กลัวก็ต้องตาย
ไม่กลัวก็ต้องตาย
ทุกคนล้วนตายหมด
และก็เคยตายกันมาแล้วทั้งนั้น
ความตายเป็นสิ่งที่เราจะต้องนำมาคิด
คิดถึงความตายวันละนิด จิตแจ่มใส
เพราะจะทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างถูกวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์
จะไม่ประมาท จะสั่งสมบุญอยู่ตลอดเวลาเลย
จะไม่คร่ำครวญเมื่อชีวิตลำเค็ญ
เพราะรู้ว่า เราจะลำเค็ญอยู่ในโลกมนุษย์ไม่กี่ปีก็ตายแล้ว
โดยเฉพาะอายุขัยเฉลี่ยมนุษย์ในยุคนี้แค่ ๗๕ ปี เพราะฉะนั้นลำเค็ญก็ไม่นาน ยากจนก็ประเดี๋ยวเดียว
อย่าไปทุกข์ใจเลย สั่งสมบุญกุศลกันไป
เราไปเอาดีกันภพเบื้องหน้า
ไปศึกษาเรื่องเหตุและผลที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันเพราะเราประกอบเหตุในอดีตมา
ผลที่เราเกิดมาลำบากยากจน อัตคัดเรื่องปัจจัยสี่ เป็นเพราะในอดีตเรามีความตระหนี่
หวงแหนเสียดายทรัพย์ ไม่สั่งสมบุญเอาไว้
โดยเฉพาะ เราอาจจะเป็นคนเคยรวย
มีทรัพย์มาก และมีความคิดว่า เรารวยขึ้นมาเพราะหนึ่งสมองสองมือ ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น
ทำให้เรามีมานะทิฐิ และประมาทในชีวิต ใช้ทรัพย์นั้นเพื่อแสวงหาทรัพย์และแสวงหาความสุขอย่างเดียว
ใครจะมาชักชวนให้ทำความดี มาบอกบุญ ก็จะถือเนื้อถือตัว ไม่ต้อนรับบ้าง ไม่ยอมรับคำแนะนำบ้าง
แม้จะต้อนรับทางกายก็ตาม นี่ก็เป็นสิ่งที่เราประกอบเหตุเอาไว้ เพราะมีความตระหนี่ เราจึงมาลำบากในชาตินี้
เพราะฉะนั้นลำเค็ญประเดี๋ยวเดียวก็จะหมดเวลาของชีวิตแล้ว เพราะฉะนั้นอดทนสั่งสมบุญกันไปเถอะนะลูกนะ
ส่วนใครที่ชาตินี้ร่ำรวย
ก็พึงคิดว่า รวยแค่ประเดี๋ยวเดียวเช่นกัน จะรวยกี่แสนล้าน ก็รวยประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็ต้องตาย
แล้วจะรวยมากแค่ไหนก็ตาม มีบ้านกี่พันหลังก็อยู่ได้ทีละหลัง
มีเตียงกี่พันเตียงก็นอนได้ทีละเตียง มีห้องกี่พันห้องก็นอนได้ทีละห้อง
มีรถกี่พันคันก็นั่งได้ทีละคัน มันทีละคันเท่านั้นเอง
ที่เหลือก็ต้องเสียค่าบำรุงดูแลรักษากันไป จ่ายกันไป
ได้ปลื้มหน่อยที่ว่า
เรามีเหนือกว่าคนอื่น หรือเท่าคนอื่นเขา หรือคนอื่นเขาไม่มี มันก็แค่นั้น
แล้วก็ตาย มัวแต่ปลื้ม ๆ กันอยู่อย่างนี้ หรือมัวสนุกเพลิดเพลิน
เพราะเรามีทรัพย์เยอะ สนุกสนานเฮฮากันบ้าง หรือเอาทรัพย์ต่อทรัพย์
มัวแต่ทำมาหากินอย่างเดียว ไม่ได้สั่งสมบุญ เพลินกับสเตทเม้นท์ ดูตัวเลข โอ้โฮ
ขึ้นไปหลักสองแสนกว่าล้าน สามแสน สี่แสนล้าน ปลื้มไม่กี่ทีก็ตายแล้ว ถ้าตายตอนนั้น
แล้วมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ ไม่ได้อยู่ที่เดิมนะ สิ่งที่เราสร้างไว้ก็เอาไปไม่ได้ ตกเป็นของคนอื่น
