วันนี้
เราพร้อมใจกันอธิษฐานอยู่จำพรรษาที่วัดพระธรรมกาย
สำหรับลูกพระลูกเณรที่บวชมาก่อนหน้านี้แล้ว พรรษาปีนี้ขอให้ดียิ่งขึ้นกว่าพรรษาที่ผ่านมา
ส่วนลูกพระธรรมทายาทที่เพิ่งอยู่จำพรรษาปีนี้เป็นปีแรก ก็ให้ตั้งใจอย่างมุ่งมั่น
ไม่ใช่เพียงแค่รักษาธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้น แต่ให้เป็นพรรษาที่เกิดประโยชน์สุขแก่ตัวของเรา
ให้สมกับที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา และได้มาบวชมาอยู่จำพรรษากันในครั้งนี้
ให้ถูกวัตถุประสงค์ของการมาบวช
วัตถุประสงค์หลักของการบวช
ในพรรษาเป็นฤดูกาลที่เหมาะสมต่อการบำเพ็ญสมณธรรมอย่างยิ่ง
เพราะไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป
วัตถุประสงค์ของการบวชมีเพียงประการเดียวที่เป็นหลัก คือ การทำพระนิพพานให้แจ้ง
สลัดตนให้พ้นจากทุกข์ หรือพูดง่ายๆ ก็เพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพาน เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น
บวชไปแล้วก็ต้องมุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างนี้ ทุกอนุวินาทีภายในพรรษานี้
มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตบรรพชิตของลูกพระลูกเณรทุกรูป อย่าให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
ให้ใช้ทุกอนุวินาทีเป็นไปเพื่อความตั้งใจที่ดีของเรา
ตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามาอยู่ในเพศของบรรพชิต เพราะความตายไม่มีนิมิตหมาย เราจะตายตอนไหน
วันไหน ด้วยสาเหตุอันใดเรายังไม่ทราบ เพราะฉะนั้นเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง
ทุกอนุวินาทีมีความสำคัญสำหรับเรา เพื่อที่เราจะได้ประกอบความเพียรที่กลั่นกล้าให้ถูกหลักวิชชา
เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว อย่างน้อยให้ได้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวซึ่งเป็น พุทธรัตนะ
เราได้รู้หลักวิชชามาพอสมควรเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำให้เราได้เข้าถึง
เหลือแต่ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำกันอย่างจริงจัง
คือ ฝึกหนักอย่างถูกหลักวิชชา
แม้ว่าเราจะมีกิจวัตรกิจกรรมมากมายแตกต่างจากวัดอื่นๆ
ก็ไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการบำเพ็ญสมณธรรม อย่าให้เป็นข้อแม้
ข้ออ้าง หรือเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพราะจะทำให้เราว่างเว้นจากการบำเพ็ญสมณธรรมเจริญสมาธิภาวนา
จำพรรษา
๒ ชั้น
ก่อนหน้านี้
หลวงพ่อได้พูดถึงการอยู่จำพรรษา ๒ ชั้น สำหรับชีวิตนักบวช โดยเฉพาะลูกพระธรรมทายาทที่ต้องทิ้งทุกอย่าง
ปล่อยวางทุกสิ่ง จากธุรกิจการงาน บ้านช่องครอบครัวอะไรต่างๆ เหล่านั้นเข้ามาบวช
เรามีเวลาบวชช่วงสั้นแค่พรรษาเดียว
อยู่รับกฐิน แล้วก็ออกเดินธุดงค์ นับเป็นเวลาช่วงสั้นจริงๆ สำหรับชีวิตของการเป็นนักบวช เพราะเรายังมีภาระผูกพันที่เกี่ยวกับทางโลก
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ทุกอนุวินาทีให้เป็นประโยชน์ ด้วยการอยู่จำพรรษา ๒ ชั้น
การจำพรรษาชั้นที่ ๑ คือ จำพรรษาภายนอก เราก็ทราบขอบเขตของการอยู่จำพรรษาแล้วว่า
ขอบเขตวัดวาอารามของเรามีอยู่ขนาดไหน ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกๆ วัด
