การทำบุญอย่าดูเบานะ
ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา
อย่าหงุดหงิด ขุ่นมัว
ทั้งก่อนทำ กำลังทำ และหลังจากทำแล้ว
บุญจะได้ไม่หก
เราจะได้บุญบริสุทธิ์เต็มที่
อย่านึกว่า เรามีเงินแล้วเรามาทำบุญ
เราต้องนึกว่า กว่าจะได้ปัจจัยมา มันเหนื่อยนะ
ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
ต้องไปตบไปตีเขา ต้องใช้ทุกวิธีการ กว่าจะได้ทรัพย์มา ได้มาแล้ว
เรามีกุศลศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย อยากจะสร้างมหาทานบารมี
ความเลื่อมใสศรัทธาก็ไม่ใช่เกิดขึ้นง่าย
เกิดยากมาก ขนาดเราเลื่อมใสศรัทธา
บางครั้งก็ยังง่อนแง่น
บางครั้งก็เลื่อมใสมาก บางครั้งก็เลื่อมใสปานกลาง บางครั้งน้อย
บางครั้งไม่มีเลย เห็นไหมจ๊ะว่า มันเกิดขึ้นยาก แต่สลายง่าย กว่าจะเลื่อมใสทีไร มันจะเสียเงินทุกที มันเสียดาย
เพราะกว่าจะได้มามันยาก ก็เลยเกิดความเสียดาย คิดแล้วคิดอีก
จะถูกความตระหนี่ซึ่งเป็นเครื่องมือของพญามารเหนี่ยวรั้งเอาไว้ จะช่วงชิงทรัพย์เอาไว้ไม่ให้บริจาค ไม่ให้สร้างมหาทานบารมี ชาติต่อไปจะได้จน
พอไม่สร้างทาน
เขาจะได้เอาผังจนถาวรเสียบเข้าไปได้
สอดเข้าไป จะได้บังคับเราได้ต่อไปในอนาคต
อยู่ในกำมือเลย
พอชาติต่อไปเรายากจนเสียแล้ว
บังคับให้ทำชั่วง่าย เพราะชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้อยู่รอด ก็เอาทั้งนั้น
ก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือเขา
แล้วก็เนื้อนาบุญที่เป็นทักขิไณยบุคคล ที่มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาก็เกิดขึ้นยาก ไม่ใช่เกิดขึ้นง่าย เพราะกว่าจะมีทักขิไณยบุคคล
ก็ต้องมีพระพุทธศาสนา จะมีพระพุทธศาสนาได้
ก็ต้องมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วกว่าท่านได้เกิดมา ต้องละชั่ว ทำความดี
ทำใจให้ใสนับภพนับชาติไม่ถ้วน
กว่าจะเหลือแต่ความบริสุทธิ์ล้วน ๆ
มาเป็นผู้นำมวลมนุษยชาติและเทวดาทั้งหลายได้ก็ยากมาก
เพราะฉะนั้น เวลาเราจะสร้างมหาทานบารมี
ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา ถ้าทำไม่ถูกหลักวิชชา เราจะถูกปล้นบุญ หรือพูดง่ายๆ คือ บุญหก มันก็ไม่ได้มีอาการเหมือนน้ำกระฉอกนะ มันจะหก
เช่น เราทำบุญ ระหว่างทำนั้นหงุดหงิด ปัดโธ่ กว่าจะทำได้ ปฏิคาหก ทักขิไนยบุคคลก็คอยอยู่ ทรัพย์ก็อยู่ในมือ ศรัทธาก็เกิด แต่โดนเขาเสียบเข้ามาในใจ ให้เราหงุดหงิด นั่นก็ไม่ถูกใจ นี่ก็ไม่ถูกใจ ทั้งคนสัตว์สิ่งของ
