วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในชีวิตสมณะ
คือ เป็นวันที่เราพร้อมใจกันมาอธิษฐานจิตที่จะอยู่จำพรรษาร่วมกัน ในขอบเขตที่กำหนดเอาไว้ตามพระวินัย
ซึ่งเราก็ปฏิบัติอย่างนี้ต่อเนื่องกันมาทุกปี ที่ต้องอยู่จำพรรษาร่วมกัน เพราะว่าเป็นฤดูฝน ไม่เหมาะในการที่จะปลีกวิเวกไปเดินธุดงค์เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม
ดินอากาศฟ้าไม่อำนวย
ชีวิตอันสูงสุด
เมื่อเราตั้งจิตอธิษฐานที่จะอยู่จำพรรษาร่วมกันแล้ว
ก็ให้ตั้งใจทำให้ถูกหลักวิชชา ถูกวัตถุประสงค์ของการมาบวช คือ จะต้องใช้ทุกอนุวินาทีที่มีอยู่ในพรรษานี้
ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตสมณะ คือ การทำพระนิพพานให้แจ้ง ขจัดกิเลสอาสวะที่มีอยู่ให้หมดสิ้นไป
ให้เหลือแต่จิตที่บริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวง
ชีวิตสมณะเป็นชีวิตอันสูงสุด
เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยาก ต้องมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็มีการสืบทอดต่อกันมาจากพระมหาเถรานุเถระทั้งหลายกระทั่งมาถึงตัวเรา
ซึ่งเราก็ได้ศึกษาเรียนรู้กันดีอยู่แล้วว่า กว่าจะมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้น
ท่านต้องสละทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งทรัพย์ อวัยวะ และชีวิตมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
อย่างน้อยก็ ๒๐ อสงไขยเศษแสนมหากัป ที่เรียกว่าปัญญาธิกพุทธเจ้า เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้
ท่านก็อยู่ในประเภทนี้ กว่าจะมีพระศาสนาเกิดขึ้นได้ ต้องมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งยากนักยากหนาทีเดียว
เพศสมณะนี้เฉพาะผู้มีบุญ แม้พระเจ้าจักรพรรดิ มีบารมีมาก ปกครองโลกและทวีปทั้ง
๔ ได้ ด้วยศีลธรรม แต่ก็มีความบริสุทธิ์ได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ศีล ๕
ก็ยังตั้งความปรารถนาที่จะออกบวช
ยกตัวอย่าง ในยุคหน้าที่จะถึงนี้
พระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ ที่จะออกบวชในยุคพระศรีอริยเมตไตรย
พระองค์ปกครองทวีปทั้ง ๔ ให้มนุษย์ทั้งหลายมีศีลมีธรรม
แต่ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นท่านจึงทิ้งทุกอย่างแล้วออกบวช เพื่อแสวงหาโมกขธรรม ธรรมที่จะทำให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ
เพราะเพศสมณะเป็นเพศภาวะอันสูงสุด
เป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของผู้รู้ ของผู้มีดวงปัญญา ของผู้มีบารมี และไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิเฉพาะในโลกนี้ในยุคหน้าเท่านั้น
แม้ในโลกอื่นๆ พระเจ้าจักรพรรดิก็ยังออกบวช แม้พสกนิกร บริษัท บริวารทั้ง ๔
ทวีปก็ออกบวชตามมากมาย แต่มันอยู่นอกตำรับตำรา
เพศสมณะจึงเป็นเพศภาวะอันสูงสุด
เฉพาะผู้ที่มีบุญ มีบารมี มีดวงปัญญา ถึงปรารถนาแล้วก็บวชได้ และมนุษย์เท่านั้นที่บวชได้
เป็นเทวดา พรหม อรูปพรหมก็บวชไม่ได้
ลูกทั้งหลายมีบุญสมบัติดังกล่าวแล้ว
เป็นมนุษย์ มีบุญบารมี มีดวงปัญญา ตัดสินใจว่าเพศนี้เป็นเพศภาวะอันสูงสุด เป็นสิ่งที่ดีกว่าดีที่สุดในทุกเพศภาวะ จึงได้ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง แล้วก็ออกบวชตามรอยบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้
