ร่างกายเป็นรังแห่งโรค
พรรษาที่ ๓๒ ของหลวงพ่อปีนี้
แตกต่างจากที่ลูกพระลูกเณรได้เห็นกัน เพราะว่าไม่เคยมานั่งอยู่ในสภาพอย่างนี้ในท่ามกลางสงฆ์
เพราะว่าเป็นสภาพที่ไม่เหมาะ แต่ร่างกายถูกบังคับให้ต้องทำอย่างนี้ หมอสั่งให้หลวงพ่อเอาขาข้างที่เป็นยกสูงๆ
เอาไว้ เพราะเส้นเลือดอุดตัน เวลาไหลลงไปแล้วมันขึ้นยาก ถ้าหากอยู่ในอิริยาบถอย่างนี้
ขาไม่แข็งมาก ไม่ตึงมาก นับตั้งแต่ป่วยวันแรกเกี่ยวกับขานี้ มาถึงวันนี้เกือบ ๔ เดือน
ถึงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ๔ เดือนเต็ม ขาดีขึ้นมาเรื่อยๆ ในตอนแรกที่เป็น ไม่ได้คิดว่าจะร้ายแรงอะไร
เพราะไม่รู้จักโรคที่เกิดขึ้น
หลวงพ่อมีโรคประจำเรื่องเบาหวานเป็นหลัก
พอเป็นแล้วเห็นคุณหมอหลายๆ ท่านเป็นห่วงกัน แต่ตัวเองไม่ได้กังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บเท่าไร
นอกจากรำคาญว่า ทำอะไรไม่สะดวกเหมือนที่เคยทำ
แนะนำกันหลายวิธีทั้งไทย จีน ฝรั่ง ตะวันตก ตะวันออก รวมกันหมดเลย แต่หลวงพ่อก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเป็นโรคที่ร้ายแรง
ร้ายแรงในระดับที่ต้องตัดขาทีเดียว เพิ่งมารู้ภายหลัง ตอนแรกเขาไม่ได้บอกอะไร เลยไม่ได้ตื่นเต้น
ตกใจ ก็พยายามทำกิจในการสร้างบารมีต่อไป เท่าที่สังขารจะอำนวย บางครั้งทำได้มาก
บางครั้งทำได้น้อย แต่ที่ไม่ได้ทำเลยไม่มี
ดังนั้น วันนี้จึงจำเป็นต้องเล่าให้ลูกๆ
ทั้งหลายได้รับทราบเอาไว้ ที่หลวงพ่ออยู่ในสภาพอย่างนี้ เพราะความจำเป็นมันบังคับ
ขาข้างหนึ่งต้องมีอะไรมารองเท้า แต่อีกข้างหนึ่งเป็นปกติ แต่คิดว่าไม่ช้าก็คงจะหายแล้ว
ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เหลืออีกประมาณห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นก็คงจะดีขึ้นเป็นปกติที่จะปฏิบัติภารกิจอะไรต่างๆ
ให้ดีเหมือนเดิมได้
พรรษามหาบูชา
พรรษานี้ก็เช่นเดียวกับพรรษาก่อนๆ
ที่หลวงพ่อเคยให้โอวาทเอาไว้ จะแตกต่างก็คือ พรรษานี้ชื่อว่า “พรรษามหาบูชา”
คำว่า “มหาบูชา” คือ การบูชาที่ยิ่งใหญ่
ตั้งแต่บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระทั่งบูชาครูบาอาจารย์ของเรา คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร กับบูชาคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์
ขนนกยูง ที่ได้สืบทอดและถ่ายทอดวิชชาธรรมกายมาถึงพวกเรานี้
ทั้งสองท่านนี้ เป็นผู้มีคุณูปการกับพวกเราและชาวโลกอย่างมาก
เราจะตอบแทนพระคุณท่านอย่างไรถึงจะให้หมดสิ้นไปได้ ก็มีวิธีการ ท่านเป็นประดุจพ่อแม่
ถ้าจะจับท่านนั่งบนบ่าบนไหล่ให้ถ่ายปัสสาวะอุจจาระสักกี่โกฏิ กี่กัป มันก็ไม่หมด
ต้องบูชาท่านด้วยการบูชาอันยิ่งใหญ่
ทำสิ่งที่ท่านชอบ ถูกใจท่าน ถ้าทำสิ่งที่ท่านชอบแล้ว
ถูกใจท่าน อย่างนั้นจึงจะได้ชื่อว่า บูชาท่าน จนกระทั่งเป็นส่วนใหญ่ในการที่จะตอบแทนพระคุณท่าน สิ่งที่ท่านชอบที่เป็นหลักๆ ก็มี ๒ อย่าง คือ ปฏิบัติบูชากับอามิสบูชา
