ลูกพระลูกเณรที่รักทั้งหลาย
วันนี้เป็นวันที่ลูกๆ ทุกรูป พร้อมใจกันมาอธิษฐานอยู่จำพรรษาร่วมกัน
เป็นธรรมเนียมของบรรพชิตที่สืบทอดกันมายาวนาน
การอยู่จำพรรษา มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้วันเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดในพรรษานี้
ในเทศกาลฤดูฝนที่ไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวกมาบำเพ็ญสมณธรรมร่วมกัน โดยเฉพาะสำหรับวัดพระธรรมกายก็ทำอย่างนี้ต่อเนื่องกันมา
ซึ่งนอกจากเอื้อเฟื้อตามพระธรรมวินัยแล้ว ยังเป็นวัตถุประสงค์หลักของการเข้ามาสู่ร่มเงาของพระพุทธศาสนา
คือ การบำเพ็ญสมณธรรม เพื่อสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน โดยเฉพาะหมู่คณะของเรามุ่งศึกษาวิชชาธรรมกายที่จะไปสู้รบปรบมือกับพญามารเพื่อไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
หมั่นทบทวนพระธรรมวินัย และเป้าหมายการบวช
วันนี้
เราได้มาอธิษฐานพรรษาร่วมกันแล้ว ขอบเขตจำพรรษาเราก็รู้อยู่แล้ว ส่วนราย ละเอียดให้เราไปศึกษากัน
สำหรับผู้บวชมาก่อนคงเข้าใจอย่างดี แต่สำหรับผู้บวชใหม่ก็จะต้องศึกษาให้แจ่มแจ้ง นอกเหนือจากศึกษาในห้องเรียนกับพระอาจารย์แล้ว
นอกห้องเรียนก็จะต้องศึกษาขวนขวายหาความรู้ให้ดีว่า เรามาบวชทำไม
และทำอย่างไรจึงจะเป็นนักบวชที่สมบูรณ์ ถูกวัตถุประสงค์ของการบวชในครั้งนี้
ที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง โยมพ่อ โยมแม่ หมู่ญาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แม้ผู้ที่บวชมาก่อนแล้ว
ก็อย่าดูเบาในเรื่องที่จะทบทวนศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น
ยิ่งนานวันจะต้องยิ่งแจ่มแจ้ง อย่าให้มีอะไรเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา แม้เราจะได้รับมอบหมายภารกิจจากหมู่คณะให้ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ต่างๆ
ก็ตาม แต่เรื่องการศึกษาพระธรรมวินัยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตของนักบวช
ที่ตั้งใจจะเป็นนักบวชที่แท้จริงตามวัตถุประสงค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อตัวของเราเองด้วย
การทบทวนจะทำให้เราตอกย้ำซ้ำเดิมในสมณสัญญา
แล้วจะทำให้เราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
เรื่องธรรมวินัยและเป้าหมายของการเข้ามาบวช
ต้องทบทวนทุกวัน อย่าให้ขาดเลยแม้แต่เพียงวันเดียว ขาดวันไหนก็ได้ชื่อว่า ประมาทแล้ว
เพราะว่าอกุศลพร้อมที่จะเข้ามาสิงจิตได้ตลอดเวลา
๒๔ ชั่วโมง เพราะเรายังไม่หมดกิเลส ธรรมปฏิบัติภายในเราก็ยังไม่สมบูรณ์
บางช่วงกำลังใจของเราก็จะถดถอยไป ยิ่งมีสิ่งเร้าใจยั่วเย้า หรือประมาทในการดำเนินชีวิต
ไปคลุกคลีอยู่กับสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อกุศลและพรหมจรรย์ ก็มีโอกาสเพลี่ยงพล้ำได้อย่างน่าเสียดาย