ก็กำหนดขอบเขตตามพระธรรมวินัย
การจำพรรษาชั้นที่ ๒ คือ การจำพรรษาภายใน มีความสำคัญต่อชีวิตของการบวชคราวนี้มาก
เพราะยังมีสิ่งที่จะต้องศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตอีกมากมาย
ซึ่งเรียนจากที่อื่นไม่ได้ นอกจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ วิชชา ๓ วิชชา ๘
อภิญญา ๖ เป็นต้น ซึ่งมีความสำคัญที่เราจะต้องไม่ให้เป็นความลับของชีวิต ไม่ให้เป็นความลับของตัวเราเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้หมดแล้ว แม้พระองค์จะดับขันธปรินิพพานนานมาแล้วก็ตาม
แต่คำสอนยังอยู่ ซึ่งเราสามารถศึกษาเรียนรู้ได้
วิชชาพระพุทธเจ้า
ลูกทุกคนจะต้องหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ได้ เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของการศึกษาเรียนรู้วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะทำลายความสงสัยในใจของเราได้
เปลี่ยนจากผู้ไม่รู้มาเป็นผู้รู้ได้ ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ดับทุกข์
หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะได้
วิชาทางโลกไม่มีสอนอย่างนี้
เขาสอนเกี่ยวกับเรื่องการทำมาหากิน การทำมาค้าขาย การดำรงชีพอยู่แค่นั้นเอง
เพราะฉะนั้นความลับของชีวิตก็ยังเป็นความลับของชีวิตอยู่ ทุกข์ของชีวิตก็ยังมีอยู่
แต่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นจะดับทุกข์ได้
จะเปิดเผยสิ่งที่บดบังความเป็นจริงของชีวิตเรา
เราจำเป็นจะต้องรู้จักตัวเราเองมากขึ้นว่า เราคือใคร เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเราเป็นอย่างไร
เราจะได้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง อยู่เป็นสุขได้ มีสุขอยู่ตลอดเวลาในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นทุกข์
ที่เป็นปัญหากับทุกคน แต่มันไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา
ซึ่งจะต้องเริ่มต้นจากการนำใจกลับมาหยุดนิ่งภายในที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
อย่างที่เราได้ศึกษาเรียนรู้กันมาแล้ว
ฝึกหนักอย่างถูกหลักวิชชา
พรรษานี้
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป็นปฐมเริ่มของการอยู่จำพรรษา ลูกทุกรูป จะต้องเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้
ฝึกหนักให้ถูกหลักวิชชาในทุกอิริยาบถ เราอายุมากขึ้นไปทุกๆ วัน
ไม่ว่าผู้บวชมาเก่าก็ดี หรือผู้มาบวชใหม่ก็ดี การอยู่จำพรรษา ๒
ชั้นมีความจำเป็นกับเราอย่างยิ่ง
พรรษานี้ เราจะต้องบรรลุธรรมกายให้ได้ ต้องเข้าถึงให้ได้ เพราะพระธรรมกายมีอยู่ในตัวของเราทุกรูปทั้งลูกพระลูกเณร
ของมีอยู่แล้ว เหมือนคนอยู่ใกล้ แต่เมื่อเราไม่เข้าถึงก็เหมือนคนใกล้ที่อยู่ไกล
เราก็จะไม่มีที่พึ่ง ขณะที่ทุกข์ยังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แม้เรามีชีวิตเป็นนักบวชก็ตาม
ฝึกใจให้หยุดนิ่งในทุกอิริยาบถ
สำหรับผู้บวชมาก่อน
พรรษานี้จะต้องแตกต่างจากพรรษาที่ผ่านมา ผู้บวชใหม่ก็เริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ในพรรษานี้
ฝึกใจให้หยุดให้นิ่งให้ได้ ทำไปทุกอิริยาบถ
อย่าไปคอยให้ว่างเลย วัดของเรามีภารกิจมากมายทั้งกิจวัตรกิจกรรม ทั้งงานศึกษา ทั้งงานเผยแผ่