พระคุณของหลวงปู่ฯ
และคุณยายอาจารย์
ท่านทั้งสอง โดยเฉพาะท่านแรก
คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ ท่านบังเกิดขึ้นมาเพื่อจะรื้อฟื้นคำสอนดั้งเดิมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่สูญหายไปหลังจากพุทธปรินิพพานแล้วได้ ๕๐๐ ปี แล้วหลงเหลือคำสอนซึ่งเป็นหลักของพระศาสนาปรากฏไว้ในพระคัมภีร์ต่างๆ
ในพระพุทธศาสนาทุกนิกาย อย่างที่ลูกทั้งหลายรับทราบกันแล้ว
ถ้าไม่มีท่าน เราจะไม่รู้จักคำว่า
ธรรมกาย เลยว่า มีลักษณะอย่างไร อยู่ที่ไหน
จะเข้าถึงได้อย่างไร วิธีปฏิบัติที่จะเข้าถึง เราไม่รู้เลย เราจะไม่รู้จัก ศูนย์กลางกาย ซึ่งเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่น
และทางไปสู่มรรคผลนิพพาน
ถ้าเราไม่รู้จักแล้ว
อันตรายไหม อันตราย อันตรายตรงที่เราไม่สามารถที่จะดำเนินชีวิตให้ปลอดภัยจากอบาย
ภัยในสังสารวัฏได้ แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้เราจะไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป
มีนิพพานเป็นเป้าหมาย เราจะไม่มีวันรู้จักเลย นี่คือสิ่งที่สำคัญ
ยิ่งเราบวชมาอย่างนี้
พระอุปัชฌาย์ท่านก็สอนเราให้เข้าใจความหมายของการบวชว่ามีเพียงประการเดียว คือ การทำพระนิพพานให้แจ้ง
แต่พระอุปัชฌาย์ไม่ได้บอกว่า ทำอย่างไรจึงจะแจ้ง มีแต่บอกให้บำเพ็ญกัมมัฏฐาน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ และจะไปกันอย่างไร ถึงจะทำพระนิพพานให้แจ้ง
ไม่มีใครทราบเลย จนกระทั่งหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญท่านค้นพบขึ้นมา
คำว่า “ทำพระนิพพานให้แจ้ง” เราจะรู้สึกมีหวังว่า สักวันหนึ่ง
เราจะต้องทำให้แจ้ง เพราะผู้ที่ทำให้แจ้งนั้น ท่านมาบอกวิธีการว่า ทำอย่างนี้จึงจะแจ้ง
และเป็นผู้ที่มาบอกที่อยู่ในยุคของเรา แม้เราจะมาไม่ทัน แต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเราทัน
และโดยเฉพาะสืบทอดมาที่คุณยายอาจารย์ฯ ของเรา ก็จะทำให้เรานี้มีความหวัง
มนุษย์อยู่ได้ด้วยความหวัง
หวังว่าสักวันหนึ่งจะรวย จะมั่งมีศรีสุข ความหวังอย่างนั้นทำให้มนุษย์อยากมีชีวิตอยู่
เพื่อว่าจะพบสิ่งที่หวังสักวันหนึ่ง เรานักบวชก็ยิ่งมีความหวัง ว่าบวชในคราวนี้ไม่ว่าจะช่วงสั้นหรือช่วงยาวก็ตาม
การทำพระนิพพานให้แจ้งอยู่ในวิสัยของเรา อยู่ในกำมือของเรา เราสามารถครอบครองและเข้าไปถึงตรงนี้ได้
เพราะว่าท่านผู้รู้ได้บอกวิธีการเอาไว้แล้ว
ท่านผู้สืบทอด
คือ คุณยายอาจารย์ฯ ของเรา ท่านก็ตอกย้ำหนักเข้าไปอีกว่า การทำพระนิพพานให้แจ้ง
มนุษย์ทุกคนสามารถทำได้ เข้าถึงได้ ถ้าทำถูกหลักวิชชา ถูกวิธีการ ท่านเป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชา
เพราะถ้าเราไม่รู้วิธีการนี้ บวชก็ซังกะตาย ไม่มีทิศทาง ไม่มีเป้าหมาย
ผู้ที่บวชแบบไม่มีเป้าหมาย
เป็นอันตรายต่อพระศาสนา เพราะจะแสวงหาทางด้วยตนเอง ลองผิดลองถูกกัน ที่ลองจนถูกมีน้อย ลองผิดนี่เยอะ