การออกบวชในสมัยพุทธกาล
ถ้าเราได้ศึกษาในพระไตรปิฎก
เราจะเห็นว่า การบวชในสมัยพุทธกาลนั้นที่บวชแล้วลาสิกขานั้นไม่ค่อยมี
เพราะทุกคนที่ออกบวชมาจากตระกูลต่างๆ เป็นกุลบุตร กุลธิดา ตระกูลชั้นล่าง ชั้นกลาง
ชั้นสูง แม้ตระกูลกษัตริย์ ออกบวชเพราะเห็นประโยชน์ของการบวช และเห็นทุกข์โทษภัยในชีวิต
เห็นพันธนาการของชีวิตในเพศของคฤหัสถ์ อยากจะสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์อย่างแท้จริง
กุลบุตรที่ออกบวชมาเป็นพระ
หรือกุลธิดามาบวชเป็นพระภิกษุณีก็ตาม ต่างขวนขวายที่จะบำเพ็ญสมณธรรมทั้งสิ้น
บ้างก็อยู่จำพรรษาในวัดพระเชตวัน วัดบุพพาราม หลังจากออกพรรษาไปแล้ว ทรงจำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
ก็จะปลีกวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม เพราะการจะสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์นั้น
ใครทำแทนกันไม่ได้ ต้องทำด้วยตัวเอง ท่านจึงปลีกวิเวกเพื่อแสวงหาที่รื่นรมย์
ที่เป็นสัปปายะ เหมาะสมในการบำเพ็ญสมณธรรม ฝึกใจให้หยุดนิ่ง ตามโคนไม้บ้าง เรือนว่างบ้าง ป่าเขาลำเนาไพร ห้วยหนองคลองบึง
ถ้ำ สถานที่ต่างๆ เหล่านั้น เป็นต้น
เมื่อใจคลายความผูกพันกับทุกสิ่งทุกอย่าง
แม้กระทั่งชีวิตของตนเองได้ โดยมุ่งแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด ที่จะไม่ต้องมีชีวิตใหม่ในวัฎสงสาร
เพราะเห็นว่าชีวิตในวัฏสงสารไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตามล้วนมีทุกข์ทั้งสิ้น แม้สิ่งที่มนุษย์ผู้ไม่รู้
แสวงหาอำนาจ ทรัพย์ อะไรต่างๆ เหล่านั้น แต่เราก็พบว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ให้ความสุขที่แท้จริงเลย
ทุกข์ก็คงมีอยู่ แม้แวดล้อมด้วยข้าทาสบริวาร มีทรัพย์ศฤงคารมากมาย แต่ก็ยังมีความทุกข์ แม้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นบรมเศรษฐี
มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ทุกข์นั้นก็ยังตามเบียดเบียนรุกเร้ากันอยู่ตลอดเวลา
๒๔ ชั่วโมง แม้มีที่นอนอันอ่อนนุ่ม มีเสียงดนตรีประโคมขับกล่อมแต่ก็ยังนอนเป็นทุกข์
ภาคภูมิใจในความเป็นพระ
การที่ลูกทุกรูปได้ตัดสินใจเข้ามาสู่ร่มเงาของพระพุทธศาสนาเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
เพราะฉะนั้นก็ควรดำเนินชีวิตให้ถูกต้องด้วย อย่าให้กาลเวลาที่ผ่านไปแต่ละวันนั้นเปลี่ยนแปลงความตั้งใจดีดั้งเดิมของเราไป
ต้องสั่งสมความดีดั้งเดิมก่อนเรามาบวชให้เพิ่มมากขึ้น
ให้มีความเป็นพระเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน จนเราเคารพตัวเราเองได้
ไม่ว่าเราจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน มีแต่ความปีติและภาคภูมิใจในความเป็นสมณะในทุกหนทุกแห่งได้
