วันนี้เราก็ได้พร้อมใจกันกล่าวคำอธิษฐานจิต
และตั้งใจที่จะอยู่จำพรรษากันที่วัดพระธรรมกาย และได้บอกขอบเขตกันไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งผู้บวชใหม่และพระเถระตั้งแต่ชุดบุกเบิกเรื่อยมา
เรากล่าวคำอยู่จำพรรษาด้วยความสมัครใจ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ว่า
พรรษานี้ เราจะไม่ไปค้างคืนแรมราตรีที่ไหน
จะมุ่งมั่นใช้ทุกอนุวินาทีในพรรษานี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการมาบวชในคราวนี้ ที่จะทำพระนิพพานให้แจ้ง
สลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ นี่คือวัตถุประสงค์ของการบวชอย่างแท้จริง
ภายในพรรษานี้
อย่าให้วันคืนล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ เราจะต้องเตือนตัวเอง
สอนตัวเองให้ได้ตลอดเวลาว่า เรามาบวชเพื่อวัตถุประสงค์หลักอย่างนี้เท่านั้น
ไม่ใช่อย่างอื่น ถ้ารองลงมาก็เพื่อสั่งสมบารมี
บำเพ็ญเนกขัมมบารมีของเราให้เพิ่มขึ้น
ทำไมต้องทำพระนิพพานให้แจ้ง
การทำพระนิพพานให้แจ้งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของชีวิตในสังสารวัฏ
เพราะชีวิตในสังสารวัฏนี้ไม่ปลอดภัย เนื่องจากว่า เราตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม
กฎแห่งไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา และกฎเกณฑ์อีกมากมาย ทั้งๆ
ที่เราไม่อยากจะอยู่ในกฎเกณฑ์นี้
แต่ชีวิตในสังสารวัฏ ในภพทั้งสามนี้
ทั้งกามภพ รูปภพ อรูปภพ
ไม่ว่าจะเกิดไปเป็นอะไรล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าพูดพอเข้าใจได้ก็คือ
มีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่ปกครองดูแลชีวิตของเรา
ที่ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ก็คือ พญามารเขาเอากิเลสมาบังคับให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
รวมทั้งตัวของเราด้วยให้สร้างกรรม เมื่อสร้างกรรมก็มีวิบาก วิบากกรรม ปรับคดี
โดยที่เราไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่า ทำไมเราจะต้องมาตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์อย่างนี้
แต่จะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตาม ก็ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมนี้
และมีภพภูมิรองรับ มีอบายภูมิ มหานรก อุสสทนรก ยมโลก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
ภพภูมิของมนุษย์ สวรรค์อะไรต่างๆ เหล่านี้ เป็นต้น รองรับกันอยู่
ถ้าส่วนสุคติ ก็เป็นของฝ่ายบุญ
ถ้าส่วนทุคติ ก็เป็นของฝ่ายบาป
ชีวิตเรามีแต่บุญกับบาปเท่านั้น
ที่คอยบังคับบัญชาเราอยู่
แต่เราไม่รู้เรื่องเลย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรลุธรรม
จนกระทั่งมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ท่านได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และพบหนทางแห่งความพ้นทุกข์ เพราะท่านเบื่อหน่ายชีวิตในการเวียนว่ายตายเกิด
และเอาชีวิตเป็นเดิมพันถึงค้นพบวิธีที่จะเดินทางออกจากสังสารวัฏไปสู่ภพภูมิที่พ้นจากกฎเกณฑ์ดังกล่าว