ทั้งงานก่อสร้างปฏิสังขรณ์ อะไรต่างๆ เหล่านั้น ซึ่งจะแตกต่างจากที่อื่น
เราจะหาโอกาสว่างจริงๆ คงจะไม่มี
ดังนั้น
ในทุกอิริยาบถ ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน ในทุกๆ กิจกรรม อย่าว่างเว้นการนำใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ จะได้กี่เปอร์เซ็นต์ก็ช่างเถิด อาจจะตรึกนึกถึงดวงใสๆ องค์พระใสๆ ได้ ๕
เปอร์เซ็นต์ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่เป็นไร หมั่นชำเลืองเอาไว้เรื่อยๆ ในทุกๆ วัน ในทุกๆ
อิริยาบถ สมาธิก็จะค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ถูกสั่งสมขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว เหมือนมดปลวกที่ขนดินก้อนเล็กๆ มาก่อเป็นรังขึ้นมา
ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป สมาธิจะถูกสั่งสมขึ้นทีละเล็กทีละน้อยอย่างเป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย
ราจะไม่เคร่งเครียดต่อการทำสมาธิในอิริยาบถอื่นนอกเหนือจากการนั่ง
ถ้าเราทำได้อย่างนี้ ในอิริยาบถยืน เดิน นอน ที่นอกเหนือจากการนั่ง เวลาเรามานั่งเจริญสมาธิภาวนา
มันก็จะเป็นอุปการะกัน จะเกื้อกูลส่งเสริมสนับสนุนให้การนั่งสมาธิในรอบของเราดีขึ้น
เพราะเราได้ประคับประคองใจของเราให้อยู่ภายในตลอดเวลา แม้บางครั้งมันจะแวบไปข้างนอกบ้าง
แต่ก็มีสติดึงกลับเข้ามาสู่ภายใน จากที่หลับตาแล้วมืด ก็จะค่อยๆ แจ้ง ค่อยๆ สว่างเหมือนฟ้าสางๆ
ในยามตี ๕ ไปเรื่อยๆ และความสว่างจะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นเอง
จนถึงจุดที่สว่างที่สุดทั้งหลับตาและลืมตา ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่งสำหรับชีวิต
ความลับของชีวิต
มนุษย์ทั่วไปในโลกเขาหลับตาแล้วมืด
แต่เราหลับตาแล้วสว่าง การหลับตาแล้วสว่างเป็นความมหัศจรรย์ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ใดๆ
ของโลกนี้หรือโลกอื่น เพราะความสว่างภายในนั้น คือ แสงสว่างส่องทางชีวิตที่แท้จริง
ที่จะทำให้เราเข้าถึงดวงธรรมภายใน เข้าถึงความบริสุทธิ์แรกที่เรายอมรับว่า ใจเราบริสุทธิ์
ความบริสุทธิ์นี้จะส่งต่อกันไปเรื่อยๆ
ทำให้เราค่อยๆ ศึกษาเรียนรู้ความลับของชีวิตเกี่ยวกับตัวของเรา ซึ่งจะค่อยๆ ถูกเปิดเผยไป
ในกลางดวงธรรมนั้นมีดวงธรรมต่างๆ ซ้อนกันอยู่ มีกายต่างๆ ซ้อนๆ กันเป็นชั้นๆ ไป นั่นเป็นความลับของโลกของมนุษย์ทั่วโลก
แต่ว่าไม่เป็นความลับสำหรับเรา
เราเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
ถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ คือ ถึงธรรมกายในตัวของเราแล้ว โลกก็จะไม่มีความลับ
เมื่อความลับไม่เกิดขึ้นกับเรา
เรานี่แหละจะไปทำลายความลับของชีวิตของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย ประสบการณ์ภายในของเราจะถูกถ่ายทอดอย่างสงบเสงี่ยม
สง่างาม อย่างมีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ ไปยังเพื่อนมนุษย์ จะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกลเราก็ตาม
และสิ่งดีงามนี้ก็จะค่อยๆ ขยายออกไป
คำว่า
“โลกในอุดมคติ” จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงในโลกนี้
ในยุคที่เรายังมีชีวิตอยู่
ถ้าเราสว่าง โลกก็สว่าง
ถ้าเราเข้าถึงธรรม โลกก็จะเข้าถึงธรรม