ไม่ว่าจะอยู่ตามลำพัง จะอยู่ในหมู่คณะ หรืออยู่แห่งหนตำบลใดก็ตาม เราก็มีความรู้สึกว่า
เราเป็นพระ มีความภาคภูมิใจในความเป็นพระว่า เป็นชีวิตที่สูงส่งกว่ามนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
ความภาคภูมิใจเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราบำเพ็ญสมณธรรม
และมีสมณสัญญา ฉะนั้นพรรษานี้อย่าให้ผ่านไปเปล่าๆ เป็นฤดูกาลที่เหมาะสมแก่การบำเพ็ญสมณธรรม
แบบอย่างที่ดีในการบำเพ็ญสมณธรรม
หลายๆ
รูปที่เข้ามารับดวงแก้วจากมือหลวงพ่อ หลวงพ่อดีใจและอัศจรรย์ใจในหลายๆ รูปว่า
ท่านเอาเวลาไหนมาบำเพ็ญสมณธรรม
ผู้ที่หลวงพ่อถามนั้น
หลวงพ่อคุ้นเคย รู้จัก และใช้งานอยู่ งานที่ใช้นั้นไม่มีเวลากระดิกกระเดี้ยไปที่ไหนเลย
ไม่มีโอกาสจะคิดเรื่องอื่นเลย เพราะเป็นงานที่ต้องคิดติดตามต่อเนื่องกันตลอด แล้วหลวงพ่อก็เห็นว่า
ท่านรับภารกิจเรื่องงานหยาบๆ นั้นมาก แต่หลวงพ่ออัศจรรย์ใจจนต้องถามท่านว่า เอาเวลาที่ไหนมาทำสมาธิ
งานเยอะมาก ต้องเตรียมงานเรื่องโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาก็หมดเวลาของชีวิตไปแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย
และเมื่อจบรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน ซึ่งก็สี่ทุ่มเศษแล้ว แต่ท่านก็ยังปลีกตัวมานั่งสมาธิที่ศาลาจาตุมหาราชิกาไปถึงเที่ยงคืน
ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เป็นเวลาต่อเนื่องกันมาหลายเดือนนี้
โดยเราจะกำหนดเป็นช่วงๆ ตั้งแต่วันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อ
เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ที่ผ่านมา เป็นเวลาประมาณ ๔ เดือน ซึ่งหลวงพ่ออัศจรรย์ใจพร้อมกับชื่นชมปีติยินดีด้วย
เมื่อเพื่อนภิกษุของเราทุกรูปที่หลวงพ่อถาม
ยังมีเวลาให้ความสำคัญกับการปฏิบัติธรรม ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอันใดที่ลูกทุกๆ รูป
จะไม่ให้โอกาสตัวเองเจริญสมาธิภาวนาอย่างต่อเนื่องทุกวัน เพราะหลวงพ่อยังนึกไม่ออกเลยว่า
ลูกจะบริหารเวลาไม่เป็นกันอย่างไร เมื่อเรามีตัวอย่างดีๆ อย่างนี้
ก็หวังว่า ภายในพรรษานี้
จำนวนผู้ที่สนใจเจริญสมาธิภาวนา จะเพิ่มขึ้นมากในระดับที่หลวงพ่อเพิ่มความอัศจรรย์ขึ้นไปอีก
ถ้าหากทุกรูปทำอย่างนี้ได้ นอกจากจะเป็นบุญของตัวเองแล้ว ก็จะเป็นบุญที่หลวงพ่อจะมีส่วนได้รับอานิสงส์นี้ด้วย
และหลวงพ่อก็ชื่นใจ สำคัญที่ถูกที่สุด คือ ถูกวัตถุประสงค์ของการมาบวชในครั้งนี้
โดยเฉพาะมาบวชที่วัดพระธรรมกาย
อยู่วัดพระธรรมกาย
ต้องเข้าถึงพระธรรมกาย
วัดพระธรรมกายแตกต่างจากวัดอื่นอย่างไร
วัดพระธรรมกายแตกต่างจากวัดอื่นตรงที่มีการศึกษาวิชชาธรรมกาย เราอย่าให้ชื่อ วัดพระธรรมกาย
เป็นชื่อลอยๆ เลย ชื่อวัดพระธรรมกาย ต้องแปลว่า