เป็นที่ที่ปลอดภัย มีแต่บรมสุขล้วนๆ คือ อายตนนิพพาน
เมื่อพระองค์ได้บรรลุธรรมแล้ว
ด้วยพระมหากรุณา จึงนำมาถ่ายทอด สั่งสอน เพื่อให้เราเป็นอย่างท่าน
คือพ้นจากความทุกข์ทรมานของชีวิต เหมือนนักโทษ เหมือนเชลยศึก ที่ตกเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร
ให้เป็นอิสรภาพ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
แล้วก็ไปสู่อายตนนิพพานเช่นเดียวกับพระองค์
ท่านจึงถ่ายทอดสิ่งที่ท่านได้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอด
มาเป็นคำสั่งสอนที่เราคุ้นอยู่ในพระธรรม คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้เราได้ทำตามท่าน
ท่านทำอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น ฉะนั้นท่านเป็นอย่างไร เราก็จะเป็นอย่างนั้น
ท่านดับทุกข์ได้ เราก็จะดับทุกข์ได้ ท่านเข้าถึงบรมสุขได้ เราก็เข้าถึงบรมสุขได้
เพราะสิ่งที่พระองค์นำมาสั่งสอนนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจริงกับพระองค์
แล้วก็ถ่ายทอดสั่งสอนโดยไม่มีการปิดบังอำพรางเลย ด้วยความรักและปรารถนาดี ด้วยมหากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างแท้จริง
สร้างบารมีมาก็เพื่อการนี้
ฉะนั้น ณ วันนี้เราได้เป็นสมณะแล้ว
เป็นสายโลหิตแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราต้องทำตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เดินตามรอยพระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านสอนให้เราทำอย่างไร เราต้องทำอย่างนั้น
คิดพูดทำแบบพระ
เมื่อลูกทุกรูปพร้อมใจกันอธิษฐานจิตว่า จะอยู่จำพรรษานี้
ก็ต้องมุ่งมั่นตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมให้เต็มที่ ให้กาย วาจา ใจของเราสะอาด ให้บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปทุกอนุวินาที
ไม่ให้ใจเราเศร้าหมองโดยอุปกิเลสต่างๆ โดยนิวรณ์ต่างๆ
คือ ไม่พึงคิดแบบชาวโลก ไม่พึงประพฤติแบบชาวโลก
ให้คิดแบบพระ พูดแบบพระ และทำแบบพระ
ง่ายที่สุด คือ
>> ตลอดพรรษานี้ เราจะรักษาข้อวัตร
ปฏิบัติธรรม กิจวัตรกิจกรรมไม่ให้ขาดเลย
>> จะอยู่จำพรรษาที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ รักษาจิตดวงเดียวให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ในตำแหน่งเดียวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ
พระองค์ ท่านรักษาใจของท่านในตรงนี้ เพราะว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเดินทางออกจากสังสารวัฏไปสู่อายตนนิพพาน
การบวชเกิดขึ้นยาก ต้องเป็นนักบวชที่แท้จริง
ลูกพระธรรมทายาทที่รักทุกรูปพึงตั้งใจให้ดี เพราะกว่าจะมีวันนี้สำหรับเรานั้น
เราต้องทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง และวิ่งเข้าวัดมาบวช
การทิ้งสิ่งที่คุ้นเคยในทางโลกไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ที่คุ้นเคยในสิ่งเหล่านั้น
ต้องมีผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรไปเชิญชวนมา
กอปรกับบุญเก่าของเราที่สั่งสมเอาไว้ได้ช่องส่งผล เมื่อ ๒ ประสานเกิดขึ้น เราจึงได้ทิ้งทุกอย่าง
