ปัจจุบันนี้ที่ละเลยเรื่องการปฏิบัติ
เพราะกลัวว่านั่งแล้วเป็นบ้าบ้าง
ที่นั่งแล้วเป็นบ้าไม่ใช่อะไร เพราะคนบ้ามานั่ง หรือประเภทมีเชื้อบ้าอยู่ก่อนแล้ว
ตอนที่เชื้อยังไม่กำเริบ ยังไม่สำแดงออกก็ดูปกติ ทีนี้คนไปเห็นตอนที่เขาดี ๆ อยู่ แต่พอนั่งสมาธิออกอาการ
ก็เลยเหมาว่านั่งสมาธิแล้วเป็นบ้า ที่จริงมีเชื้อมาก่อน
เพราะฉะนั้นจึงทำให้หลายคนกลัวการปฏิบัติธรรม
หรือบางคนนั่งใจยังไม่บริสุทธิ์
ยังหยุดไม่สนิท เกิดนิมิตหลอน เห็นภาพโน่น ภาพนี่ที่น่ากลัว เป็นภาพที่เก็บสั่งสมไว้ในจิตมาฉายให้เห็น จึงเกิดความกลัว แล้วก็ไปเล่าต่อ ๆ กันว่า
ระวังนะ นั่งแล้วจะเห็นนั่น เห็นนี่ น่ากลัว คนที่ไม่ได้นั่งได้ยินได้ฟังเข้าก็กลัวตามไปด้วย
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้นั่งเลย เกิดกลัวไปเสียแล้ว กลัวจะไปเห็นผีสาง เห็นโน่นเห็นนี่
ถ้าจิตบริสุทธิ์จริง
ๆ เห็นพวกนี้ จะรู้สึกเฉย ๆ นะ เพราะเห็นเหมือนเห็นมนุษย์อย่างนี้แหละ แต่ว่ารูปร่างมันพิกลพิการกว่าเล็กน้อยบางประการอย่างมากมาย
แต่อารมณ์ที่จะไปเห็นอย่างนี้ มันต้องใสแล้วนิ่ง ไม่มีความกลัวอยู่ แต่อารมณ์ที่ยังมีความกลัวแล้วเห็นแสดงว่า จิตยังไม่บริสุทธิ์ ยังเป็นนิมิตเลื่อนลอย
นิมิตเลื่อนลอยยังไม่ใช่ของจริง บางแห่งก็ไปเหมาเอาว่า นิมิตทั้งหมดเลื่อนลอย ไม่ควรยึดติด อย่าไปติดนิมิต
ที่จริงนิมิตจริงก็มี เลื่อนลอยก็มี
ก็เหมือนเราลืมตาเห็น คงเคยเห็นของลวง ๆ
เป็นของจริง มันเหมือนกันอย่างนั้นนะ แต่แทนที่จะเป็นตามนุษย์ ก็เป็นอีกตาหนึ่ง แต่ถ้าถึงธรรมจักขุแล้วละก็เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง
หรือบางทีเขานั่งสมาธิแล้ว
พอดีหมดอายุขัยตาย นั่งตาย ก็เหมาว่า ระวังนะนั่งสมาธิเดี๋ยวตาย แล้วกันสิ ไม่นั่งก็ตาย ไม่เชื่อก็ไปลองดู นอนก็ตาย ยืนก็ตาย เดินหรือวิ่งหกคะเมนตีลังกาก็ตายหมด
เห็นเขานั่งสมาธิหน่อย ระวังนะ
นั่งแล้วไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มีเลย กลัวอะไรกันอย่างนี้
คือมันจะหาเรื่องไม่นั่งอยู่แล้วนะ มันก็ให้มีเหตุ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่
คุณครูไม่ใหญ่
๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2564