พระภิกษุสามเณรทุกรูปได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย ได้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระธรรมกาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวของตัวเอง เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนสหธรรมิกทั่วสังฆมณฑลและทั่วโลก
จนกระทั่งญาติโยมทั้งหลาย และเพื่อนร่วมโลก เพราะฉะนั้นวัดพระธรรมกายนี้จำเป็นจะต้องมีพระภิกษุสามเณรเข้าถึงพระธรรมกาย
เราทุกรูปทราบกันอย่างดีอยู่แล้วว่า
พระธรรมกายมีอยู่ในตัวของเรา วิธีการเราก็รู้อยู่แล้วว่าเราจะทำอย่างไร เหลือแต่ความเพียรกับความสม่ำเสมอเท่านั้น ไม่ทอดธุระ ต้องให้ความสำคัญต่อสิ่งนี้ให้มาก
จำพรรษาทั้งภายในภายนอก
พรรษาที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป
เพราะเราไม่อาจจะเรียกคืนมาได้ แต่วันนี้เป็นวันเข้าพรรษาวันแรก
หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกรูปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเพศสมณะที่สมบูรณ์
ให้ตั้งใจจำพรรษาทั้งภายนอกและภายใน
ภายนอกเราจำพรรษาตามขอบเขต ภายในจำพรรษาที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ รวมกับพระภายในที่ท่านอยู่จำพรรษา
สิ่งนี้หลวงพ่อได้บอกญาติโยมเอาไว้ในสภาธรรมกายสากล
ญาติโยมตื่นตัวไปแล้ว เหลือแต่ลูกเขตในที่ใกล้ชิดนี่แหละจะต้องทำให้กลั่นกล้ากว่าญาติโยมทั้งหลาย
เพราะเราคือหนึ่งในพระรัตนตรัย เป็นที่เคารพสักการะของมนุษย์ของเทวดาทั้งหลาย เพราะฉะนั้นต้องจำพรรษาทั้งภายนอกและภายใน
อย่าเข้าใกล้ข้าศึก
อย่าส่งใจไปที่อื่น
มีสิ่งที่ดึงใจเราออกไปเยอะ เพราะความคุ้นเคยกันกับสมาชิกภายใน เป็นอุบาสิกาก็มี อะไรต่างๆ
เหล่านี้ เราเลยมองข้ามความเป็นสมณะไป ช่องว่างของเรามันไม่มี
เราจึงเห็นเพื่อนสหธรรมิกบางท่านของเราพ่ายแพ้ในสมรภูมิของนักบวช เราไม่อยากจะให้เป็นอย่างนั้น
อยากจะให้ทุกรูปอยู่ด้วยกันแบบผู้ที่มีชัยชนะ ปลอดภัยจากภัยทั้งปวง แล้วก็เป็นสรณะ
ที่พึ่งที่ระลึกของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย นอกเหนือจากเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง
สิ่งอะไรที่เป็นข้าศึกต่อการกุศลและพรหมจรรย์
อย่าเข้าใกล้ อย่าประมาท เพราะเรายังไม่ชนะเขา
มีตัวอย่างให้ดูที่ผ่านมา
เป็นที่น่าเสียดายยิ่ง และผู้ที่เสียใจมากที่สุดก็คือหลวงพ่อนี่แหละ
เพราะอยากจะหอบเอาทุกๆ รูป กลับวงบุญพิเศษให้ได้ อยากให้ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายกัน
เหมือนอย่างในสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา
พรรษาแห่งการติวเข้ม
ปัจจุบันสังขารของหลวงพ่อก็ร่วงโรยไป
ผ่านกาลเวลามาได้ ๖๒ ปีเศษแล้ว สิ่งที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี ยังไม่สมหวังเลย
ได้แค่ศาสนวัตถุ ศาสนสถาน ศาสนบุคคลที่มากกว่าผู้ใดในโลกเท่านั้นเอง แต่ว่าวิชชาธรรมกายยังไม่ได้บังเกิดขึ้นในตัวของลูกๆ