อะไรไม่ถูกใจหมด มันหงุดหงิด
อย่างนี้บุญหก
นั่นเขาเข้ามาแย่งชิงกัน ตั้งแต่เกิดความคิดหงุดหงิดแล้ว
เหมือนในห้องนี้คนเต็มห้องแน่นหมดเลย
ถ้าใครจะเข้าไปแทนที่ ๑๐ คน ก็จะต้องดึง ๑๐ คนในห้องนั้นออก หรือเหมือนปลาอยู่ในกระป๋อง จะเอาปลาใหม่เข้าไป ต้องเอาของเก่าออก บุญก็เช่นเดียวกัน กำลังเต็มอยู่ในใจ
แต่ถูกกิเลสในตระกูลโทสะ ทำให้ขัดเคืองขุ่นมัวเข้าไปเสียบ ถ้าเสียบได้ แสดงว่ามันมีช่องว่าง
เพราะฉะนั้นบุญนั้นก็ไม่สะอาด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
มันถูกบาปผสมเข้าไปแล้ว
อย่างนี้แหละที่เรียกว่า บุญหก
ความขุ่นมัว ความขัดเคือง ใครทำอะไรก็ไม่ถูกอกถูกใจทั้งนั้น แม้พระให้พร
ก็ยังไม่ค่อยถูกใจ องค์นี้เสียงอย่างนี้ ทำไมไม่เอาองค์นั้นเสียงดี ๆ มาให้พร คือมันมีปัญหาไปหมดเลย
นั่นแหละเขาจะเสียบมาทางความคิด คำพูด และการกระทำ กิริยาท่าทางของเรา
เวลาหงุดหงิดนี่มันจะออกมาทางระบบประสาท
กล้ามเนื้อ ที่ชัดเจน คือบนใบหน้า หน้าก็จะยู่ยี่ ปากก็เบ้ เสียงที่ออกมาทางปากนะ ดูเอาแล้วกัน
กำลังทำบุญ แต่หน้าอย่างนั้น เสียงก็ออกมา และทำให้คนข้าง ๆ
เขาไม่สบายใจ เพราะความเครียดระบาด มันแผ่ซ่านไปในบรรยากาศ อย่างนี้เรียกว่า ไม่ฉลาดในการทำบุญ แล้วก็ไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจว่า
ทำอย่างไรจะได้บุญ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ๒๐๐
เปอร์เซ็นต์ ๕๐๐ เปอร์เซ็นต์ หรือ ๑,๐๐๐
เปอร์เซ็นต์ หรืออยากได้ ๑๐๐ แต่ได้ ๒๐, ๓๐,
๔๐ นี่เพราะความขุ่นมัว
ต้องระวังนะลูกนะ
ทีนี้ ถ้าภาพนี้ไปเกิดเป็นกรรมนิมิต
ตรงรอยต่อก่อนจะถอดกาย เป็นภาพมาให้เห็นเลยนะ
ตอนนั้นเรานอนหมดแรงอยู่บนเตียงคนป่วย
ไม่ว่าจะด้วยโรคอะไรก็ตาม สรุปว่าไม่มีแรง เสียงก็ไม่มีจะพูด แต่ภาพดันเห็นนี่สิ เห็นตัวเองกำลังยุกยิก ๆ
หน้าตายุกยิก เสียงอย่างนั้น พูดอย่างนี้ เอาไฟไปใส่ในหูคนโน้นคนนี้รอบ ๆ ข้าง
คตินิมิตเกิดขึ้นเลย ไปเกิดเป็นยักษ์ชั้นจาตุ
อย่างนี้สู้ไปเกิดเป็นมนุษย์เสียยังจะดีกว่า
ถ้าหากทำบุญด้วยใจที่ขุ่นมัว หงุดหงิด โฉ๊งเฉ๊งคนโน้น คนนี้
มีสิทธิ์จะไปเกิดเป็นยักษ์
แล้วเวลามาเกิดเป็นมนุษย์
สมบัติจะเจือด้วยวิบัติ คือความโกรธ
ความขุ่นมัวนั่นแหละที่เข้าไปสิงไปแทรกในบุญนั้น
เวลามาเกิด รูปสมบัติจะมีวิบัติเจืออยู่ในรูปสมบัติ สมมติไปประกวดนางงามจักรวาล งามทุกส่วนเลยนะ แต่เกือบได้ หน้าตา รูปร่าง ตอบคำถามฉะฉาน
แต่ตาเอกตาส่อนอย่างนี้ คือมันจะมีเชื้อนิด