วางทุกสิ่ง และวิ่งเข้าวัดมาบวชอย่างนี้
เมื่อเราตัดสินใจจะเป็นนักบวชแล้ว
ลูกทุกรูปจะต้องเป็นนักบวชที่แท้จริง พึงเว้นจากพฤติกรรมแบบคฤหัสถ์
เพราะเรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใดๆ ของสมณะ เราก็ต้องทำอาการกิริยานั้นๆ
แต่ก็ไม่ใช่เคร่งเครียด
ไม่ใช่อวดเคร่งให้ใครเขาดูว่า เราเคร่ง
แต่เราแค่ทำตามพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางเนติแบบแผน
ทรงมีพระบรมพุทธานุญาตเอาไว้เท่านั้น
โอวาทพระบวชใหม่
เมื่อเรามาเป็นนักบวชใหม่ สิ่งที่เราจะเรียนรู้ก็คือ
>> รักษาใจให้ใสๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ได้ตลอดเวลาในทุกอิริยาบถ
>>เป็นผู้ว่าง่าย
สอนง่าย ทำตามได้อย่างง่ายๆ ค่อยๆ ศึกษาเรียนรู้จากพระอาจารย์
พระพี่เลี้ยง ที่ท่านจะถวายความรู้ด้วยความสุขใจ ด้วยความสบายใจ แม้ว่าบางอย่างเราจะไม่คุ้นเคย
ต้องฝืนบ้างก็ตาม แต่ถ้าหากลูกมีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร หรืออย่างน้อยที่สุดเพื่อสั่งสมเนกขัมมบารมี ต้องการบุญกุศลเพื่อปิดประตูอบาย เปิดประตูสวรรค์ให้กับตัวเรา และบิดามารดา
บรรพบุรุษของเรา เพราะว่าที่พระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง ท่านถวายความรู้
ถวายคำแนะนำนั้น ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนาดีอย่างยิ่ง เพื่อให้การบวชในคราวนี้ของลูกทุกๆ
รูปสมความปรารถนาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ด้วยดี
>> ให้ความสำคัญกับตัวเองในการมาสั่งสมบารมี
ในการจะทำพระนิพพานให้แจ้ง
>> ให้ความสำคัญต่อพระอาจารย์
พระพี่เลี้ยง
ที่ท่านสละเวลาอันมีค่าของท่าน ที่จะไปบำเพ็ญสมณธรรมโดยส่วนตัวมาเพื่อเราอย่างนี้
ถ้าเกื้อกูลกันอย่างนี้ได้ พรรษานี้เราจะอยู่กันอย่างผาสุก
จะเป็นต้นบุญต้นแบบสำหรับผู้ที่จะมาบวชในภายหลัง กิตติศัพท์อันดีงามนี้จะขยายไปยังหมู่ของบรรพชิต
ช่วยกันกอบกู้พระศาสนา
ในขณะนี้วัดร้างเกิดขึ้นมากมาย
วัดใกล้จะร้างก็ทยอยกันเกิดขึ้น เพราะว่าขาดศาสนทายาท มีแต่พระมหาเถรานุเถระ
หลวงปู่ หลวงตารักษาวัด วัดละองค์สององค์เท่านั้น แต่ถ้ากิตติศัพท์อันงามของพวกเราขยายไปว่า
พวกเราได้ใช้ทุกอนุวินาทีเป็นไปเพื่อการบำเพ็ญสมณธรรม
อย่างนี้ก็จะเกิดแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ที่ยังไม่มาบวชก็อยากบวช
ที่บวชแล้วก็อยากจะประพฤติธรรม อยากจะทำตามอย่างเรา และมีเป้าหมายพระนิพพานเป็นแก่นสาร
เช่นเดียวกับตัวเรา
ไม่ได้มีความรู้สึกว่า
หมดยุคหมดสมัยของการทำพระนิพพานให้แจ้งแล้ว
จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ไม่กล้าที่จะกล่าวคำว่า “นิพพานะปัจจะโย
โหตุ” ไม่กล้าที่จะตั้งความปรารถนาเป้าหมายจะไปนิพพาน
เพราะคิดเอาเองว่า หมดยุคหมดสมัย ความคิดนี้แม้อยู่ตามลำพังก็อันตราย
แต่ถ้าขยายต่อไปก็ยิ่งอันตรายต่อพระพุทธศาสนา
ลูกทุกรูปมีความสำคัญต่อการกอบกู้พระศาสนา
พรรษานี้จึงเป็นพรรษาที่สำคัญ ถ้าแพ้ชนะกันก็พรรษานี้แหละ
บวชแล้วต้องปลื้ม
ฉะนั้น ให้ลูกทุกรูปเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