ทุกรูป
การลาสิกขานั้น เฉพาะผู้ที่เขาจำเป็นเท่านั้น
ผู้ที่ลางานมาบวชเฉพาะในพรรษา และจะออกไปทำหน้าที่กองเสบียง เพราะเขามีความจำเป็น มีครอบครัว เขาลางานมา แต่ลูกไม่ได้มีภารกิจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
และมาบวชด้วยความสมัครใจ ด้วยหัวใจที่แน่วแน่ที่จะมาศึกษาวิชชาธรรมกายไปสู่ที่สุดแห่งธรรมไม่ควรลาสิกขา
ความเป็นพระต้องให้เพิ่มขึ้นทุกๆ วันตามเวลาที่ผ่านไป
ภารกิจในพรรษานี้ ก็คือภารกิจเกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติธรรมให้เข้มข้นขึ้น
เราอาจจะเรียกว่า “พรรษาแห่งการติวเข้ม”
ของการบำเพ็ญสมณธรรม ของการเจริญสมาธิภาวนา แต่ที่สำคัญก็คือ ให้เรามีจิตสำนึกว่า
เรามาบวชเพื่ออะไร เราได้บรรลุวัตถุประสงค์การบวชแล้วหรือยัง
ตรงนี้สำคัญมาก
วันนี้มีลูกที่เข้ามารับดวงแก้ว
๒ ประเภท ซึ่งหลวงพ่อก็ดีใจทั้ง ๒ ประเภทเลย
ประเภทหนึ่ง
สวดพระปาติโมกข์ได้ พรรษาเดียวก็สวดได้แล้ว นี่ก็ชื่นใจ พรรษาสูงๆ สวดได้ก็ชื่นใจอีก
ประเภทสอง
มีอยู่ประมาณ ๕๐ รูป ที่นั่งสมาธิไม่เคยขาดเลยทุกคืน
นี่ก็นำความปลื้มปีติยินดีมาให้กับหลวงพ่อ
และทำให้หลวงพ่อมีความหวังเกี่ยวกับเรื่องการทำวิชชาว่า
จะต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
ในไม่ช้า อาคารภาวนา ๖๐ ปี
หรืออาคารทำวิชชาคงจะไม่ร้าง การก่อสร้างถ้าเทียบกับสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา
ท่านทำแบบง่ายๆ เอาไม้มาตอกเป็นพื้น เป็นฝาผนัง ไม้ก็คือเศษไม้ ตอกๆ กันไป
เป็นฝาผนัง เป็นหลังคา แค่มีที่มุงที่บัง และก็มีมุ้งกันยุง อยู่กันไม่สบายหรอก แต่ท่านอยู่กันอย่างสบาย
มีความผาสุก ทำความเพียรกันกลางวัน ๖ ชั่วโมง กลางคืน ๖ ชั่วโมง ทุกวันไม่ขาดเลย ติดต่อกันมา
๒๐ กว่าปี
รู้ได้อย่างไร ๒๐ กว่าปี
รู้จากบทเทศน์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเราว่า ผู้เทศน์ไม่เคยไปแรมราตรีที่ไหนเลย
ได้สู้รบปรบมือกับพญามารมา ๒๐ กว่าปี เท่านั้นเดือน เท่านี้วัน ๒๐ กว่าปี
อยู่ในเสนาสนะที่เรียบง่าย ทั้งพระเดชพระคุณหลวงปู่ ทั้งลูกๆ นักรบกองทัพธรรมของท่าน
ซึ่งมีทั้งหญิงทั้งชาย ภิกษุ สามเณร และอุบาสิกา อยู่ทำความเพียรกันไป
อาคาร ๖๐ ปี หลวงพ่อเตรียมเอาไว้ให้ลูกๆ
ผู้มีบุญทุกรูปได้เข้าไปนั่งตรงนั้น เป็นความหวังของหลวงพ่อที่สร้างอาคารนี้ขึ้นมา
เพื่อให้ลูกได้เข้าไปทำวิชชา เพราะการทำวิชชาเป็นเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตของเรา
ไม่ทำได้ไหม ไม่ทำก็ได้ แต่ก็ไม่ชนะเขา ถ้าแพ้เขาก็เป็นเรื่องอันตราย มันจะทุกข์ทรมานกว่าในอบายภูมิ
ทุกข์ทรมานกว่าในมหานรก โลกันตนรก ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ความทุกข์ทรมานนิดๆ หน่อยๆ
ของกายมนุษย์หยาบ ถ้าไปเทียบกับความทุกข์ทรมานในมหานรก
