วมกัน
      • เข้าวัดสร้างบุญ
      • บุญ - ทาน
      • ความจริงของชีวิต
      • ความจริงของชีวิต
      • ข้อพึงปฏิบัติชาวพุทธ
      • การสร้างบารมี
      • ทำไมเราต้องทำบุญเยอะๆ
      • ประโยชน์ของสมาธิ
      • วันนี้..วันพระ
      • การปฏิบัติธรรม
      • แผ่เมตตาและอธิษฐานจิต
    • ►  เดือน พฤษภาคม (58)
    • ►  เดือน เมษายน (2)
    • ►  เดือน มีนาคม (2)
    • ►  เดือน กุมภาพันธ์ (6)
    • ►  เดือน มกราคม (10)
  • ►  พ.ศ.2559 (208)
    • ►  เดือน ธันวาคม (8)
    • ►  เดือน พฤศจิกายน (3)
    • ►  เดือน กันยายน (14)
    • ►  เดือน สิงหาคม (30)
    • ►  เดือน กรกฎาคม (29)
    • ►  เดือน มิถุนายน (23)
    • ►  เดือน พฤษภาคม (22)
    • ►  เดือน เมษายน (8)
    • ►  เดือน มีนาคม (39)
    • ►  เดือน กุมภาพันธ์ (32)
  • ►  พ.ศ.2543 (1)
    • ►  เดือน เมษายน (1)

โพสต์แนะนำ

ศึกชิงภพ

  มีผู้มีบุญหลายท่าน ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนก็ตาม ชนชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง ถ้าไม่เคยหมั่นนึกถึงบุญ หรือไม่รู้จักหลักสูตรของชีวิตก่อนเ...

บทความที่ได้รับความนิยม

  • คำอธิษฐานจิตประจำวัน
    ทุกครั้งที่ทำบุญต้องอธิษฐานจิต เพื่อเป็นการตั้งผังชีวิตในอนาคต หลายคนอาจจะเจอปัญหาว่า ทำบุญแล้วไม่รู้จะอธิษฐ… อ่านต่อ
  • มรดกธรรมจากคุณยายอาจารย์
    คุณยายอาจารย์ฯ ท่านถือความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ  ท่านรักความสะอาดมากจนกระทั่งเวลาอยู่ใกล้ ๆ ท่าน เราจะรักความสะอาด… อ่านต่อ
  • โชคดีที่ได้มาพิมพ์พระของขวัญ
    วันนี้ไปพิมพ์พระกันนะ พิมพ์กันคนละ ๑ องค์ ให้ประณีตที่สุดเลย ให้เป็นทางมาแห่งบุญของเรา แล้วก็เป็นต้นบุญต้นแบ… อ่านต่อ
  • สติ สบาย สม่ำเสมอ สังเกต
    สติ สบาย สม่ำเสมอ สังเกต คำไม่เล็กของคุณครูไม่ใหญ่มินิ 5   (ศิลปะแห่งสมาธิ) ๔ ส. สติ สบาย สม่ำเสมอ สังเกต ให้… อ่านต่อ
  • สิ่งที่วัดพระธรรมกายทำ คือนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสู่ใจชาวโลก
    ไม่มีวิธีการใดที่จะทำให้มวลมนุษย์ชาติ พ้นจากความทุกข์ทรมานของชีวิตได้ นอกจาก...พุทธวิธี คือ วิธีของพระพุทธ… อ่านต่อ
  • คำอธิษฐานจิตและอุทิศส่วนกุศล
    ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้า ได้ทำในบัดนี้   ขอบุญนั้นจงดลบันดาลให้ข้าพเจ้า ได้บรรลุธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเดชพระ… อ่านต่อ
  • มีบางคนคิดว่า ที่พระมาวัดพระธรรมกายเยอะ ๆ เพราะเราไปจ้างท่านมา?
    มีบางคนคิดว่า ที่พระมาวัดพระธรรมกายเยอะ ๆ เพราะเราไปจ้างท่านมา ? คุณครูไม่ใหญ่ : โปรดรับทราบว่า พระมหาเถร… อ่านต่อ