เมื่อลองผิดมีเยอะ มันก็อันตรายต่อศาสนา ต่อตัวของเราเอง ต่อหมู่คณะ และทำให้อาจจะเกิดมิจฉาทิฐิ
ความคิดที่ผิดได้ว่า นิพพานมีไม่จริง นรกสวรรค์มีไม่จริง เขียนขึ้นแล้วเล่าสู่กันฟังเพื่อหลอกให้กลัวบาป
หลอกให้สร้างความดี ความนึกคิดมีโอกาสพลัดไปสู่มิจฉาทิฐิได้
เพราะฉะนั้น เราลองนึกดูว่า
ท่านเป็นบุคคลที่ควรบูชาไหม ถ้าเราปฏิบัติผิด ไม่ถูกเพราะไม่มีผู้รู้มาแนะนำ เวลาพลัดไปสู่อบายมันทุกข์ทรมานยาวนานนะลูกนะ
ยาวนานเป็นล้านๆ ปีในเมืองมนุษย์ เป็นกัป เป็นมหากัป หมายความว่า พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในโลกนี้หลายพระองค์แล้ว
แต่เรายังอยู่ในอบายภูมิ กว่าจะพ้นจากนรก มาสู่อสุรกาย มาสู่เปรตอีกยาวนาน
ยกตัวอย่าง เปรตญาติของพระเจ้าพิมพิสารนี่ยาวถึง
๙๓ กัป อายุยาวนานมาก กว่าจะมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วก็อีกยาวนาน ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะพ้นจาก uniform ของสัตว์เดรัจฉาน
และกลับมาเป็นมนุษย์ที่ทุกข์ยากลำบาก สิ่งแวดล้อมก็ไม่ค่อยดี เราจะต้องแสวงหาความอยู่รอดด้วยการเอาตัวรอด
ไม่ว่าด้วยเล่ห์ ด้วยกล ด้วยมนตร์ หรือคาถา หรือจะคดจะโกงอย่างไรก็เอา เพื่อความอยู่รอด
ผลก็คือ เราก็พลัดลงไปในอบายภูมิอีกแล้ว อีกยาวนานกว่าจะกลับขึ้นมา
ในนรกไม่มีที่ว่างเว้นต่อความทุกข์ทรมานเลย
มันต่อเนื่องตลอดเวลา ทุกอนุวินาทีร้อนทั้งกาย ทั้งใจ ตายแล้วเกิดอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา
นี่คืออันตราย
เมื่อมีผู้รู้อย่างพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ ท่านค้นพบสิ่งที่จะทำให้เราคิดถูกต้อง พูดถูกต้อง ทำถูกต้อง และไปสู่จุดหมายปลายทางได้
อย่างน้อยก็มีสุคติเป็นที่ไป จึงเป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่
ซึ่งเรายังไม่ได้กล่าวถึงพระคุณของท่านทั้งหมด เอาแค่ว่าแม้เพียงแค่นี้ก็มีพระคุณต่อเราอย่างสูงทีเดียว
หมดท่านไป ถ้าไม่มีคุณยายสืบทอด
มาถึงหลวงพ่อ มาถึงพวกเรา สิ่งที่ค้นมาเกือบตาย ก็จะมลายหายสูญไปเมื่อไม่มีผู้มาสืบทอด
แต่ได้คุณยายอาจารย์ฯ ของเรา ทุ่มเทชีวิตจิตใจเหมือนกัน ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่ห่วงทรัพย์สมบัติ
หมู่ญาติ อนาคตจะมีกินหรือไม่มีกินก็แล้วแต่
ไม่ได้เรียนหนังสือก็ไม่เป็นไร
เขาเรียนกันมากแล้วในโลก แต่วิชชาที่จะไปนรกสวรรค์นิพพานยังไม่ค่อยมีใครเรียนกัน คนอื่นเขาเรียนหนังสือแล้ว
เขาไปเป็นอะไรทางโลกกันหลากหลาย จนกระทั่งเป็นนายก เขาก็เป็นกันแล้ว แต่วิชชาที่เรียนเพื่อไปนรก ไปสวรรค์ ไปนิพพาน หรือดำเนินชีวิตให้ถูกต้องตามคำสอนของพระบรมศาสดา
พบความสุขที่แท้จริงได้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งถึงวันละโลก สุขตลอดเส้นทาง ละโลกไปแล้วไปเกิดเป็นชาวสวรรค์
สุขอีกยาวนาน ยาวนานเหมือนในนรก แต่นรกยาวนานด้วยความทุกข์ทรมาน แต่บนสวรรค์ยาวนานด้วยความสุข