ในโลกันตนรกนั้นเทียบกันไม่ได้ แต่ความทุกข์ทรมานในมหานรก ในโลกันตนรก
เมื่อเทียบกับความทุกข์ทรมานเมื่อแพ้เขาแล้วก็เทียบกันไม่ได้ มันมากมายมหาศาลทีเดียว
เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องทำวิชชาสู้รบปรบมือกับพญามาร
ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ
อีกประการหนึ่ง ในการสร้างอาคารภาวนาขึ้นมาอย่างแข็งแรงนี้
เพื่อเตรียมที่จะรองรับการกลับคืนมาทำวิชชาสู่โลกมนุษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่และทีมงานของท่าน
เหมือนอย่างในพุทธันดรที่ผ่านมา จะมีการลงมา ๒ รอบ อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากในพุทธันดรที่ผ่านมานั้นอายุมนุษย์ยืนเป็นหมื่นปี
มันก็ไม่ยากอะไร
ในการจะลงมาแต่ละครั้งนั้น อย่านึกว่าง่าย นึกว่าอยากจะลงตอนไหนก็ได้
ก็ไม่ใช่ พญามารกลัวกายมนุษย์ แต่ไม่กลัวกายทิพย์
เพราะฉะนั้นมันจะพยายามกีดขวางไม่ให้เรามามีกายมนุษย์ เพื่อสู้รบปรบมือกับพญามาร
การมามีกายมนุษย์ของเรานั้น
ไม่ใช่มาเพื่อใช้วิบากกรรมแบบมนุษย์ทั่วๆ ไปที่ไม่รู้ แต่เราลงมาเพื่อทำงาน เพื่อให้เป็นฐานทัพของพระนิพพาน
ลงมาซ้อนทำงานเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งมันเร็วแรงกว่าตอนเป็นกายทิพย์
ชาตินี้เรามาอยู่ในยุคที่มนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย
๗๕ ปี มันเสี่ยง ในการที่ชุดพระเดชพระคุณหลวงปู่จะลงมา เพราะเวลามันช่วงสั้นเหลือเกิน
จึงต้องรีบสร้างอาคารให้เสร็จ แล้วต้องรีบกวดขันลูกๆ
ของหลวงพ่อทุกรูปให้เข้าถึงวิชชาธรรมกายให้ได้ เพราะว่าถ้ามีผู้เข้าถึงน้อยกว่าร้อย
ถือว่าอันตรายมาก เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ง่ายเลยในการที่จะลงมา
ที่สร้างอาคารอย่างแข็งแรงเพื่อว่าลงมาแล้ว จะได้ไม่ต้องมาก่อสร้างกันอีก
ทำต่อกันไปเลย เหนื่อยทีเดียวจบกันไป
ถ้าเราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
ในการสร้างบารมี ได้หวนกลับคืนมาที่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ ยังไม่ทันได้อยู่
ก็ต้องลงมากันอีกแล้ว แต่การจะกลับไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษนี้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันว่า
เราจะกลับไปได้ไหม จะยืนยันได้ต่อเมื่อเราตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมกัน
มีธรรมะภายในให้ได้เข้าถึงพระธรรมกายในตัว อย่างน้อยก็ดวงใสๆ แต่ดีที่สุด
ปลอดภัยที่สุด ก็ต้องเข้าถึงพระธรรมกายในตัว
ขึ้นไปแล้วจะได้ลงมากัน และปัจจุบันนี้ เราจะได้ทำวิชชากันต่อกันไป
ต่อจากที่หลวงปู่ท่านทำเอาไว้ และจะได้สืบเนื่องกันเวลาที่ท่านกลับลงมาอีก
ยังแข็งแรง ให้ขยันนั่งธรรมะ
พรรษานี้เป็นพรรษาแห่งการติวเข้ม