ถ้าเราเข้าถึงพระรัตนตรัย ชาวโลกก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยได้
พรรษานี้จึงมีความสำคัญต่อตัวเราและชาวโลก
เหตุที่ทำให้พระพุทธศาสนาตกต่ำ
โดยเฉพาะในยุคนี้ พระพุทธศาสนาดูตกต่ำเพราะความไม่เอาใจใส่ หรือไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เกี่ยวกับเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะบรรพชิตไปศึกษาเรียนรู้ทางโลก
กระแสของความคิดก็วนเวียนเหมือนชาวโลกทั้งหลาย จิตก็จะหยาบ โอกาสพลาดพลั้งก็มี เป็นจุดโหว่ที่ทำให้ชาวโลกเขามองเห็น
และเกิดการโจมตีกัน
จากเรื่องเล็กก็ค่อยๆ
ขยายกันเป็นเรื่องใหญ่ จนกระทั่งกระทบไปทั่วทั้งสังฆมณฑล ทำให้คนเริ่มไม่เห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา ไม่เห็นคุณค่าของการบวช และสิ่งเหล่านั้นก็จะเป็นผลสะท้อนถึงหมู่คณะของเรา
เพราะเราจะอยู่กันตามลำพังไม่ได้ ต้องอยู่กันได้ทั้งสังฆมณฑล อยู่กันได้ด้วยพุทธบริษัท
๔
เริ่มจากตัวเราขยายไปสู่สังฆมณฑล
ด้วยเหตุนี้
พรรษานี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ลูกพระลูกเณรจะต้องให้ความสำคัญ ต้องเอาใจใส่ต่อการอยู่จำพรรษา
๒ ชั้นกันอย่างแท้จริง เพื่อประโยชน์สุขของตัวเรา เพื่อการยอยกพระพุทธศาสนา และเพื่อเพื่อนมนุษย์ทั่วโลก
โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์
ถ้าวัดพระธรรมกายทำได้
วัดอื่นก็ทำได้ โดยจะเริ่มต้นจากวัดสาขาของเราก่อน และวัดกัลยาณมิตร กิตติศัพท์อันดีงามนี้จะค่อยๆ
ขจรขจายขยายไปสู่วัดวาอารามอื่น ที่ท้อแท้ก็จะมีกำลังใจเพิ่มขึ้น
ที่มีกำลังใจอยู่แล้วก็มีมากเป็นทับทวีกันไป
พุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูอยู่คู่ผืนแผ่นดินไทยและโลกใบนี้
เริ่มจากตัวเราถึงสังฆมณฑล
จากสังฆมณฑลถึงชาวโลกทั้งหลาย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ลูกทุกคนจะต้องเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ภายใน
อยู่จำพรรษา ๒ ชั้นจริงๆ
โดยเฉพาะลูกพระธรรมทายาทผู้บวชใหม่
ตรงนี้มีความสำคัญมาก ถ้าลูกทำได้ในคราวนี้ การฟื้นฟูให้ผู้มีบุญมาบวชเข้าพรรษาก็จะเกิดขึ้น
และพรรษาหน้าที่เราจะต้องไปทำหน้าที่ตามผู้มีบุญมาบวช อย่างน้อย ๑ ต่อ ๑๐
เพื่อขยายการบวชไปทั่วทุกวัดทั่วไทย ก็จะกลายเป็นความจริง
เพราะเราจะพูดอย่างอาจหาญ
ร่าเริง เบิกบานจากประสบการณ์ภายในของเราว่า เราอยู่จำพรรษา ๒ ชั้น ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
พระธรรมกายมีจริง ดีจริง เข้าถึงได้จริง เรากล้ายืนยัน คำพูดของเราจะมีพลัง ใครได้ยินได้ฟังเข้า
เขาก็อยากจะเป็นอย่างเรา พอเขาอยากเป็นอย่างเรา เขาก็ทำอย่างเรา เมื่ออยู่อารามเดียวกันไม่ได้
เพราะอารามมีจำกัด ก็ขยายกันไปตามอารามต่างๆ
๑
ต่อ ๑๐ แปลว่า พรรษาหน้าจะมีพุทธบุตรมากขึ้นไปทั่วผืนแผนดินไทย ๓๐,๐๐๐
กว่าวัดทั่วประเทศ ชาวพุทธก็จะตื่นตัวและตื่นตามกันเป็นแถว จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ลูกฟังแล้วจะปล่อยให้ถ้อยคำนี้เลื่อนลอยไปไม่ได้
ต้องมุ่งมั่นทำกันจริงจังภายในพรรษานี้
แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง
การอยู่รวมกันเป็นหมู่นี้
อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เพราะมันไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน ต่างจิตต่างใจ