Label

4ส. กฎไตรลักษณ์ กฎแห่งกรรม กฐิน กรณีธรรมกาย กรรมนิมิต กัลยาณมิตร กายมนุษย์ การทำงาน การบ้าน การอยู่ร่วมกัน กุมารทอง เกมคอมพิวเตอร์ แก้ไขอดีตที่ผิดพลาด แก้แค้น แก้ตึง ขอขมา ขัดห้องน้ำ ขายบุญ ความเคารพ ความจริงของชีวิต ความเชื่อ ความตระหนี่ ความตาย ความปรารถนาของหลวงพ่อ ความฝันพระเจ้าปเสนทิโกศล ความไม่ประมาท ความรัก ความสะอาด ความสุข ค้ากำไรเกินควร คำตอบคุณครูไม่ใหญ่ คำภาวนา คำไม่เล็ก1 คำไม่เล็ก(มินิ) คำสอน คิดดีพูดดีทำดี คิดใหญ่ คุณยาย เครื่องเสริมการปฏิบัติธรรม เคารพในการปฏิสันถาร ง่ายแต่ลึก เจ็บป่วย เจริญพุทธานุสติ เจริญมรณานุสติ ใจเป็นธาตุสำเร็จ ช่วยเหลือวัดภาคใต้ ชาวพุทธ ชีวิตสมณะ ชีวิตหลังความตาย ซื้อบุญ ดวงธรรม ดวงบุญ ต้นบุญต้นแบบ ถวายที่ดิน ทางสายกลาง ทานบารมี ทำบุญ ทำบุญ ทำทาน การให้ ทำพระนิพพานให้แจ้ง เทเหล้าเผาบุหรี่ ธรรม 3 ประการ ธรรมกาย ธรรมกายเจดีย์ ธรรมยาตรา ธรรมะ ธัมมจัก นรกสวรรค์ นักสร้างบารมี นำนั่งสมาธิ นิพพาน นึกถึงบุญ นึกถึงหลวงปู่ นึกนิมิต คำภาวนา บริหารเวลา บวช บวชอุทิศชีวิต บั้งไฟพญานาค บารมี บุญ บุญเก่า บุญบาป บุญไม่ช่วย บุญสงเคราะห์โลก บูชาข้าวพระ ปฏิบัติธรรม ปรโลกมีจริง ประกันชีวิต ประเพณี ประหยัด ปัญหาครอบครัว ปีใหม่ เป้าหมายชีวิต ผู้ออกแบบชีวิต แผ่เมตตา ฝ่ายพระ-ฝ่ายมาร ฝึกใจ ฝึกตน พรหมจรรย์ พระของขวัญ พระแท้ พระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนา พระรัตนตรัย พิมพ์พระ พี่เลี้ยง พุทธคุณ พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ภัยพระศาสนา ภัยพิบัติ ภารกิจกับจิตใจ ภูตผีปีศาจ มนุษย์ไม่ใช่ศัตรูกัน มโนปณิธานหลวงพ่อ มาตุคาม มาวัด เมตตา เมื่อไม่รู้จะอ่านอะไร ไม่ประมาท ยิ้มและปิยวาจา ยิ้มสุดท้าย ยืมเงินทำบุญ รักษาใจให้ใส รักษาพระพุทธศาสนา รักษาศีล รักษาอารมณ์ เราเกิดมาทำไม เราเกิดมาสร้างบารมี เรื่องในพระไตรปิฏก เรื่องผีผี เรื่องใหม่ ลาสิกขา วจีกรรม วรรคธรรม วัฒนธรรมคุณยาย วัฒนธรรมชาวพุทธ วัด วัดพระธรรมกาย วัดไม่ใช่วิก วัดรวย วันกรานกฐิน วันเข้าพรรษา วันคุ้มครองโลก วันตรุษจีน วันพระ วันมาฆบูชา วันลอยกระทง วันวิสาขบูชา วันสมาธิโลก วันสำคัญ วันออกพรรษา วิชชาธรรมกาย วิธีแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด วิธีแก้อุปสรรค วิธีปฏิบัติธรรม วิปัสสนา เวลา ศีล ศีล 5 ศีล 8 ศีลธรรม ศีลธรรมคุ้มครองโลก ศูนย์กลางกาย สงครามโซเชียล สมบัติจักรพรรดิ สมบัติศาสนา สมาธิ สมาธิรักษาโรค สม่ำเสมอ สร้างบารมี สวดมนต์ สังคหวัตถุ4 สันติภาพ สันติสุข สื่อมวลชน เสียงรบกวน หน้าที่กัลยาณมิตร หยุดเป็นตัวสำเร็จ หลวงปู่ ให้กำลังใจปฏิบัติธรรม อธิษฐานจิต อบายมุข อย่าขาดบุญ อย่าประมาท อริยสัจ4 อัตตาอนัตตา อาชีพ อานิสงส์ อาสาฬหบูชา อุทิศส่วนกุศล โอวาทเขตใน โอวาทเข้าพรรษา โอวาทช่วงเจอวิกฤต โอวาทชำระร่าง โอวาทนำนั่งสมาธิ (คัดสรร) โอวาทบนดอย โอวาทผู้ที่ลาสิกขา โอวาทออกพรรษา case study เขตใน Logo
คำสอนคุณครูไม่ใหญ่. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

copyright © คำสอนคุณครูไม่ใหญ่ All Right Reserved . Created by PhotoTheme . Powered by Blogger