ๆ
จะได้เสื้อผ้าอะไร ข้างหน้าสวย แต่ข้างหลังโดนแมลงสาบแทะไปหน่อยอะไรอย่างนี้
กางเกงก็เหมือนกัน ดีแต่ขาดหน่อยหนึ่ง
หนูแทะบ้างอะไรอย่างนี้
ถอยรถใหม่มา พอพ้นอู่ไป โดนเจิมเลย
ไม่ใช่หลวงปู่หลวงตาเจิม รถคันอื่นเจิม ให้เราไม่สบายใจอย่างนี้
จะมีลูกน้องบริวาร ก็ชอบทำให้เราหงุดหงิด
กว่างานจะสำเร็จได้มันช่วยเราเหมือนกันนะ
แต่ช่วยให้หงุดหงิดด้วย
กับช่วยให้ได้ทรัพย์ด้วย นี่จะเป็นอย่างนั้น
จะได้บ้านก็ปลวกขึ้น อย่างนี้นะ
เราลองนึกดู คือมันได้บ้าง แต่มันจะมี but “แต่”คือต้องมีอะไรแถม
จะแว่นตา ปากกา ก็ชำรุด คอนแทคเลนซ์ก็แข็งไป ตาต้องกระพริบ ๆ อยู่เรื่อย
จะใส่รองเท้า มันก็จะมีรอยตำหนิ ของกินของใช้ดี but “แต่”
แตก แต่บิ่น แต่หัก
หรือเวลาจะรับประทานอาหาร กำลังอร่อยทีเดียว
อยู่ในหมู่ชนชั้นสูง เศรษฐีทั้งนั้น กึ๊ก
อ้าว มีกรวดอยู่ในนั้น คนอื่นเขากินกันดี๊ดี ของเราตักมา อ้าว มีกรวดอีก นี่เชื้อโทสะ
กึ๊ก หน้าจะเป็นยังไง มันมีเชื้อ
คุณสมบัติ
ทำข้อสอบ ดวงปัญญายังดี กำลังจะดี
อ้าวหมดเวลาเสียอีก ทำได้แค่ครึ่งเดียว
ดวงปัญญามันส่งได้แค่นั้น
เพราะฉะนั้น เวลาทำบุญ ควรทำบุญแบบไหน จะอารมณ์ดี
หรืออารมณ์เสีย
ต้องอารมณ์ดีอย่างเดียวนะ ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก
ๆ น้อย ๆ แต่ยิ่งใหญ่ อย่าดูเบา
มีอีกตัวอย่างหนึ่ง ท่านเป็นนายทหาร ถูกส่งไปรบที่ภูหินร่องกล้า ในสมัยโน้น
๒๐ กว่าปี
ได้รับคำแนะนำจากผู้บังคัญบัญชาว่า เมื่อกลับมาถึงที่พัก ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม
ก่อนนอนต้องทำความสะอาดกระบอกปืนให้สะอาด ทั้งข้างนอกข้างใน เพราะว่าถ้าไม่สะอาด ลูกกระสุน
มันจะไม่มีอารมณ์ออก มันจะติดลำกล้อง
ขัดลำกล้องอย่างนั้น
ทีนี้ไปรบกลับมามันเหนื่อย คนอื่นก็นอนเอาแรงกันก่อน
คิดว่าตอนเช้าค่อยไปทำความสะอาด
แต่นายทหารท่านนี้อยู่ในโอวาท
ทำความสะอาดปืนทั้งนอกในก่อนนอนทุกครั้ง
ปรากฏคืนหนึ่งได้รับคำสั่งด่วนเลย ให้ออกไปที่สนามรบ เพิ่งพักไปได้แค่ ๔๕ นาที พวกนั้นนึกว่าพักถึงเช้า ไม่ได้ทำความสะอาดกระบอกปืน พอไปถึงสมรภูมิเข้า
ปืนยิงไม่ออก
แต่รอดมาได้เพราะนายทหารท่านนี้
ยิงออกจากกระบอกเดียว ข้าศึกเห็นว่าทำอะไรไม่ได้
ก็ถอยกันไป อันตรายนะ เห็นไหม
แล้วท่านก็ได้รับคำแนะนำว่า เชือกผูกรองเท้าต้องยัดเอาเข้าไปข้างใน
อย่าให้สายรุ่งริ่งออกมาข้างนอก
ท่านอยู่ในวินัยเปี๊ยบ แม้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนี้ มีบางท่านไม่สนใจ ไอ้แค่เชือกผูกรองเท้ามันจะไปอะไรหนักหนา