นี่คือพระคุณของท่านทั้งสองโดยย่อ
ดังนี้
ชื่อว่า..มหาบูชา
พรรษานี้
เป็นพรรษามหาบูชา ทำในสิ่งที่ท่านอยากให้ทำ คือ ปฏิบัติบูชาเป็นหลัก และอามิสบูชาเป็นเรื่องรองลงมา
ทำ ๒ อย่างนี้ จึงจะได้ชื่อว่า มหาบูชา
ท่านปฏิบัติอย่างไร
เราทำอย่างนั้น หลายๆ พรรษาที่ผ่านมา ที่เรายังไม่ค่อยจะเอาจริงจังกันมากมายนัก โดยมีข้ออ้างว่า
ภารกิจเยอะ เหนื่อยบ้าง เพลียบ้าง ง่วงบ้าง จนกระทั่งไม่ให้โอกาสตัวเองในการปฏิบัติธรรม
ฉะนั้น เราจึงไม่ค่อยจะมั่นใจว่า
ธรรมกายมีจริงแค่ไหน เพราะว่าการทุ่มเทชีวิตจิตใจของเราไม่เต็มที่ ตรงนี้ก็อันตรายอีกเหมือนกัน
ความไม่มั่นใจจะทำให้กำลังใจถดถอยไป พลอยไม่เชื่อว่า คนอื่นเขาเข้าถึงได้ แม้ตัวเองก็จะสิ้นหวัง
สิ้นหวังทั้งๆ ที่ยังใช้ความพยายามในตัว และศักยภาพในตัวของเราที่มีอยู่มากมายยังไม่เต็มที่เลย
พรรษาที่ผ่านมา เป็นพรรษาที่ผ่านมาแบบเปล่าๆ
พรรษานี้อย่าให้เป็นอย่างนั้นนะลูกนะ วันหนึ่งคืนหนึ่งประเดี๋ยวเดียว
หลับตาลืมตาไม่กี่นาทีก็มืดแล้ว หมดวันเวลากันไปเปล่าๆ ยิ่งเราเป็นพระเป็นเณร เป็นหัวใจของโลกและจักรวาล
เป็นที่ตั้งอยู่บนหิ้งบูชาของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อย่าให้อะไรมาเป็นอุปสรรค
มาเป็นข้ออ้างในการปฏิบัติบูชา ปฏิบัติธรรม
เราทำบูชาท่าน แต่ได้จริงๆ
ที่เรา เพราะฉะนั้นพรรษานี้ ข้ออ้าง ข้อแม้อะไรต่างๆ ทิ้งไปให้หมดนะลูกนะ ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมกันให้เต็มที่
ตัวอย่างที่ดีของผู้รักการปฏิบัติธรรม
มีตัวอย่างที่ดีๆ ในอเมริกา
หลวงพ่อเลื่อมใสเขานะ ท่านวิชเชสโกกลับมาจากอเมริกาพร้อมกับทีมงานเปรียญธรรม ๙ ประโยค
พระอาจารย์ทั้งหลาย กลับมาเล่าให้ฟังหลายเรื่อง น่าปีติทุกเรื่อง แต่ประทับใจอยู่เรื่องหนึ่ง
คือ
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่เรียกว่า เด็กผู้หญิง คือ ดูหน้าตาเขายังเยาว์วัย แต่ว่าเป็นนักศึกษาปริญญาเอกทางอินเทอร์เน็ตของอังกฤษจวนจะจบแล้ว
เธอเป็นคนรักธรรมะปฏิบัติมาก แล้วก็ชักชวนรวบรวมหมู่เพื่อนให้รักการปฏิบัติตามไปด้วย
หมู่เพื่อนของเธอก็แวดล้อมไปด้วยนักศึกษาปริญญาเอก
จบแล้วก็มี กำลังจะจบก็มีหลายท่าน
แต่ความประทับใจ ไม่ได้อยู่ที่ทำปริญญาเอก
แต่อยู่ตรงนี้ เธอเล่าให้หลวงพี่ของเราฟังว่า เธอฝึกตัวเองมาตลอดระยะเวลา ๔ ปี
ปีแรก ตั้งใจมั่นจะนั่งธรรมะวันละ
๑ ชั่วโมงไม่ให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว แล้วเธอก็ทำได้ มหาปีติเกิดขึ้นในวันสุดท้ายของปี
เมื่อเธอระลึกย้อนหลังไป ๓๖๕ วัน วันแรกๆ ใช้ความพยายามฝืนนั่งทีเดียว แต่ต่อมาก็เป็นธรรมชาติ
และเป็นเรื่องปกติของการนั่ง บางวันนั่งได้ดี บางวันดีน้อย บางวันดีมาก พอครบปีมีมหาปีติ
ปีที่ ๒ เธอตั้งมโนปณิธานว่า
ปีนี้จะนั่งวันละ ๒ ชั่วโมง ด้วยมหาปีติอันนั้น จากการที่ใครๆ ก็ทำได้ยาก เพราะมักจะมีข้ออ้าง
ข้อแม้ แม้แต่นักบวชด้วยกัน ยังนั่งไม่ได้ทุกวันอย่างเธอ ปีที่ ๒ วันละ ๒ ชั่วโมง เธอฝึกไปเรื่อยๆ