ลูกทุกรูปจะต้องร่วมมือกับหลวงพ่อ คือ ให้ความร่วมมือโดยการจำพรรษาทั้งภายนอกและภายในตัวของเรานะลูกนะ จะต้องทำตรงนี้ อย่าให้เรื่องใดๆ มาเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงธรรมในพรรษานี้
ลูกทุกรูปยังอยู่ในวัยที่แข็งแรง
ยังมีโรคน้อย กำลังวังชายังมีอยู่ อย่าให้ความแข็งแรง หรือความมีโรคน้อยนี้ผ่านไป
ถ้าลูกอายุมากถึงขนาดหลวงพ่ออย่างนี้ จะเสียดายกาลเวลาที่ผ่านมาว่า ตอนที่เราแข็งแรงอยู่
เราไม่ได้ใช้ความแข็งแรงนั้นทำความเพียรให้เต็มที่
และเราก็ไม่สามารถเรียกความแข็งแรง ความสดชื่นของร่างกาย ความปลอดกังวลต่างๆ
หวนกลับคืนมาได้ ยิ่งอายุมากขึ้น ความเสื่อมสังขารเกิดขึ้น ภารกิจก็มากขึ้นอีก
โอกาสที่จะทำความละเอียดก็จะลดน้อยลง นี่คือสิ่งที่ลูกทุกรูปที่ยังอยู่ในวัยแข็งแรงพึงระลึกนึกถึงเสมอ
สมัยหลวงพ่อยังอยู่ในวัยหนุ่ม
คุณยายของเรายังมีชีวิตอยู่ ท่านพร่ำเตือน อบรม สั่งสอนว่า ท่านรีบหาเวลานั่งสมาธิเถอะ
อย่าไปทำอะไรให้มันเยอะแยะเลย ให้คนอื่นเขาทำบ้าง เดี๋ยวสังขารท่านจะไม่ไหวนะ
ให้ทำเสียก่อนที่สังขารจะไม่ไหว
ตอนนั้น หลวงพ่อก็ไม่เข้าใจ กับมีผังงานเดิมที่จะต้องขยายงานอย่างนี้
ก็ต้องทำ และในที่สุดก็เป็นความจริงอย่างที่ยายท่านพูด เห็นไหม ขาหลวงพ่ออยู่ๆ
มันก็เป็น ตอนออกกำลังกาย กำลังเดินอยู่ มันก็เป็นขึ้นมา ก็นึกว่าเป็นอาการตึงธรรมดาเท่านั้นเอง
จึงมองข้ามไป และในที่สุดตึงธรรมดาก็มาเป็นอย่างที่เราเห็นนี่แหละ เป็นอยู่หลายปี
แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นนะ
เวลาที่หลวงพ่อนั่งสมาธิ ไม่เคยได้คู้ขาเลย
เพราะมันคู้เข้ามาไม่ได้ คุกเข่าก็ไม่ได้ ขัดสมาธิไม่ได้ด้วย ได้แต่เหยียดขา
ทุกวันนี้นั่งโดยการเหยียดขา ลูกอย่าให้ถึงตรงนี้เลยนะ
ไปทำความเพียรกันให้ดี
ในขณะที่ร่างกายเรายังแข็งแรง ตั้งใจให้ดีนะลูกนะ
ปฏิบัติธรรมะให้เข้าถึงพระธรรมกายกันให้ได้ แล้วลูกจะเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลก
เมื่อเราเข้าถึง เราจะพึ่งตัวเองได้
เราจะรู้จักว่า ตัวเราเองเป็นอย่างไร เมื่อหาตัวเราเองไม่พบ
แล้วเราจะพึ่งตัวของเราเองได้อย่างไร ถ้าเราหวังจะไปพึ่งคนอื่นมันเหลวทั้งนั้น
ใครก็เป็นที่พึ่งของเราไม่ได้ นอกจากตัวของเราเอง จะรู้จักตัวของเราเอง และพึ่งตัวของเราเองได้
ต่อเมื่อใจหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เท่านั้น ที่อื่นไม่ใช่ นี่คือสิ่งที่ลูกจะต้องจำเอาไว้สำหรับพรรษานี้
บทสรุป
วันนี้เป็นวันดี
วันเริ่มต้นในการเข้าพรรษา เรามาประชุมพร้อมกัน ได้ยินได้ฟังทั่วถึงกันแล้ว
>> ขอให้ลูกทุกคนขวนขวายในการที่จะทำความเพียร
เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้
>> ในทุกหนทุกแห่ง
สิ่งใดที่เป็นข้าศึกต่อการกุศลและพรหมจรรย์พึงห่างไกล อย่าประมาท
อย่าให้โอกาสไอ้ดำมันแทรก มันสอดได้
