๑๔. ฝูงเขียดไล่กวดฝูงงูเห่า
เมื่อพระบรมศาสดาทรงพยากรณ์นิมิตแห่งความฝันประการที่
๑๓ จบแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทรงเล่านิมิตแห่งความฝันประการที่ ๑๔
ให้พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังต่อว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
หม่อมฉันฝันเห็นฝูงเขียดตัวเล็ก ๆ
ขนาดเท่าดอกมะซาง* วิ่งไล่กวดฝูงงูเห่าตัวใหญ่ ๆ
อีกทั้งฝูงเขียดเหล่านั้นยังสามารถกัดงูเห่าตัวใหญ่ ๆ ให้ขาดออกเป็นท่อน ๆ
ได้อย่างสบาย ราวกับตัดก้านบัว ฉะนั้น นิมิตแห่งความฝันนี้จะมีผลเป็นอย่างไรหรือพระเจ้าข้า”
เมื่อพระบรมศาสดาได้ฟังนิมิตแห่งความฝันประการที่
๑๔ ของพระเจ้าปเสนทิโกศลจบแล้ว พระองค์ก็ทรงพยากรณ์ความฝันว่า
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้
จะยังไม่เกิดขึ้นในสมัยของพระองค์
และในยุคสมัยที่พระศาสนาของเราเจริญรุ่งเรืองอยู่ แต่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตกาลเมื่อโลกถึงยุคเสื่อม
ในยุคนั้น
ผู้คนจะมีราคะแรงกล้า ทั้งหญิงทั้งชายจะปล่อยตัวปล่อยใจตามอำนาจของกิเลส
คือ หลุดออกไปเลย จากที่ตั้งดั้งเดิม
เพราะความกำหนัดยินดีในกามแรงกล้าเข้าไปครอบงำ เหล่าบุรุษเพศจะตกอยู่ภายใต้อำนาจภรรยาของตน
ซึ่งอายุยังน้อย
พวกนางจะครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดในบ้าน เมื่อสามีถามถึงทรัพย์สินเงินทองที่ตนเองหามาได้
พวกนางก็จะด่าว่าด้วยถ้อยคำต่าง ๆ นานา
อีกทั้งยังกดขี่สามีไว้ใต้อำนาจของตนประดุจดั่งทาสในเรือนเบี้ย
เหมือนดั่งฝูงเขียดตัวเล็ก ๆ กัดกินฝูงงูเห่าซึ่งมีพิษร้ายได้อย่างง่ายดาย"
ฉะนั้น ความฝันนี้จะไม่ทำให้เกิดภัยใด
ๆ แก่มหาบพิตรอย่างแน่นอน เพราะสิ่งนี้จักบังเกิดขึ้นในอนาคต
ขอเชิญมหาบพิตรเล่าความฝันประการที่ ๑๕ ต่อไปเถิด”
(*ดอกมะซางจะมีลักษณะเป็นดอกเดี่ยว
แต่ออกเป็นกระจุกตามปลายกิ่งเหนือกลุ่มใบ ขนาดประมาณ ๒.๕ – ๓ เซนติเมตร)
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2564