ความสุขก็ค่อยๆ เกิดขึ้นมา ความสว่างเกิดขึ้นมา ทั้งๆ ที่ไม่คาดหวังว่าจะได้อะไร เป็นแต่เพียงตั้งใจดี
จะนั่ง ๒ ชั่วโมงให้ได้ทุกวัน ความอัศจรรย์มันเกิดขึ้นตรงนี้ เธอทำได้ พอวันสุดท้าย
วันที่ ๓๖๕ เธอนึกย้อนหลังก็เกิดมหาปีติ เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนี้ แค่ตั้งใจอย่างเดียว
ยังทำได้
ปีที่ ๓ ตั้งมโนปณิธานเอาไว้
จะนั่งวันละ ๓ ชั่วโมงรวดทุกวัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โดยไม่มีข้อ แม้ข้ออ้าง หรือเงื่อนไข
และวันที่ ๓๖๕ ของปีที่ ๓ วันสุดท้าย เธอทำได้ทุกวัน ไม่ขาดเลยแม้แต่วันเดียว มหาปีติเพิ่มขึ้นไปอีก
ปีที่๔ ตั้งใจมั่นใหม่
ปีนี้จะนั่งให้ได้วันละ ๔ ชั่วโมงรวด เธอตื่นตี ๓ นั่งไปถึง ๗ โมงเช้า รวดไปเลย ธรรมะก็ค่อยๆ
ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งความละเอียดส่งผลให้เธอนั่งได้ต่อเนื่อง โดยไม่มีความเบื่อหน่ายเข้ามาแทรก
เธอเป็นมนุษย์ธรรมดา
ที่มีเจ็บ มีป่วย มีไข้ มีภารกิจงานการ ไหนจะเรียน ไหนจะทำงาน บางวันก็เหนื่อย ง่วง
เพลีย บางวันก็ไม่สบาย แต่ว่าเมื่อตั้งใจมั่นแล้ว ต้องทำให้ได้ ในที่สุดทำได้ทั้งปี
๔ ชั่วโมง ตื่นตั้งแต่ตี ๓ นั่งถึง ๗ โมงเช้า นี่เป็นตัวอย่างที่หลวงพ่อฟังจากพระอาจารย์แล้ว
รู้สึกปีติ เลื่อมใส
หลวงพ่อหวังว่า พรรษามหาบูชานี้
ลูกพระลูกเณรของหลวงพ่อ จะต้องกลับจิตกลับใจกันเสียใหม่ ปฏิวัติความคิดให้ดี
วัดเราชื่อ วัดพระธรรมกาย เป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งภายในและต่างประเทศว่า
วัดนี้ชื่อวัดพระธรรมกาย อย่าให้มีแต่เพียงชื่อนะลูกนะ
เราอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดแห่งวิชชาธรรมกาย
ที่ผู้อยู่ห่างไกลได้ยินแล้วเลื่อมใส อยากจะเข้าถึง อย่าให้ใกล้เกลือกินด่าง ให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะกัน
เอาจริงเอาจังกันเลย ทั้งพรรษานี้นั่งให้ถูกหลักวิชชา ไม่มีข้อแม้ ข้ออ้าง เงื่อนไขใดๆ
เมื่อสาวน้อยคนนั้นทำได้
เราก็ต้องทำได้นะลูกนะ ให้วัดพระธรรมกายมีพระธรรมกายเต็มวัด อย่างนี้จึงจะคุ้มกับชื่อของวัด
ที่จะเป็นที่พึ่งและที่ระลึกของมนุษย์และเทวาต่อไป
อย่าขาดทานบารมี
ส่วนอามิสบูชานั้นเป็นเรื่องรอง
แต่ก็เป็นสิ่งที่จะต้องทำ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านยืนยันไว้ ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่กล่าวว่า
“จะสร้างบารมีอะไรอย่างอื่นก็ทำไปเถิด
แต่อย่าขาดมหาทานบารมี”
มหาทานบารมี
จะทำให้เราได้สมบัติใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เป็นทิพย์ หรือเป็นบรรพชิต เราจะมีความเป็นอยู่อย่างสะดวกสบาย
อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อำนวยความสะดวกต่อการสร้างบารมี เราจะไม่ต้องไปทำมาหากิน ทำมาค้าขายแบบชาวโลก แต่เกิดมาก็สร้างบารมีกันไปเลย