มันแตกต่างกันหลายอย่าง และมารวมกันเพื่อเข้ามาสู่ความเหมือน ก็อย่าให้สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหา
ให้ช่วยกันประคับประคองเป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน เกื้อกูลกัน อย่าถือสากัน
ถ้าไม่ถือสามันก็เป็นลมเป็นแล้ง ถ้าถือสามันก็เป็นเรื่องเป็นราว ถ้าเราขุ่นมัวกับใครสักคนหนึ่งหรือสิ่งแวดล้อม ก็จะมีผลต่อการปฏิบัติธรรมของเรา
จะมีผลกระทบต่อใจหยุดใจนิ่งของเรา เพราะฉะนั้นอะไรที่เราพออะลุ่มอล่วยกันได้ เราก็อย่าไปถือสากัน
ประคับประคองกันไป ให้เบิกบาน ยิ้มแย้ม แจ่มใส มีความสุข
เกาะชายผ้าเหลือง
ความสุขใจของการมาบวชในครั้งนี้
แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม บวชแล้วต้องปลื้ม บวชแล้วต้องภาคภูมิใจ บวชแล้วโยมพ่อโยมแม่ต้องได้บุญเต็มที่
เราต้องเป็นลูกยอดกตัญญูที่ตอบแทนพระคุณท่านได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ
ถ้าเรามีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ
โยมพ่อโยมแม่ก็มีความสุข เพราะท่านเห็นความเปลี่ยนแปลงของเราไปในทางที่ดีขึ้น ท่านก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามเราด้วย
ท่านจะรักการปฏิบัติธรรมมากขึ้น
มันจะมีความสุขขนาดไหนที่พระลูกชายทำให้โยมพ่อโยมแม่เข้าถึงพระธรรมกายในตัว
อย่างน้อยดวงใสๆ ให้ท่านมีที่พึ่งที่ระลึกภายใน มีความสุขในปัจจุบัน และท่านก็จะปลื้มในสิ่งเหล่านี้
สิ่งเหล่านี้จะเป็นที่พึ่งนำท่านไปสู่เทวโลก
การบวชเพื่อเกาะชายผ้าเหลืองลูกก็จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
ไม่ใช่เป็นคำขวัญที่เลื่อนลอยและไม่เป็นความจริงอย่างที่ได้ยินได้ฟังมา สิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดในยุคของเราที่ได้มาบวชกันในคราวนี้
มันจะต้องเกิดขึ้นจริงๆ คำว่า “เกาะชายผ้าเหลือง” นั้นต้องเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น พรรษานี้ขอให้เป็นพรรษาแห่งความสว่าง
เป็นพรรษาแห่งการบรรลุธรรมยกชั้นยกรุ่นกันทุกๆ รูป
หลวงพ่ออำนวยพร
ในที่สุดนี้ หลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการ
ขอให้พรรษานี้ ให้ลูกทุกรูปจงมีแต่ความสุขกายสุขใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัย
ให้ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการกุศลและพรหมจรรย์ ให้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ
ให้มีดวงตาเห็นธรรม ให้ได้เข้าถึงพระธรรมกาย ให้ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย
ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ อย่างสะดวกสบาย อย่างง่ายดาย จงทุกประการเทอญ
รหัสต้นฉบับ : 53-07-27 C-TMT 53-223
เรื่อง : จำพรรษาสองชั้น
โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
ผู้ฟัง : พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา สาธุชน
สถานที่ : ณ อุโบสถ วัดพระธรรมกาย จ. ปทุมธานี
ในโอกาส : วันเข้าพรรษา
เมื่อ : วันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เวลา : ๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.
วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565