ซึ่งแม้มีสมบัติจักรพรรดิรออยู่ตรงหน้า อีกทั้งเกิดในตระกูลขัตติยะ ตระกูลกษัตริย์
แต่ท่านก็ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง แล้วออกบวช เพราะเห็นว่า ชีวิตเป็นทุกข์ ทุกข์จากความแก่
เจ็บ ตาย เป็นต้น จะพ้นทุกข์ได้ต้องดับกิเลสให้ได้จึงออกบวช
ลูกทั้งหลายกำลังเดินรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่
เมื่อเราอยู่ในเพศภาวะนี้แล้ว ในพรรษานี้เป็นฤดูกาลที่เหมาะสม
ไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป เหมาะในการบำเพ็ญสมณธรรมเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งร่างกายยังแข็งแรงอยู่
ยังประกอบความเพียรได้เต็มที่ และความตายก็ไม่มีนิมิตหมาย จะตายเวลาไหน ยามไหน
เดือนไหนก็ไม่ทราบ จึงไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต เพราะเรามีความพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว
ธรรมของสมณะ
นับจากวันนี้เป็นต้นไป ที่ได้อธิษฐานจิตจะอยู่จำพรรษาตลอดไตรมาสนี้ อย่าอยู่ไปอย่างนั้นๆ
ให้มันหมดพรรษาไป มีพรรษาเพิ่มขึ้นแค่นั้น
ธรรมของสมณะ คือ ข้อปฏิบัติสำหรับผู้บวช
ต้องรักษากาย วาจา ใจ ให้สะอาด บริสุทธิ์ ด้วยการฝึกใจให้หยุดนิ่ง
ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ให้ใช้ทุกอนุวินาทีของทุกวันบำเพ็ญสมณธรรม
เราทราบดีว่า ที่ตั้งของใจที่แท้จริงอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ อยู่ในกลางท้องกลางกายของเรา เอาใจมาหยุดมานิ่งอยู่ตรงนี้ให้ได้ตลอดเวลาในทุกอิริยาบถ
ทุกกิจวัตร ทุกกิจกรรม ให้แต่ละอนุวินาทีนี้สั่งสมแต่กระแสธาตุแห่งความบริสุทธิที่เกิดจากใจหยุดใจนิ่ง
ความรู้ภายใน
ใจหยุดอยู่ภายในเท่านั้น
ความบริสุทธิ์ที่แท้จริงจึงจะบังเกิดขึ้นได้ ในระดับที่เห็นความบริสุทธิ์ว่ามีลักษณะอย่างไร
มีอาการอย่างไร
พอใจหยุดถูกส่วนเข้า
มันก็จะตกศูนย์เข้าไปสู่ภายใน แล้วมีดวงธรรมลอยขึ้นมา ปรากฏเป็นดวงใสๆ อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ
ดวงดาวบนท้องฟ้า อย่างกลางขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันหรือใหญ่กว่านี้
ที่มาพร้อมกับความสุข ความบริสุทธิ์ ที่เราสัมผัสได้ว่ามันแตกต่างจากที่เราเคยเข้าใจว่ามันเป็นความสุข
ซึ่งถ้าเอามาเทียบกันแล้ว นั่นแค่ความสนุก ความเพลิน แต่ดับทุกข์ไม่ได้
แต่สุขนี้ที่เกิดจากความบริสุทธิ์เมื่อใจหยุดนิ่งอยู่ภายใน
เห็นเป็นดวงชัดใสแจ่มกระจ่างอยู่กลางกาย ในทุกอิริยาบถ ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน กิน
ดื่ม พูด คิด ก็เห็นชัดใสแจ่มกระจ่างเลย ถ้าเป็นไปได้อย่างนี้ ชีวิตสมณะของเราจึงจะถูกหลักวิชชา
การมาบวชในคราวนี้เราก็จะสมปรารถนา
ดวงสว่างที่เกิดขึ้นเรียกว่า
ดวงปฐมมรรค คือ ปากทางเบื้องต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพานที่พญามารกันนักกันหนา
ไม่ให้ใจของเรามาหยุดมานิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ให้ใจเรากระเจิดกระเจิงมาติดกับสิ่งภายนอก
ติดกับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ติดกับคน สัตว์ สิ่งของ