มีตัวอย่างมากมายในพระไตรปิฎกที่ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้
แม้พระบรมศาสดาของเราก็เริ่มต้นที่มหาทานบารมี
ตัวอย่างที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก
มีอยู่หลายเรื่องว่า บุญที่เกิดจากมหาทานบารมีนั้นส่งผลเกินควรเกินคาด ให้เกิดมามีสมบัติรองรับได้เลย หลวงพ่ออ่านพระไตรปิฎกก็มีปีติ แต่ว่าที่ผ่านๆ มาขอยอมรับว่า มีความเชื่ออยู่ ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์
ต้องเห็นตัวอย่างในปัจจุบันนี้ ถึงจะมั่นใจได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ หลวงพ่อโชคดี อีก ๐.๐๑
เปอร์เซ็นต์ หลวงพ่อได้พบในปัจจุบันนี้
มีเจ้าภาพหลายท่าน หลวงพ่อถามว่า “มีอาชีพอะไร” ถามเขาไปเหมือนถามทุกๆ คน แต่มาสะดุดใจหลายท่านบอก
“มีอาชีพสร้างบารมี”
“แล้วไม่ต้องทำมาหากินหรือ”
“ไม่ต้องทำเจ้าค่ะ หลวงพ่อ”
นี่ท่านเป็นผู้หญิง
๒ พี่น้อง ๒ สาว
“หนูไม่รู้จะทำไปทำไม
เสียเวลา เพราะสมบัติของหนู เขาสะสมมาตั้งแต่ทวด มาปู่ย่า ตายายพ่อแม่ แล้วรวมให้หนูทั้งสองคน
หนูก็ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร มาสร้างบารมีดีกว่า” บางทีก็มาปวารณาตัวเอง อยากทำบุญ
มีบุญอะไรให้ทำบ้าง แล้วก็มาสร้างบารมีที่วัดพระธรรมกายอย่างมีความสุข สนุกสนาน ไม่เปิดเผยตัว
เป็นคนง่ายๆ คนมีสมบัติเต็มเปี่ยมนี่จะเรียบง่าย
ล่าสุดเมื่อวานนี้ มีเด็กน้อยคนหนึ่ง
เกิดมาเป็นลูกมหาเศรษฐี มีทรัพย์มาก ไม่ใช่ ๔๐ โกฏิ หรือไม่ใช่ ๘๐ โกฏิ นี่เป็นเศษสตางค์ของท่านนี้
เขามีเป็นพันๆ โกฏิ หลายพันโกฏิ และแปลกอีกอย่าง เศรษฐีที่มีบุญมหาศาล พวกนี้มีลูกยากจัง เทวดาที่สร้างมหาทานบารมีมากๆ ที่จะจุติลงมา
มีบุญที่จะรองรับสมบัตินี่หายาก จนกระทั่งต้องไปหาวิธีทางวิทยาศาสตร์ และด้วยแรงอธิษฐาน
บุญบันดาลก็ได้ลูกผู้มีบุญมาเกิด
หลวงพ่อเห็นแล้วก็คิดว่า
หนุ่มน้อยมีบุญจริงๆ แค่ ๕ ขวบ จะไหว้พระ จะกราบพระ จะสวดมนต์ให้ฟัง เวลาคุยกับหลวงพ่อพนมมือตลอด
ทั้งๆ ยังงัวๆ เงียๆ ง่วงนอนนะ แต่พยายามฝืนนั่ง ไม่นอน ทั้งๆ ที่ง่วงมาก หลวงพ่อก็ให้เขาเอาหมอนมา
บอก “ลูก นอนเล่นๆ ก็ได้ ไม่หลับไม่เป็นไร”
“ครับ” พอล้มตัวปุ๊ป หลับไปเลยนะ
พ่อแม่ปู่ย่าตายาย หวงแหน
คำว่า “ไข่ในหิน” เอามาใช้กับคนนี้ไม่ได้
มันประณีตกว่านั้น แต่นั่นเป็นผลบุญในอดีตที่เขาทำไว้ พ่อกับแม่ก็เป็นสัมมาทิฐิ ทำบุญทุกหนทุกแห่ง
แต่ว่าจะมาหนักที่วัดพระธรรมกาย เพราะเห็นว่าเป็นวัดทำงาน และมีธรรมกาย และมีการปฏิบัติธรรมที่ดี
เห็นแล้วน่าปลื้มอกปลื้มใจ
ตัวอย่างในปัจจุบันอย่างนี้นี่แหละ
ที่ทำให้ .๐๑ เปอร์เซ็นต์ของหลวงพ่อเต็ม ๑๐๐ มีความมั่นใจในสมบัติของผู้ที่สร้างมหาทานบารมีว่า
เมื่อบุญทำงานได้ผลเต็มที่แล้ว ผลมันเกินควรเกินคาด
หลวงพ่อยังเห็นสมบัติอัศจรรย์อีกนะ
ยิ่งกว่านั้นเข้าไปอีก เขาลงมาเกิด สร้างแต่สิ่งที่เป็นสมบัติอัศจรรย์ มันน่าทึ่ง ไม่ต้องทำอะไรเลย
