๑๑. แก่นจันทร์แลกกับนมเปรี้ยว
เมื่อพระบรมศาสดาทรงพยากรณ์นิมิตแห่งความฝันประการที่
๑๐ จบแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทรงเล่านิมิตแห่งความฝันประการที่ ๑๑ ให้พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังต่อว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้ฝันเห็นคนทั้งหลายนำแก่นจันทร์ที่มีราคาสูงถึง
๑ แสนกหาปณะ หรือประมาณ ๔ แสนบาท ในยุคนั้น ไปขายแลกกับนมเปรี้ยวเน่า ๆ ซึ่งหาค่ามิได้
นิมิตแห่งความฝันนี้จะมีผลเป็นอย่างไรหรือพระเจ้าข้า”
เมื่อพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ฟังนิมิตแห่งความฝันประการที่
๑๑ จบแล้ว พระองค์ก็ทรงพยากรณ์ความฝันว่า
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะยังไม่เกิดขึ้นในสมัยของพระองค์
และในยุคสมัยที่พระศาสนาของเราเจริญรุ่งเรืองอยู่ แต่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตกาล
ที่ศาสนาของพระตถาคตเสื่อมลงแล้ว
ในยุคนั้นพวกภิกษุผู้เห็นแก่ลาภสักการะจะมีจำนวนมากขึ้น
ซึ่งภิกษุเหล่านี้จะแสดงธรรมของเราเพียงเพื่อหวังเอาลาภสักการะและทรัพย์สินเงินทองจากทายกทายิกา
มิใช่เป็นไปเพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เหมือนดั่งคนทั้งหลายเอาแก่นจันทร์ที่มีราคาตั้ง
๑ แสนกหาปณะ ไปขายแลกกับนมเปรี้ยวเน่า ๆ นั่นเอง
ฉะนั้น ความฝันนี้จะไม่ทำให้เกิดภัยใด
ๆ แก่มหาบพิตรอย่างแน่นอน เพราะสิ่งนี้จักบังเกิดขึ้นในอนาคต
ขอเชิญมหาบพิตรตรัสเล่าความฝันประการที่ ๑๒ ต่อไปเถิด”
ข้อนี้ก็เป็นเรื่องที่พุทธบุตรเราต้องกลับมาพิจารณา
มหาพิจารณาตรงนี้ ถ้ามันทำท่าจะเป็นอย่างนี้ หรือเป็นอย่างนี้ก็แก้ไม่ยาก เพราะพระองค์กล่าวว่า
จะเกิดขึ้นในยุคสมัยที่ศาสนาของตถาคตเสื่อม เราก็ทำให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นก็แค่นั้นเอง และสิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้น นี่พระองค์ทรงพยากรณ์เตือนมาล่วงหน้าแล้วนะ
วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564