ความสนุกสนานเฮฮา ความเพลิดเพลิน เพราะกลัวมนุษย์จะหยุดนิ่งได้ เพราะถ้าใจหยุดนิ่งได้
ธรรมก็เกิดขึ้นเป็นดวงใสๆ ดังกล่าว เป็นประดุจปากประตูของพระนิพพาน
ความรู้สึกว่า เราเป็นนักบวชก็เพิ่มขึ้น
เมื่อใจเราหยุดนิ่ง เห็นแสงสว่าง เห็นดวงใสๆ มีความสุข ปีติสุข หล่อเลี้ยงใจ
ชักนำให้ใจของเราดื่มด่ำเข้าไปสู่ภายใน อยากหยุด อยากนิ่ง อยากดิ่งไม่ยั้ง เพราะว่ามีสิ่งที่ดึงดูดให้เราเข้าไปศึกษาเรียนรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตอีกมากมาย
ใจอยากจะอยู่ที่ตรงนี้ เมื่อเราหยุดนิ่งได้
จะดิ่งเข้าไปจนกระทั่งไปถึงดวงในดวง กายในกายเข้าไปเรื่อยๆ จะเห็นดวงธรรมต่างๆ ผุดซ้อนขึ้นมา
กระทั่งเห็นกายต่างๆ ผุดซ้อนขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ใจจะล่อนเป็นชั้นๆ เข้าไป
เมื่อใจล่อน กายก็ล่อนเข้าไปถึงกายภายใน
ตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม กระทั่งเข้าไปถึงกายธรรมโคตรภูภายใน
เข้าถึงพระธรรมกายภายใน ความรู้สึกว่า เราเป็นพระก็สมบูรณ์ขึ้น คือ เป็นพระนอกและพระใน
ข้างนอกเราครองผ้ากาสาวพัสตร์ ข้างในเราเป็นพระธรรมกาย ความรู้สึกว่าเราเป็นแหล่งแห่งเนื้อนาบุญก็เพิ่มขึ้น
ความสุข ความบริสุทธิ์ก็เพิ่มขึ้น
จักขุก็เกิดขึ้น ธัมมจักขุ
การเห็นรอบตัวก็เกิดขึ้นมา ญาณหยั่งรู้ เห็นถึงไหนก็รู้แจ้งไปถึงนั่นก็เกิดขึ้น ปัญญา
ความเข้าใจเรื่องราว ความรอบรู้บังเกิดขึ้น วิชชา แสงสว่าง วิชชาก็ตั้งแต่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
การระลึกชาติหนหลังได้ก็บังเกิดขึ้นกับเรา จุตูปปาตญาณ การเห็นภพภูมิต่างๆ
เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของเราและสรรพสัตว์ทั้งหลายได้
ความแจ่มแจ้งก็ชัดเจนว่า ชีวิตที่แท้จริงทั้งหลายที่ผ่านๆ
มานั้น พญามารเอากิเลสมาบังคับให้เราสร้างกรรมทางกาย ทางวาจา ทางใจ
แล้วเก็บผลแห่งการกระทำนั้นไปเป็นวิบากกรรม
และให้เราไปเสวยความทุกข์ทรมานเป็นอะไรต่างๆ มนุษย์บ้าง สัตว์บ้าง ไปตกนรกบ้าง
ดังนั้น
ก็เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของตัวเราและผู้อื่นได้ว่า เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ ซากๆ
มานับภพนับชาติไม่ถ้วน เมื่อเห็นแจ่มแจ้งด้วยธัมมจักขุของพระธรรมกาย มีญาณทัสสนะเกิดขึ้น
แล้วปัญญา วิชชา แสงสว่างก็เกิดขึ้น ความเบื่อหน่ายที่จะเวียนว่ายตายเกิดแบบนี้
แบบผู้ไม่รู้ แบบผู้ที่ถูกบังคับให้สร้างกรรมแล้วก็มีวิบากกรรม
เราไม่อยากจะเกิดแบบนี้
สำหรับ สายภาคโปรด ก็อยากจะดับกิเลสอาสวะ ก็จะดิ่งศึกษาวิชชาต่อไปว่า
อะไรเป็นบ่อเกิดให้เกิดสิ่งนี้ ที่เห็นว่ากิเลสอาสวะทั้งหลาย เช่น ความโลภ
ความโกรธ ความหลง เป็นต้น ที่พญามารเอามาใส่ จะต้องแก้กิเลสตรงนี้ให้ได้ ก็จะหยุดนิ่งต่อไปเรื่อยๆ
ไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
หยุดนิ่งอย่างเดียว จนกระทั่งตกศูนย์หลุดเข้าไป
จากกายธรรมโคตรภูก็เป็นกายธรรมพระโสดาบัน หน้าตัก ๕ วา สูง ๕ วา ไปเรื่อยๆ
เป็นพระสกิทาคามี เป็นพระอนาคามี และเป็นพระอรหันต์ เข้าถึงกายธรรมอรหัตผล หน้าตัก
๒๐ วา สูง ๒๐ วา เกตุดอกบัวตูม ดับขันธ์ทั้งหลายที่จะรองรับให้เห็นจำคิดรู้ทั้งหลายบังเกิด
ประกอบเป็นกายขึ้นมา ดับหมด ตกศูนย์เข้าสู่อายตนนิพพาน สายภาคโปรดก็จะไปอย่างนี้