อยู่ข้างนอกข้างในก็เหมือน ๆ กัน ทีนี้
พอส่งเข้าสู่สมรภูมิ ต้องปีนเขา
เชือกผูกรองเท้าที่อยู่ข้างนอกรองเท้าก็ไปเกี่ยวกิ่งไม้ คลานต่อไปไม่ได้
ก็โดนสอยร่วงตรงนั้น
ส่วนใครที่ยัดเข้าไปข้างในก็คลานต่อไปได้ เห็นไหม
ดูเหมือนว่า แค่เชือกผูกรองเท้ากับทำความสะอาดปืนนี่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่หมายถึงชีวิตทีเดียว
ทำบุญก็เช่นเดียวกัน เงินก็หามายาก พุทธศาสนาก็เกิดยาก
เนื้อนาบุญก็เกิดยาก ศรัทธาก็เกิดยาก
แต่เวลาทำบุญมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะไม่ได้ศึกษาไว้ คือ ความขุ่นมัว
หงุดหงิด มีโทสะในช่วงจังหวะสำคัญเสียด้วย
ต้องระมัดระวังนะ
แต่ว่าใครทำไปแล้ว ก็แล้วกันไป มันผ่านมาแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้
เพราะฉะนั้น อดีตดีดทิ้งไปเลย แล้วก็บาปกรรมทุกชนิดอย่าไปทำ
ความดีอะไรทำมันซ้ำ ๆ บาปอย่าไปนึกซ้ำ ๆ
เดี๋ยวดวงบาปมันโต แล้วมันก็จะไปดูดบาปอื่นติดกันเป็นพวงทีเดียว
บาปชาติในอดีตที่เราเวียนว่ายตายเกิดกันนับภพนับชาติไม่ถ้วน แล้วมันจะมีผลที่เผ็ดร้อนมากเดือดร้อนทีเดียว
ส่วนบุญนึกให้บ่อย ๆ ทำบ่อย ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
จนกว่าเราจะหมดอายุขัย
แล้วก็อย่าไปดูหมิ่นบุญเล็กบุญน้อย ทำมันทุก ๆ
บุญ อย่าให้ตกบุญ แล้วหมั่นนึกเอาไว้เรื่อย ๆ
เท่าที่เราจะนึกได้ ใจมันชุ่มอยู่ในบุญ
นึกสักบุญหนึ่ง เดี๋ยวมันก็ไปดูดบุญอื่นตามกันมาเป็นพวงอีกนั่นแหละ เช่น
นึกถึงบุญสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ พระธรรมกายประจำตัว เราปลื้ม เดี๋ยวบุญทอดกฐิน
ทอดผ้าป่า
สร้างมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี
สร้างสภาธรรมกายสากล บุญพิมพ์พระ กระทั่งบุญเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ จัดรองเท้าก็ดี
ก็จะตามกันเป็นพวงเลยนะ
สำคัญที่สุด คือ ปฏิบัติธรรม ให้ได้อย่างน้อยก็ดวงใส
ๆ ดวงใส ๆ ทำให้ใจเราใส อารมณ์ดีมีมาก ๆ เข้า
อารมณ์ไม่ดีต่าง ๆ ที่เราทำผ่านมาในอดีตมันก็จะค่อย ๆ ลบเลือนไป และดีที่สุดคือเข้าถึงพระธรรมกาย ถ้าเข้าถึงพระธรรมกายได้แล้วล่ะก็ วิบากกรรมอะไรต่าง
ๆ ที่มันติดมาเป็นผังสำเร็จ ก็จะค่อย ๆ หลุดล่อนกันไปเรื่อย ๆ
คุณครูไม่ใหญ่
๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕
วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560