และมันเกิดขึ้นมา เทวดาเขาเอามาให้ อย่างนี้ก็มี
อ่านพระไตรปิฎกไปเรื่อย
เห็นประสบการณ์ปัจจุบันไปเรื่อยๆ ยิ่งรักพระไตรปิฎก ยิ่งนึกว่า แต่ก่อนบางอย่างเราไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
แต่เนื่องจากเราเป็นพุทธมามกะ โดยเฉพาะเป็นพระ ไม่มั่นใจก็ต้องมั่นใจว่า สิ่งที่ปรากฏในนั้นต้องเป็นเรื่องจริง
แต่เราไม่เคยเห็นเท่านั้น เราอย่าไปทึกทักว่า มันไม่มี หรือมันไม่ใช่ ไม่ได้ เพียงแต่เรายังไม่เห็น
แต่หลวงพ่อเห็นนะ เห็นมาหลายราย เห็นสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญ ที่เกิดจากมหาทานบารมี
ทำบุญกับหลวงปู่
เพราะฉะนั้น อามิสบูชาสำคัญนะลูกนะ
ยิ่งโดยเฉพาะการสร้างมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี ต้นวิชชา ท่านเคยบอกกับอุปัฏฐาก ซึ่งเป็นญาติของท่านให้ฟัง
แต่อุปัฏฐากนั้นไม่เข้าใจ แต่ก็ทรงจำได้ และเป็นบุญของหลวงพ่อที่ได้ยิน ตอนนี้ท่านก็เก้าสิบกว่าแล้ว เรื่องอื่นจำไม่ได้ แต่เรื่องนี้จำได้แม่นทีเดียว
ท่านบอกว่า “ไอ้ผง มึงรู้หรือเปล่า
มึงอุปัฏฐากใคร มึงมีเงิน ๒๕ บาทไหม มึงเอามาทำบุญกับกู เพื่อสร้างโรงเรียนปริยัติธรรม ใครทำ ๒๕ บาท ก็ได้พระของขวัญองค์หนึ่ง
ปู่ผง ท่านเรียกหลวงปู่วัดปากน้ำว่า
หลวงพี่
“หลวงพี่เอาไปทำอะไร”
“ก็จะต่อสายสมบัติให้มึง
มึงนะสายสมบัติไม่มีเลย ชาตินี้มึงจน เพราะมึงไม่มีสายสมบัติ มึงเอามาทำบุญกับกูนะ
มึงจะได้บุญใหญ่ ชาติต่อไปมึงจะรวย ไม่รู้จักคำว่า อดอยากยากจน แล้วมึงจำไว้นะ ใครทำกับกูนี่
แม้กูยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ได้บุญเท่ากัน”
ตรงนี้แหละ หลวงพ่อเกิดมหาปีติ
“ยังมีชีวิตอยู่ หรือตายแล้ว ทำกับท่าน ได้บุญเท่ากัน”
อย่างนี้ เราไม่เคยได้ยิน
มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี
เราทำกับท่าน เหมือนไปเสียบปลั๊กที่ท่าน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแห่งบุญ แห่งแสงสว่าง แห่งอานุภาพ
พอเสียบปลั๊กปั๊บ บุญเกิดขึ้นแล้ว เลิกอดอยากยากจน เหมือนที่ปู่ผงได้ยินหลวงปู่วัดปากน้ำว่าอย่างนั้น
หลวงพ่อจึงอยากให้ลูกพระลูกเณรของหลวงพ่อทุกรูป
ได้บุญใหญ่กับท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ท่านยังทำมา ๑ กอง แต่ท่านไม่ได้นำมาถวายเองหรอก
ท่านกลัวคนจะมองว่าจัดฉาก แต่คนมาถวายเขารายงานว่า นี่กองของหลวงพ่อทัตตชีโว ปกติท่านไม่ได้สะสมเงินเลย
แต่ว่าด้วยอานุภาพแห่งบุญของท่าน ท่านก็มี
ทำบุญไปแล้ว ๑ กอง
หลวงพ่อเชื่อว่า ลูกหลวงพ่อทั้งหมด
ทั้งพระ ทั้งเณร มีอานุภาพไม่มีประมาณ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ อัปปมาโณ สังโฆ อานุภาพของสงฆ์ ทั้งพระทั้งเณร มีอานุภาพไม่มีประมาณ
เสียงพระ เสียงเณร เสียงผู้มีศีลมีธรรม
เป็นเสียงที่มนุษย์และเทวดาเขาฟัง ปกติเทวดาจะดูจะฟังสิ่งที่น่ารื่นรมย์ แต่ถ้าเสียงพระเสียงเณรเทศน์ก็ดี โปรดญาติโยมก็ดี ให้ญาติโยมมีส่วนแห่งบุญในการสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา
เทวดาหยุดฟังอย่างอื่นหมดเลย ดนตรีสวรรค์จะไพเราะแค่ไหนก็เฉยๆ เงี่ยโสตฟังพระฟังเณรกล่าวธรรม เพราะฟังแล้วเป็นทางมาแห่งบุญ
ถ้าฟังเสียงดนตรีสวรรค์
ฟังแล้วบุญก็หดหายไปเรื่อยๆ คือใช้บุญเก่าไป แต่ฟังเสียงพระเสียงเณรชื่นใจ แล้วก็มองตามเสียงมาเลย
เห็นองค์นี้กำลังแสดงธรรมอยู่ กำลังโปรดญาติโยม ยิ่งโดยเฉพาะสร้างกับผู้เป็นต้นวิชชา
พระผู้ปราบมาร สร้างมหาวิหารพระมงคลเทพมุนีนี้ ไม่ต้องห่วงเลย พรรษานี้ทั้งหูทั้งตาของเทวดารวมทั้งใจมาจรดจดจ่ออยู่ที่พระที่เณรนี่แหละ
ตาคอยดู หูคอยฟังว่าจะกล่าวธรรมบทใด ที่จะสร้างมหาวิหารพระมงคลเทพมุนีให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์
พยายามให้เต็มที่
พรรษามหาบูชานี้ เป็นพรรษาที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราที่เป็นนักบวช
พรรษานี้ให้เป็นนักบวชแท้ พระแท้ เณรแท้ ทำ ๒ อย่างนี้ ปฏิบัติบูชา และอามิสบูชาให้เต็มกำลัง
อย่าสิ้นหวัง
เมื่อเรายังใช้พลังความสามารถในตัวของเราไม่เต็มที่ ว่าแหม ทำไมเรายังไม่เห็นธรรมเหมือนอย่างกับเขานะ
ทำไมคนอื่น ญาติโยม เราไปชวนเขาเข้าวัดแท้ๆ เขาเข้าถึงธรรมก่อน เรามีกรรมหนักหนาอะไรมาบดบัง
บุญเราคงน้อยมั้ง ไม่ใช่เลย
อย่าสิ้นหวัง เมื่อเรายังใช้ความพยายามไม่เต็มที่
ยังไม่ได้ใช้ปัญญาดูว่า ทำถูกหลักวิชชา หรือไม่ถูกหลักวิชชา ฉะนั้นเป็นพรรษาที่มีความหวัง
และใช้พลังให้เต็มที่ เราจะได้ทั้งธรรมกาย และได้สร้างมหาทานบารมีนะลูกนะ
หลวงพ่ออำนวยพร
ในที่สุดนี้
หลวงพ่อขออนุโมทนา ในมหาทานบารมี และความตั้งใจของลูกทุกๆ รูป
ที่ตั้งใจจะปฏิบัติบูชา และอามิสบูชา เพื่อให้เป็นพรรษามหาบูชาที่แท้จริง
ให้ความปรารถนานี้ จงสำเร็จเป็นอัศจรรย์
เป็นพรรษาที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ปราศจากความวิตกกังวล ปราศจากสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการเข้าถึงธรรม ต่อการสร้างบารมี
เป็นพรรษาที่จิตใจเข้มแข็ง
ไม่หดหู่ ไม่เศร้าหมอง เป็นจิตใจที่ไม่ประมาท ไม่ชะล่าใจว่า เรายังแข็งแรงอยู่
เรายังหนุ่มอยู่ เราจะทำเมื่อไรก็ได้ พรรษานี้อย่าได้มีความประมาทและชะล่าใจอย่างนี้
ให้เป็นพรรษาที่เปี่ยมไปด้วยบุญ
ด้วยบารมี ด้วยรัศมี กำลัง ฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด ของพระนิพพาน
ที่จะติดตามปกปักรักษาให้ลูกทุกคนได้บรรลุในการปฏิบัติบูชาและอามิสบูชา
ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ อย่างสะดวกสบาย อย่างง่ายดาย จงทุกประการเทอญ
เรื่อง : พรรษามหาบูชา
โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
ผู้ฟัง : พระภิกษุ ๘๒๐ รูป สามเณร ๔๔๐ รูป
สถานที่ : พระอุโบสถ วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี
ในโอกาส : โอวาท วันเข้าพรรษา ปี ๒๕๔๔
เมื่อ : วันศุกร์ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565