ถ้าสายภาคปราบ ก็จะมุ่งเข้าไปหาแหล่งที่บังคับบัญชาที่สร้างกิเลสเข้ามาบังคับให้สร้างกรรม
แล้วมีวิบากกรรมรองรับ ก็จะสาวไปถึงต้นเหตุยิ่งกว่านั้นเข้าไปอีก
แล้วจะไปดับที่เหตุเข้าไปเรื่อยๆ อย่างนี้ จนกว่าจะถึงที่สุด
ซึ่งผู้ที่จะประกอบก็จะคุ้นเคยกับคำว่า ที่สุดแห่งธรรม คือ ต้องค้นวิชชาเข้าไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งสามารถแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาบังคับบัญชาได้
กระทั่งหลุดหมดจากสิ่งที่เขาบังคับบัญชาทั้งหมด แล้วก็ไปถึงที่สุดนั่นเลย
เพราะฉะนั้น หยุดจึงเป็นตัวสำเร็จที่พระเดชพระคุณหลวงปู่
พระผู้ปราบมาร ท่านได้กล่าวเอาไว้ให้เราได้บรรลุธรรมดังกล่าว
ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานของชีวิต เข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะ แล้วมีความรู้แจ้ง
เห็นแจ้ง แทงตลอดในธรรมทั้งปวง ในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย
ดังนั้น พรรษานี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ที่ลูกๆ ทั้งหลายได้อธิษฐานจิตอยู่จำพรรษา จงกระทำให้เกิดประโยชน์อันสูงสุดนี้เทอญ
ให้ใช้ทุกอนุวินาทีที่เรายังแข็งแรง
ให้ประกอบความเพียรให้เต็มที่ โดยไม่มีข้อแม้ ข้ออ้าง หรือเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ว่าติดกิจกรรมโน้น กิจกรรมนี้ เพราะการทำความเพียรภายใน
สามารถควบคู่กับทุกกิจวัตรกิจกรรมทั้งภายในวัดนอกวัดและในทุกหนทุกแห่ง ภารกิจหยาบเราก็ทำไป
ภารกิจละเอียดก็ต้องทำไปด้วย ให้สำเร็จทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
การบวชนี้จึงจะคุ้มสมปรารถนาที่เราตั้งใจมาแล้วด้วยดี
วันนี้เป็นวันที่สำคัญ ถ้าเราเริ่มต้นวันนี้ให้เป็นวันที่ดี
ให้ถูกหลักวิชชา อย่างมุ่งมั่นตั้งใจทุกอนุวินาทีตลอดพรรษานี้ กระแสธารแห่งความสุข
แห่งความบริสุทธิ์ก็จะบังเกิดขึ้นกับลูกทุกรูป เมื่อกระแสแห่งความบริสุทธิ์
กระแสธารแห่งบุญจากทุกรูปมารวมกันก็จะเกิดพลัง เกิดอานุภาพที่จะดึงดูดสิ่งดีๆ
ให้บังเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา กับผู้อื่น กับโลกใบนี้ และทุกหนทุกแห่ง เพราะฉะนั้นขอให้ลูกทุกรูปจงใช้ทุกอนุวินาทีให้เป็นไปอย่างนี้
หลวงพ่ออำนวยพร
วันนี้ หลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการ และขออำนวยพรให้ลูกทุกรูปจงมีบุญเยอะๆ
มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง อย่าเจ็บ อย่าป่วย อย่าไข้ ให้อายุขัยยืนยาว ได้สร้างบารมีไปนานๆ
ให้ปลอดจากสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการกุศลและการประพฤติพรหมจรรย์ ให้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย
มีรู้มีญาณแม่นยำ ถูกต้องร่องรอยตรงไปตามความเป็นจริงทุกประการ
เรื่อง : ชีวิตอันสูงสุด
โดย : พระเทพญาณมหามุนี
(หลวงพ่อธัมมชโย)
ผู้ฟัง : พระภิกษุ สามเณร
สถานที่ : อุโบสถ ณ วัดพระธรรมกาย จ. ปทุมธานี
ในโอกาส : พิธีมหาปวารณาวันเข้าพรรษา
เมื่อ : วันศุกร์ที่
๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เวลา : ๑๕.๐๐ - ๑๖.๐๐
น.
วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2565