๖. สุนัขจิ้งจอกปัสสาวะลงในถาดทอง
เมื่อพระบรมศาสดาทรงพยากรณ์นิมิตแห่งความฝันประการที่
๕ จบแล้ว พระเจ้า ปเสนทิโกศลก็ทรงเล่านิมิตแห่งความฝันประการที่ ๖
ให้พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังต่อว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
หม่อมฉันฝันเห็นมหาชนพากันขัดถูถาดทองคำ ที่มีราคาตั้งแสนกหาปณะ (๑ กหาปณะ เท่ากับ ๔ บาท ราคาเมื่อ ๑๐๐ ปี
ที่แล้ว ก็ประมาณ ๔ แสนบาท ในยุคนั้นนะ เดี๋ยวนี้ก็คิดดูก็แล้วกันว่า ราคาทองขนาดไหน
ทำถาดใหญ่ ๆ นี่เรานึกเอาประมาณนั้นนะ)
จากนั้นก็จะนำถาดทองคำนั้นไปให้สุนัขจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง
แล้วก็พากันกล่าวกับสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นว่า “ขอเชิญท่านปัสสาวะใส่ถาดทองนี้เถิด” เมื่อสุนัขจิ้งจอกแก่ได้ฟังเช่นนั้นมันก็ปัสสาวะใส่ถาดทองใบนั้นเลย นิมิตแห่งความฝันนี้จะมีผลเป็นอย่างไรหรือพระเจ้าข้า”
เมื่อพระบรมศาสดาได้รับฟังนิมิตแห่งความฝันประการที่
๖ ของพระเจ้าปเสนทิโกศลจบแล้ว พระองค์ก็ทรงพยากรณ์ความฝันว่า
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะยังไม่เกิดขึ้นในสมัยของพระองค์
และในยุคสมัยที่พระศาสนาของเราเจริญรุ่งเรืองอยู่ แต่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตกาล
เมื่อโลกถึงยุคเสื่อม ซึ่งอยู่ในรัชสมัยของพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม
พระราชาเหล่านั้นจะทรงพากันรังเกียจบุคคลผู้มีตระกูลสูง
หรือเหล่าคนดีที่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม บุคคลเหล่านี้จะโดนกดขี่ และไม่พระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์ใด
ๆ ให้ แต่กลับพระราชทานให้แก่คนที่อยู่ในตระกูลต่ำทราม ด้อยปัญญา
หรือเหล่าคนพาลที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรมแทน
พวกคนที่อยู่ในตระกูลสูง
มีศีลธรรม มีสติปัญญาจะพากันตกยาก และมีชีวิตที่ฝืดเคือง เมื่อมีชีวิตลำบากมากเข้า
ๆ ก็จะพากันยกธิดาให้แก่คนที่อยู่ในตระกูลต่ำ
หรือเหล่าคนพาลที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรมที่พระราชายกย่อง ซึ่งการอยู่ร่วมกันของธิดาที่มาจากตระกูลสูงกับพวกคนที่อยู่ในตระกูลต่ำเหล่านั้นก็เหมือนดั่งถาดทองที่รองรับปัสสาวะของสุนัขจิ้งจอกนั่นเอง
ฉะนั้น ความฝันนี้จะไม่ทำให้เกิดภัยใด
ๆ แก่มหาบพิตรอย่างแน่นอน เพราะสิ่งนี้จะบังเกิดขึ้นในอนาคต
ขอเชิญมหาบพิตรตรัสเล่าความฝันประการที่ ๗ ต่อไปเถิด
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2564