มุ่งมั่นตั้งใจให้ดี เอาให้ใจหยุดนิ่งให้ได้ ให้ใจเราบริสุทธิ์ให้ได้
แม้ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้าก็ตาม แต่เราก็ได้ชื่อว่าเป็น สุปฏิปันโน ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ
นึกเมื่อไรเราก็ปลื้ม แล้วจะปลื้มไปทุกอนุวินาทีในเพศสมณะ
ไม่ว่าเราจะอยู่ในเพศสมณะตลอดไป หรือบางท่านมีความจำเป็นจะต้องลาสิกขาไป
เพื่อจะไปทำหน้าที่กองเสบียงก็ตาม แต่เมื่อนึกถึงการบวชและการมาอยู่ร่วมกันในพรรษานี้
นึกทีไรก็ปลื้ม
ความปลื้มนี้จะขยายจากใจของเราไปสู่คำพูด
แล้วไปสู่ผู้ฟัง ใครได้ยินได้ฟังก็เกิดกุศลศรัทธา อยากส่งบุตรหลานมาบวช
อยากให้โอกาสตัวเองมาบวช ใครบวชไม่ได้ก็อยากจะสนับสนุนเป็นกองเสบียง เพราะฉะนั้นลูกทุกรูปก็คงจะเห็นแล้วว่า
งานกอบกู้พระศาสนานี้เป็นไปได้ ไม่ใช่ความเพ้อฝัน หรือพูดกันอย่างเลื่อนลอย
พรรษานี้มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันนะลูกนะ
ผู้บวชมานาน
สำหรับผู้ที่บวชก่อน มีอายุพรรษาเพิ่มขึ้น
วันเวลาของเราก็หมดไปเรื่อยๆ เวลาข้างหน้าเหลือน้อย
ฉะนั้นก็ต้องใช้ทุกอนุวินาทีที่จะฝึกใจให้หยุดนิ่ง
ให้เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวของเราให้ได้
และยังมีสิ่งสำคัญที่น่าศึกษาเรียนรู้อีกมากมายรอคอยเราอยู่ ณ
ขณะนี้เป็นความลับสำหรับชีวิตเรา แต่ต่อไปไม่ควรที่จะเป็นอย่างนั้น
วันใดที่ใจเราหยุดนิ่งได้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ มีความสุข มีความบริสุทธิ์ แสงสว่างเกิดขึ้น มีการเห็นเกิดขึ้น วิชชาเกิดขึ้น
ความรู้แจ้งเกิดขึ้น ความลับของชีวิตก็จะถูกเปิดเผย เราจะเห็นชีวิตที่ซับซ้อนอยู่ภายในตัวของเรา
และสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเลยว่า ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงปรารถนาอยากที่จะให้เราหลุดพ้นจากชีวิตในสังสารวัฏ
ทำไมพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านมุ่งไปปราบมาร และจะรู้จะเห็นแจ่มแจ้งด้วยตัวของเราเอง
ฉะนั้น พรรษานี้ทุกๆ รูปที่อยู่จำพรรษาร่วมกันในอารามแห่งนี้ต้องให้ความสำคัญนะลูกนะ
หลวงพ่ออำนวยพร
วันนี้ หลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการ และขออำนวยพรให้ลูกทุกรูปจงมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง
อย่าเจ็บอย่าป่วยอย่าไข้ ให้อายุขัยยืนยาว ได้สร้างบารมีไปนานๆ
ให้ปลอดต่อสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการกุศลและพรหมจรรย์ ให้เข้าถึงพระธรรมกาย
เข้าถึงวิชชาธรรมกาย แทงตลอดในวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ องค์ จงทุกประการเทอญ
เรื่อง : ทำไมต้องทำพระนิพพานให้แจ้ง
โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
ผู้ฟัง : พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา สาธุชน
สถานที่ : ณ อุโบสถ วัดพระธรรมกาย จ. ปทุมธานี
ในโอกาส : วันเข้าพรรษา
เมื่อ : วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
เวลา : ๐๙.๐๐ น.
วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2565