ถ้าเราชาวพุทธไม่รู้ว่าอะไรเป็นสรณะ
ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
อย่าไปหวังเลยว่า ชาวโลกที่ไม่ใช่ชาวพุทธ เขาจะรู้เรื่อง เขาก็ไม่รู้เรื่อง
เขาก็เชื่อตามอย่างที่ได้ยินได้ฟังจากบรรพบุรุษ
ได้ยินได้ฟังอะไรมาก็ว่ากันไป แล้วมันสะเปะสะปะ
เพราะไม่มีใครที่จะรู้แจ้งโลกได้ดีเท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า
พระองค์รู้แจ้งโลก ก็โดยการศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์ ถ้าใครไม่รู้แจ้งโลกอย่างนี้ จะมาสอนสิ่งเหล่านี้ยาก
พระองค์ทรงรู้แจ้ง เพราะเห็นแจ้งตลอดทั้งนิพพาน ภพ ๓ โลกันตร์อยู่ในสายตา ในสัพพัญญุตญาณ ด้วยธรรมจักขุ
ด้วยญาณทัสนะของพระพุทธองค์ มีนิพพานเป็นอารมณ์
เพราะว่าใจหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะแล้ว
มีกายธรรมอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในนิพพานตลอดเวลา ที่เขาเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน นิพพานเป็น
คือ ตอนเป็น ๆ มีชีวิตอยู่แต่หมดกิเลสแล้ว
ไปอยู่ในนิพพานของธรรมกายอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า
จะมีที่ประทับเป็นที่อยู่ของท่าน เพราะฉะนั้นจึงมีนิพพานเป็นอารมณ์ เหมือนมนุษย์มีกามเป็นอารมณ์นะ จึงอยู่ในกามภพ พรหมเขาก็มีฌานเป็นอารมณ์
จึงอยู่ในรูปฌาน
อรูปพรหมก็ยังอยู่ในอรูปภพ
ที่จะเป็นนิพพานเป็นอารมณ์ได้ต้องอยู่ในนิพพานอยู่ตลอดเวลาเลย
เพราะหมดกิเลสอาสวะแล้ว
ตรงนี้แหละเขาเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน
แต่ถ้าหากดับขันธปรินิพพานแล้วก็อนุปาทิเสสนิพพาน
ถอดขันธ์ออกหมด เหลือแต่ธรรมกายอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าสู่อายตนนิพพาน
ไปอยู่นิพพานที่ใคร ๆ ก็ว่าสูญ
คุณครูไม่ใหญ่
๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2564