>> ให้เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย
และกฎเกณฑ์ต่างๆ ของหมู่คณะ
>> ต้องรักสามัคคีกัน
เกื้อกูลกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
การให้กำลังใจซึ่งกันและกันนี้
จะมีอานิสงส์ คือ ทำให้เราเป็นผู้มีกำลังใจอันสูงส่ง
ที่ไม่มีใครมาตัดรอนกำลังใจเราได้ และจะเป็นที่รักของเพื่อนสหธรรมิก
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกื้อหนุนโดยการทำให้เราได้เข้าถึงพระธรรมกาย
และได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย ได้สมหวังดังใจอย่างที่เราตั้งใจมาบวชกันในคราวนี้
หลวงพ่ออำนวยพร
วันนี้ หลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการในความตั้งใจดีของลูกๆ
ทุกรูปที่ได้เข้ามาบวชในร่มเงาพุทธศาสนา และมาอยู่ร่วมกันที่วัดพระธรรมกาย อีกทั้งได้อุทิศตนทำงานพระศาสนาอย่างดีกันทุกๆ
รูป
ที่เป็นนักศึกษาก็ตั้งใจศึกษา
ที่เป็นครูก็ตั้งใจสอน เป็นพี่เลี้ยงก็ตั้งใจเป็นพี่เลี้ยงที่ดี เป็นพระอาจารย์ที่ดี
แล้วทุกๆ ภารกิจ ไม่ว่าภารกิจอะไรก็ตาม ที่ลูกทุกคนได้ทำเอาไว้ หลวงพ่อก็ขออนุโมทนาสาธุการ
และขออำนวยพร
ด้วยอานุภาพแห่งบุญบารมีของพระนิพพาน
พระต้นธาตุต้นธรรม พระเจ้าจักรพรรดิ หลวงปู่วัดปากน้ำ คุณยายอาจารย์ และบุญบารมี ๓๐
ทัศ ที่ลูกได้บำเพ็ญมาก็ดี มหาปูชนียาจารย์ทุกรูปรวมมาหมด
ให้มาอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ให้กลั่นกาย วาจา
ใจ ธาตุธรรม เห็น จำ คิดรู้ ให้ลูกทุกคนสะอาด บริสุทธิ์ ให้หลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร
วิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์ วิบากกรรม วิบากมาร อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต ทุกข์ โศก
โรคภัยทั้งหลายให้ละลายหายสูญไปให้หมด ให้กาย วาจา ใจของลูกให้สะอาด ให้บริสุทธิ์
ให้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รองรับวิชชาธรรมกาย
ให้พรรษานี้
ลูกจงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อย่าเจ็บ อย่าป่วย อย่าไข้ ให้ปลอดกังวลจากสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการกุศลและพรหมจรรย์
ให้ลูกฝึกใจได้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระธรรมกายอย่างถูกต้องร่องรอย
ตรงไปตามความเป็นจริง ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ทุกวันทุกคืน ทุกเวลาจงทุกประการเทอญ
เรื่อง : พรรษาแห่งการติวเข้ม
โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
ผู้ฟัง : พระภิกษุ สามเณร
สถานที่ : อุโบสถวัดพระธรรมกาย จ. ปทุมธานี
ในโอกาส : เข้าพรรษา
เมื่อ: วันอังคารที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
เวลา: ๙.๐๐ – ๑๐.๓๐ น.
วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2565