เหมือนลูกขอทานคนหนึ่ง
อดีตเป็นเศรษฐี แต่เป็นคนตระหนี่ ไม่สั่งสมบุญ พอตายแล้วได้เข้าท้องคนขอทาน ขณะอยู่ในครรภ์มารดา แม่ไปขอทานที่ไหน
ยังไม่มีใครมีอารมณ์ให้ คลอดลูกออกมาพาไปขอทานที่ไหนก็อด ลำบาก จนกระทั่งโตพอช่วยเหลือตัวเองได้แม่ก็ส่งกะลาให้
ลูกเอ๋ย นี่คืออุปกรณ์ทำมาหากินของลูก
ถือไป ไปที่ไหนเขาก็ไล่ออกมาอีก แล้วแถมหน้าตาก็อัปลักษณ์เหมือนปีศาจคลุกฝุ่น
แต่เพิ่งตายหยก
ๆ พอจะมีบุญระลึกชาติได้ เดินผ่านบ้านเศรษฐี
จำได้ เอ๊ะ นี่บ้านของเรานี่ นั่นลูกชายเรา
แต่ใครจะไปจำได้เพราะว่า อยู่ในยูนิฟอร์มใหม่ มาในมาดของลูกขอทาน
ด้วยร่างกายที่อัปลักษณ์ ประดุจปีศาจคลุกฝุ่นอย่างนั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปใช้ทรัพย์ของตัวในอดีตชาติที่ตัวเคยรวย
และสร้างมากับมือ เราจะไปอ้างสิทธิ์ว่า ชาติที่ผ่านมา ฉันเคยอยู่บ้านนี้
สร้างมากับมือ ไม่เชื่อไปดูขุมทรัพย์อะไรต่าง ๆ อย่างนั้นอย่างนี้สิ ก็ไม่มีใครเชื่อ
มีแต่จะจับโยนออกจากบ้าน
เพราะฉะนั้น
ก็แปลว่า รวยก็รวยไม่กี่ปีในเมืองมนุษย์ จึงควรนำทรัพย์ที่เราหามาได้มาเป็นบุญต่อบุญ
สมบัติต่อสมบัติกันดีกว่า มาทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่โลก และมาสั่งสมบุญ และบุญจะได้เต็มที่ต่อเมื่อทรัพย์นั้นได้มาด้วยการประกอบสัมมาอาชีวะ
การจะประกอบอาชีพเป็นเรื่องสำคัญนะ
ไม่ใช่ว่า อาชีพอะไรก็ได้ขอให้ได้ปัจจัยสี่มาเลี้ยงชีวิต จะไปเบียดเบียนใครก็ได้
อย่าคิดอย่างนั้น เพราะว่ามันมีวิบากกรรมรองรับอยู่ มันเป็นกฎที่ไม่มีใครจะเอาชนะได้
ทุกคนภายในโลกนี้แม้แต่พระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก ก็ยังตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม
เทวดาเหาะเหินเดินอากาศได้ ก็ยังตกภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น มนุษย์ยังขาดแคลนความรู้ตรงนี้
มามีความรู้ตรงนี้ต่อเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นมาโปรด จึงเป็นความรู้สากลที่ทุกคนจะต้องศึกษาเอาไว้
เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง
เพราะฉะนั้น
จะรวยหรือจนก็ประเดี๋ยวเดียว อย่าชะล่าใจ สั่งสมบุญเอาไว้ให้ดี และบุญจะต้องได้มาจากทรัพย์ที่ประกอบสัมมาอาชีวะ
แม้ทรัพย์น้อย แต่หัวใจเกินร้อย เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ก็ได้บุญใหญ่ ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ได้
นี่ก็เป็นสิ่งที่ต้องศึกษากันเอาไว้
วันพุธที่ ๒
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘
คุณครูไม่ใหญ่
วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2563